14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ฉู่จิ้งเฟิงนั่งลงไม่นาน บ่าวในคฤหาสน์สกุลหลี่ก็ยกอาหารแต่ละจานเข้ามา
คฤหาสน์สกุลหลี่ร่ำรวยทุกรุ่น แต่เรื่องอาหารการกินไม่สนใจเรื่องความหรูหรา ทว่าตอนนี้ลูกเขยสูงศักดิ์มาเยือน จึงได้ตั้งอาหารที่ซื้อมาจากหอสุราจำนวนหนึ่ง แต่มีเอกลักษณ์ของเมืองเหลียวเฉิง จัดอาหารพื้นถิ่นท่ามกลางปลาและเนื้อแต่ละจานด้วย อย่างเช่นแตงกรอบดองยำถั่วเขียว หรืออย่างผักกาดสดราดน้ำเนื้อย่าง อาหารจานใหญ่จานเล็กวางเรียงกันเต็มโต๊ะ
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สั่งคนให้ยกน้ำแกงเนื้อสีแดงสดร้อนควันระอุถ้วยหนึ่งมาวางตรงหน้าฉู่จิ้งเฟิง แล้วกำชับให้เขากินมากหน่อย
หลี่รั่วอวี๋ตาเป็นประกาย อาหารถ้วยนี้มีลักษณะเป็นชิ้นๆ เหมือนเนื้อแต่ก็ไม่ใช่ ราดน้ำพะโล้แดง กลิ่นหอมแตะจมูก จึงยื่นตะเกียบไปอย่างดีใจ “หอมๆ…จะกิน!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตีหลังมือของหลี่รั่วอวี๋ “เจ้าเด็กผู้นี้ นี่ทำให้ซือหม่าโดยเฉพาะ ไม่ได้ทำให้เจ้ากิน”
หลี่รั่วอวี๋ยู่ปาก ในใจลอบบ่นว่าท่านแม่ลำเอียง จึงยื่นมือไปหยิบเนื้อห่านนึ่งชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างเก้ๆ กังๆ
ฉู่จิ้งเฟิงถามฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ว่านี่คืออาหารอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อึกอักแต่ไม่บอกอะไร พูดเพียงว่าอาหารนี้ดีมาก กล่อมให้ฉู่จิ้งเฟิงกินมากๆ หน่อย
ฉู่จิ้งเฟิงที่รู้เรื่องยามาบ้างดมออกว่าในอาหารมีกลิ่นอิ๋นหยางฮั่ว* และตู้จง** คงจะเป็นของที่ใช้บำรุงร่างกายบุรุษ จึงยื่นตะเกียบไปคีบหนึ่งชิ้นส่งเข้าปาก ตอนเข้าปากยังมีกลิ่นหอมปนเค็มของเครื่องพะโล้และสมุนไพร แต่พอเคี้ยวไม่กี่ทีกลับมีกลิ่นสาบจางๆ ฉู่จิ้งเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กลืนเนื้อลงท้องแล้วก็ไม่คิดจะกินอีก
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับมีดวงตาเปล่งประกาย คะยั้นคะยอให้เขากินให้มากหน่อย
ฉู่จิ้งเฟิงลังเลสักครู่ คิดว่าในเมื่อท่านแม่ยายตั้งใจเตรียมให้ จะไม่ไว้หน้าคงไม่ได้ จึงฝืนใจดื่มสุราแล้วกินไปอีกหลายชิ้น
หลี่รั่วอวี๋อยู่ด้านข้างมองอย่างอิจฉา เห็นการเคี้ยวของเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
สุดท้ายด้วยทนการรบเร้าไม่ไหว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงคีบให้นางหนึ่งชิ้น แต่ปากกลับพูดเสียงแข็งว่า “ชิ้นเดียวก็พอแล้ว เจ้ากินไปก็เสียของ!”
แต่ว่าหลี่รั่วอวี๋เคี้ยวไม่กี่ทีก็คายทิ้ง ตัดความคิดเดิมทิ้งไป และตั้งใจกินตีนเป็ดตุ๋นกับไก่ต้มแปดทรัพย์ต่ออย่างมีความสุข
หลังอาหารเย็น ฉู่จิ้งเฟิงกลับถึงห้องพัก รู้สึกว่าในปากยังมีกลิ่นเหม็นคาวติดอยู่รางๆ จึงลุกขึ้นไปเดินเล่นในลานบ้าน พ่อบ้านคฤหาสน์สกุลหลี่กับคนอีกผู้หนึ่งเดินผ่านนอกลาน มีเสียงพูดลอยมาตามสายลมโชยเอื่อยยามค่ำคืน “เห็นทีน้ำแกงวันนี้จะถูกปากท่านเขย”
“นั่นสิ! ที่ฆ่าวันนี้เป็นลูกลาจริงๆ บำรุงร่างกายได้อย่างดีเชียวนะ”
ได้ยินประโยคนี้แล้วฉู่จิ้งเฟิงก็ชะงักฝีเท้า ซ่อนตัวหลังระเบียงทางเดินยาวในลานบ้าน
“ดังนั้นฮูหยินจึงกำชับภรรยาข้าให้เอามาให้ท่านเขย แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับเช่นนี้ เพราะร่างกายท่านเขยมีอะไรบกพร่องใช่หรือไม่”
“บำรุงมากเกินไปจริงๆ… เหมือนจะบำรุงอาการหย่อนสมรรถภาพ คงอยากให้คุณหนูรองรีบตั้งท้องกระมัง” คำตอบนั้นดูลังเลอยู่บ้าง
รอเสียงนั้นไกลออกไปแล้ว ฉู่จิ้งเฟิงจึงออกมาจากที่ซ่อนตัว แต่ใบหน้านั้นเย็นเยือกราวน้ำแข็ง เขารู้มานานแล้วว่าแม่ยายของตนเองเป็นคนที่คิดทำอะไรไม่มีแบบแผน แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้นางจะนึกไปไกล ทำของบำรุงใหญ่ให้เขาเช่นนี้
เดิมทีเขายังสงสัยว่าเหตุใดทั่วร่างจึงร้อนรุ่ม ตอนนี้ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว
เวลานี้ไม่มีแก่ใจไปโกรธฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่หลอกให้ตนเองกินของสกปรกเช่นนี้ เลือดทั่วร่างของเขาเหมือนจะไหลเวียนเร็วมาก
ฉู่จิ้งเฟิงเดินรุ่มร้อนอยู่หลายรอบ คิดสักครู่จึงก้าวเท้าเดินไปที่เรือนพักของหลี่รั่วอวี๋ ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋ยังไม่เข้านอนเช่นกัน กำลังนั่งหัวชนกับเสียนเอ๋อร์น้องชายอยู่บนชิงช้าอ่านหนังสือภาพด้วยกันอย่างสนุกสนาน
แม้ทั้งสองคนอายุจะต่างกันสิบปี แต่แววตานั้นกลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ดูมีความโง่ทึ่มไร้เดียงสาอยู่บ้าง แม้แต่สีหน้าตอนอ่านถึงฉากที่ตื่นตาตื่นใจก็ยังเหมือนกันทุกอย่าง
ซูซิ่วตาดี เห็นฉู่จิ้งเฟิงที่ยืนอยู่ตรงปากประตูเรือนในทันทีจึงรีบส่งเสียงเรียก “ท่านซือหม่า ท่านมาหรือเจ้าคะ”
น่าเสียดายสองพี่น้องอ่านจนเพลิน แม้จะได้ยินเสียงของซูซิ่วแต่ก็ไม่ได้เหลือบมองมา เพียงแค่หัวเราะขบขัน
เห็นภาพนี้แล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็รู้สึกว่าความร้อนใจนั้นค่อยๆ ลดลง ตอนนี้นางเป็นเหมือนเด็กเล็ก หากฝืนทำตามใจเขาจะต้องทำให้นางกลัวอย่างแน่นอน เขาจะใจร้อนเพื่อจุดประสงค์เพียงชั่วคราวไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป
เขาคิดได้ดังนี้ ทางหนังสือภาพนั้นก็พลิกมาถึงหน้าสุดท้ายแล้ว จบตอนพอดี
สองพี่น้องอ่านแล้วยังไม่หมดสนุก จึงจุปากพลางปิดหนังสือ ในตอนนี้เสียนเอ๋อร์จึงช้อนตาขึ้นมองเห็นพี่เขย ร่างน้อยนั้นกระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งตัวอ้วนกลมมาหาฉู่จิ้งเฟิง แล้วยื่นมือไปจะให้เขาอุ้ม
หลังจากฉู่จิ้งเฟิงเข้ามาในเรือนหลังของคฤหาสน์สกุลหลี่ก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณหนูรองหลี่ที่เขารู้จักก่อนหน้านี้บางครั้งจึงมีความสุขุมฉลาดเฉลียวเกินอายุ เป็นเพราะคนในคฤหาสน์นี้ถูกปกป้องดีเกินไป มีความไร้เดียงสาแบบคนที่ไม่รู้จักโลก จึงทำให้คุณหนูรองที่รู้ความต้องทำตัวให้เป็นคนแข็งแกร่ง
ในคฤหาสน์แห่งนี้คนแก่เป็นเช่นนี้ เด็กก็เป็นเช่นเดียวกัน คนอื่นเห็นผมสีขาวเงินใบหน้าเย็นชาของเขาแล้วล้วนหวาดกลัว มีเพียงคนแก่เด็กเล็กในคฤหาสน์นี้ที่มองอะไรไม่ออก พากันมาเข้าใกล้เขาอย่างสนิทสนม
คนแก่นั้นไม่ต้องพูดถึง คิดไปไกลถึงหาของบำรุงมาให้กินจนเลือดลมไหลเวียนวุ่นวาย
ส่วนเด็กน้อยผู้นี้ หลังจากเอาของเล่นแปลกๆ จากเมืองหลวงมากมายมาให้เขาเป็นของขวัญแล้ว ก็ไม่กลัวผมสีขาวเงินของตนเองเหมือนในตอนแรก คงเพราะเสียบิดาตั้งแต่อายุยังน้อย ในบ้านก็ไม่มีชายฉกรรจ์พอเป็นที่พึ่งได้ จึงชอบมาเข้าใกล้เขา จะให้เขาอุ้มท่าเดียว จะต้องอบรมให้ดี ไม่เช่นนั้นภายหน้าจะดูแลสกุลหลี่ได้อย่างไรกัน
Comments
