14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ในตอนนี้เองก็เห็นหญิงสาวสวมงอบคลุมหน้าพลิกเปิดผ้าคลุมหน้าอย่างเบิกบานแล้วตะโกนเสียงดัง “รั่วอวี๋ไม่ได้พูดอะไรเลย พี่ฉู่…พี่ต้องซื้อขนมโก๋แป้งข้าวเจ้าให้รั่วอวี๋กินอีกนะ!”
หน้าตาสะสวยงดงามนั้นคือหลี่รั่วอวี๋ไม่ผิดแน่นอน แม้แต่ไฝเม็ดกลมตรงคอนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ทว่านางในตอนนี้กลับดูเบิกบานใจไร้กังวล แววตาฉายความไร้เดียงสาออกมา ซึ่งไม่มีทางปรากฏบนใบหน้าสุขุมเกินกว่าอายุของหญิงสาวผู้นั้นเด็ดขาด…
ฉู่หวั่นเหนียงยืนตะลึงอยู่กลางศาลาพักร้อนนั้น ทำได้เพียงปากสั่นเทาเอ่ยถามหญิงสาวที่ไร้ความกังวลผู้นั้น “ท่าน…เป็นผู้ใดกันแน่”
ฉู่จิ้งเฟิงไม่มองหน้าเจ้าเมืองเมืองวั่นโจวที่เข้ามาป่วนเรื่อง แต่พูดสั่งการกวนป้าที่อยู่ข้างหลัง “เอาตัวหญิงผู้นี้ไป!” พูดจบก็จูงมือหลี่รั่วอวี๋ เดินตรงออกจากหอซิ่วชุน
ฉู่หวั่นเหนียงย่อมไม่ยอม ทว่าแม้แต่เจ้าเมืองยังไม่กล้าขวาง นับประสาอะไรกับแม่เล้า!
เรื่องน่ากลัวที่ว่าผีเห็นยังหวั่นฆ่าล้างเมืองภายในคืนเดียว ผู้ใดไม่เคยได้ยินบ้างเล่า เช่นนี้แล้วผู้ใดเลยจะกล้ารนหาที่ตายไปขวางซือหม่าจับตัวคนเล่า ดังนั้นจึงเห็นเพียงยอดบุปผาที่ก่อนหน้านี้ยังงดงามจับตา ถูกกวนป้าที่ร่างสูงใหญ่กำยำแบกนางขึ้นบ่าด้วยมือเดียวแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
รอจนแบกขึ้นเรือแล้ว ฉู่หวั่นเหนียงก็มีสภาพผมเผ้าหลุดลุ่ย ก่อนหน้านี้นางด่าต่อหน้าฉู่จิ้งเฟิงว่าเป็นผีเห็นยังหวั่นจอมสังหาร ตอนแรกแม้จะกลัว แต่ถูกบุรุษแบกไว้บนบ่าหน้าทิ่มดินอย่างกักขฬะแบบนี้ นางก็โกรธมากเช่นกัน จึงไม่หวาดหวั่นอะไรอีก อ้าปากด่าทันที
พอเข้าไปในโถงเรือใหญ่ หลังจากนางถูกกวนป้าโยนลงบนพื้นแล้วก็ถลึงตาจ้องฉู่จิ้งเฟิงที่นั่งอยู่กลางโถงอย่างโมโห ท่าทางเหมือนจะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่ท่าน
ฉู่จิ้งเฟิงแค่นเสียงสบถ ทว่าในใจกลับโมโหที่ตนเองรู้เรื่องในอดีตของหลี่รั่วอวี๋น้อยมาก
หญิงผู้นี้! สามคำสอนเก้าสำนัก* ล้วนรู้จักไปทั่ว!
ที่เขาพาตัวยอดบุปผาผู้นี้มาด้วย เพราะเขาอยากรู้มากว่าเหตุใดตอนแรกหลี่รั่วอวี๋ขนสัมภาระการทหารไปส่งผิดเวลา ทำให้กองทัพของเขาเกือบจะประสบเคราะห์ร้ายกันหมด
ฉู่หวั่นเหนียงเมื่อรู้แล้วว่าชายผมสีขาวเงินผู้นี้คือผีเห็นยังหวั่นของต้าฉู่ ก็ปิดปากแน่นเหมือนกาบหอย ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย
แต่พอนางได้ยินว่าหลี่รั่วอวี๋ตกม้าสมองกระทบกระเทือน ในดวงตาก็มีน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
ฉู่จิ้งเฟิงเห็นนางเป็นเช่นนั้นคงถามไม่ได้ความอะไร จึงไม่คิดจะถามอะไรอีก ได้แต่คุมตัวนางไว้ที่ห้องในเรือชั่วคราว ส่วนกล่องไม้ใบนั้นวางอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ถึงแม้จะใส่กุญแจไว้ แต่นิ้วเหล็กของฉู่จิ้งเฟิงออกแรงเพียงนิดก็บิดกุญแจให้หักจากกัน เปิดกล่องใบนั้นออกได้แล้ว ในกล่องนั้นมีจดหมายวางอยู่หลายฉบับ ฉบับหนึ่งเพื่อมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ในจดหมายเขียนถึงเรื่องหลังจากนางตาย บัญชี ร้านค้า อู่เรือทุกอย่างเขียนอย่างละเอียด และกำชับมารดาว่าหากมีคนต้องการยึดทรัพย์สมบัติสกุลหลี่ หากอีกฝ่ายมีอำนาจมากกว่าก็ไม่ต้องปกป้องทรัพย์สมบัติทำลายชีวิตตนเอง นอกจากร้านที่เปิดเผยของสกุลหลี่แล้ว นางยังได้ใช้ชื่อหลงจู๊เฝิงซื้อที่ดินกิจการไว้ที่เมืองจินโจวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง เพียงพอให้มารดากับน้องชายใช้ชีวิตได้
จดหมายฉบับนี้เขียนไว้อย่างละเอียดถึงกว่าสิบหน้า
ฉู่จิ้งเฟิงมองดูตัวอักษรที่งดงามแต่ไม่ขาดพลังบนกระดาษแล้ว ก็รับรู้ได้ว่าหลี่รั่วอวี๋ยังมีห่วงต่อแม่ลูกสกุลหลี่ที่ไม่รู้เรื่องราวนั้นมากเพียงใด
จดหมายอีกสองสามฉบับเขียนให้หลงจู๊เฝิงกับคนดูแลขบวนเรือสกุลหลี่ ยังมีภาพผังพร้อมหมายเหตุอย่างละเอียดอีกหลายใบ เห็นได้ว่าเป็นภาพผังเรือรบที่อู่เรือสกุลหลี่กำลังเร่งสร้างอยู่ในตอนนี้
คิดภาพได้เลยว่าตอนนั้นหลี่รั่วอวี๋หอบเอาความคิดที่ว่าคงต้องตายหากเข้าไปในค่ายใหญ่ของเขาฉู่จิ้งเฟิง
ฉู่จิ้งเฟิงยืนขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชั้นใน
หลังจากหลี่รั่วอวี๋เปลี่ยนเสื้อผ้า กินขาเป็ดตุ๋นเกาลัดหวานและไข่น้ำใส่เอ็นหอย กินหมั่นโถวนมแพะอีกครึ่งลูกแล้วก็นอนหลับไป
อย่างไรเสียก็ป่วยหนัก อีกทั้งวันนี้ยังเดินมาเป็นเวลานานอีก นางจึงเหนื่อยมาก กินอิ่มแล้วก็นอนหลับสนิทอย่างสบายใจ
ฉู่จิ้งเฟิงนั่งลงข้างเตียง มองดูใบหน้าเล็กที่มีเลือดฝาดใต้ผ้าห่มนั้นแล้วก็อดไม่ได้โน้มตัวลงไปจูบ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ พลิกเปิดผ้าห่ม ตรวจทั่วร่างของนางว่ามีบาดแผลใหม่หรือไม่
ในคืนวันแต่งงานแม้จะล่วงเกินหญิงร่างเล็กผู้นี้รุนแรงไป แต่ตอนนั้นเป็นไปด้วยความรีบร้อนและจมอยู่กับร่างเนียนนุ่มเนินอวบอิ่มนั้น จนลืมสังเกตว่านางมีบาดแผลหรือไม่
เขาตรวจดูไปทั่ว พลิกเปิดบังทรงสีชมพูอมแดงของนาง เผยให้เห็นหน้าท้องขาวเนียน ก่อนจะพบว่าข้างสะดือกลมมีแผลเป็นเล็กสีแดงอยู่จริงๆ
จำได้ว่าครั้งก่อน เพราะเขางับแผลเป็นรอยนี้ ร่างกายของหลี่รั่วอวี๋ก็แข็งเกร็งไปทันใด จากนั้นก็ร้องไห้โวยวายไม่หยุด ก่อนที่เขาจะคิดว่านางกลัวดวงตาประหลาดของตนเอง ไม่เคยคิดอย่างละเอียดถึงรอยแผลเป็นนี้ ตอนนี้ดูอย่างละเอียดแล้ว รอยแผลเป็นจากคมมีดนี้เป็นปกติทั่วไป แต่ผิวแผลเป็นนูนสูงมาก ปากแผลไม่ใหญ่ แต่ต้องลึกมาก อาวุธชิ้นนั้นต้องคมเป็นพิเศษไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน
จากคำที่ฉู่หวั่นเหนียงโพล่งออกมาก่อนหน้านี้ หลี่รั่วอวี๋ได้รับบาดเจ็บตอนที่ขนส่งสัมภาระทหาร จึงได้ส่งของล่าช้า แต่คนที่ทำร้ายนางเป็นผู้ใดกัน
ฉู่จิ้งเฟิงลูบบาดแผลที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้นั้นอย่างเบามือ อดคิดถึงภาพตอนที่นางเข้าไปขอรับโทษในค่ายด้วยตนเองไม่ได้
ตอนนั้นใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมานานเหมือนจะผอมลงไปมาก คงเป็นเพราะเสียเลือดและบาดเจ็บหนักแน่นอน ทว่าเขาเองก็ถูกพิษยังไม่หายดี ผมดำทั้งหัวกลายเป็นสีขาวเงินอย่างประหลาด จนถูกความโกรธบดบังสติไปเลยจริงๆ
ในตอนนั้นด้วยความโกรธจัดเขาจึงฆ่าม้าในขบวนสินค้าของนาง ทำลายเผารถม้า และไล่นางออกจากค่าย ประกาศกร้าวว่าต่อไปอย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก
ตอนนี้คิดดูแล้ว ความผิดพลาดใหญ่โตแบบนี้ไม่เหมือนความผิดที่หญิงสาวสุขุมโตกว่าวัยผู้นั้นจะทำได้ และทั้งที่เขาก็มีประกาศจับไปก่อนหน้า นางยังเสี่ยงตายมามอบตัว จะพูดอธิบายเหตุผลต่อหน้าก็น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ให้โอกาสนางได้พูด…
คิดถึง ‘คำสั่งเสีย’ อย่างละเอียดนั้นแล้ว เขาก็ลูบแก้มของหญิงสาวเบาๆ พลางเอ่ย “ตอนนั้นเจ้ากลัวข้าจะฆ่าเจ้าขนาดนั้นเชียวหรือ แล้ว…เหตุใดยังดื้อดึงจะมาหาอีกเล่า”
Comments
