ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังคำพูดของโจวอี๋เหนียงก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างพลันเย็นเยือก นางเคยได้ยินเรื่องราวเหลือเชื่อของพวกเรือนหลังในงานเลี้ยงบรรดาฮูหยินมาบ้าง ภาพเหตุการณ์นั้นลอยผ่านหน้าเหมือนโคมม้าวิ่ง เมื่อคิดถึงบุตรสาวตนเองถูกคนรังแก จิตใจก็ให้ประหวั่นยิ่ง
นางเป็นคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง แค่ได้ยินเสียงลมก็คิดว่าฝนจะตก เกิดความคิดจะล้มเลิกการแต่งงานทันที แต่ตอนนี้กำหนดวันเวลาไว้แล้ว เทียบเชิญก็ส่งไปทั่วทุกคฤหาสน์ในเมืองเหลียวเฉิงแล้ว ได้ยินว่าคุณชายรองเสิ่นเป็นคนกว้างขวาง คบค้ากับขุนนางนับไม่ถ้วน แม้แต่จวนสิ่งทอที่ตั้งอยู่ในเจียงหนาน รับผิดชอบจัดซื้อเครื่องบรรณาการราชสำนักยังส่งเว่ยกงกงที่เป็นผู้ดูแลมาร่วมงานอีกด้วย
หากล้มเลิกการแต่งงานในตอนนี้ อย่าว่าแต่ไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นเพียงพอเลย ต่อให้มีหน้าตาของสกุลเสิ่นก็คงถูกการที่สกุลหลี่เปลี่ยนใจไม่แต่งงานฉีกจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแน่นอน
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เดิมทีเป็นคนที่ถือธรรมเนียมประเพณีรักศักดิ์ศรีหน้าตาอยู่แล้ว เพียงแค่คิดถึงความวุ่นวายในการล้มเลิกการแต่งงาน ครึ่งร่างก็รู้สึกเหมือนแช่อยู่ในหลุมน้ำแข็งเช่นกัน
โจวอี๋เหนียงเห็นท่าทางฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ดูทำอะไรไม่ถูกแล้วก็รีบกุมมือนางแล้วพูดปลอบ “พี่หญิงอย่าร้อนใจไป ทุกอย่างล้วนมีทางแก้ไข พูดไปแล้ว อะไรก็เทียบไม่ได้กับสายเลือดเดียวกัน ถ้าหวังจะให้ในอนาคตลูกเขยสกุลเสิ่นแต่งอนุที่เพียบพร้อม สู้ให้เสวียนเอ๋อร์แต่งเข้าไปพร้อมกับคุณหนูรองยังจะดีกว่า เป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน อนาคตไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ล้วนมีเสวียนเอ๋อร์คอยดูแลคุณหนูรอง แบบนี้พี่กับข้าแม้ตัวจะอยู่เมืองเหลียวเฉิง ก็สามารถคลายความกังวลในใจได้ไม่ใช่หรือ”
ข้อเสนอเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลย เอ๋อหวงหนี่ว์อิง มีสามีคนเดียวกัน แม้จะเป็นเรื่องราวอันดีที่เล่าขานกันมานาน แต่พอมาเป็นเรื่องของบุตรสาวคนรองที่พิเศษไม่เหมือนผู้ใดของตนเองแล้วกลับเป็นนิทานโบราณที่เหลวไหลและไม่อาจเป็นจริงได้
หญิงสาวที่ท่องไปทั่วเหนือใต้ตั้งแต่อายุยังน้อย จะยอมใช้สามีร่วมกับหญิงอื่นได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงว่าทุกครั้งที่ตนเองเกลี้ยกล่อมให้สามีรับอนุนั้น หลี่รั่วอวี๋ก็ปั้นหน้าเย็นชาใส่ ดวงตาโตของคนผ่านโลกมามากที่มองดูนางแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองเวลาไม่ได้ดั่งใจออกมา คนเป็นแม่ที่ถูกบุตรสาวมองเหยียดเช่นนี้ก็เพียงพอจะทำให้ละอายใจได้แล้ว
“เรื่องนี้…เรื่องนี้จะได้อย่างไร มันไม่ยุติธรรมกับเสวียนเอ๋อร์เช่นกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เอ่ยตอบปฏิเสธออกไปในที่สุด
ทว่าหลี่เสวียนเอ๋อร์กลับเงยหน้าขึ้น พูดเสียงเบาว่า “แม่ใหญ่…ถ้าเพื่อพี่รองแล้ว เสวียนเอ๋อร์ยินดีจะเป็นอนุ ขอเพียงได้ดูแลข้างกายพี่รอง เสวียนเอ๋อร์ก็นับว่าได้แสดงความกตัญญูต่อแม่ใหญ่บ้างแล้ว ขอแม่ใหญ่อนุญาตด้วยเถิด”
“ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ นิสัยของรั่วอวี๋พวกเจ้าใช่จะไม่รู้ ถ้านางหายดีแล้ว รู้ว่าข้าที่เป็นแม่จัดการเช่นนี้ นางต้องโกรธแน่นอน…” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แม้จะไม่มีความคิดเป็นของตนเอง แต่ก็รู้ด้วยจิตใต้สำนึกว่าวิธีนี้ไม่เหมาะสม ควรจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
โจวอี๋เหนียงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่ยอมจึงถอนใจเบาๆ แล้วตำหนิบุตรสาวเสียงเข้ม “บอกเจ้าแต่แรกแล้วว่า แม้เจ้าจะเป็นห่วงพี่รอง ไปพร้อมสินสอดเช่นนี้ไม่เหมาะสม แม้แม่ใหญ่เจ้าจะยินยอม คุณชายรองเสิ่นนั่นดูจากอนาคตของเขาแล้ว ต่อไปแม้จะแต่งอนุจริงก็ไม่ใช่บุตรสาวอนุในบ้านคนธรรมดาทั่วไป อย่างน้อยต้องเลือกคุณหนูลูกขุนนางที่มีความสง่า เหตุใดเจ้าต้องทำให้แม่ใหญ่ของเจ้าลำบากใจในตอนนี้ด้วยนะ”
คำพูดที่เหมือนกับตำหนิบุตรสาวนี้เมื่อเข้าหูของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แล้วก็ทำให้หัวใจนางเหมือนมีคลื่นถาโถมในทันที ข้อเสนอของโจวอี๋เหนียงแม้จะน่าตกใจมาก แต่กลับมีเหตุผลและน้ำใจ ตอนนี้สกุลเสิ่นค่อยๆ รุ่งเรืองขึ้น อนาคตหากคุณชายรองสกุลเสิ่นมีตำแหน่งสูงขึ้นจริง หญิงสาวที่เข้ามาพะเน้าพะนอจะมีน้อยได้อย่างไร บุตรสาวของตนเองหากไม่หายดี แล้ว…แล้วจะทำอย่างไร
หลี่เสวียนเอ๋อร์ช่างเป็นห่วงพี่รองจริงๆ จึงเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว…
เมื่อคิดเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ไม่ยอมให้โจวอี๋เหนียงตำหนิหลี่เสวียนเอ๋อร์อีก ปากก็พูดอย่างลังเลขึ้นว่า “อันที่จริงน้องก็พูดมีเหตุผล… แต่อย่างไรเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมต่อเสวียนเอ๋อร์จริงๆ…”
หลี่เสวียนเอ๋อร์รู้ความหมายในคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดเสียงเบา “สามารถอยู่ที่เดียวกับพี่รองได้จะมีความคับข้องใจอะไร แม่ใหญ่วางใจได้เลย หลังจากแต่งเข้าไปแล้วเสวียนเอ๋อร์จะพยายามดูแลพี่รองเต็มที่ จะไม่ให้นางมีความเสียใจแม้แต่น้อย…”
เห็นปัญหาใหญ่เทียมฟ้าแก้ไขได้อย่างสวยงามแล้ว เหล่าหญิงสาวสกุลหลี่ยังไม่ทันได้ยิ้มเบิกบานก็ได้ยินเสียงพูดเย็นชาดังฟังชัดลอดเข้ามาจากนอกประตู “น้องรองยังไม่ทันออกเรือน สามีของตัวเองก็ถูกเตรียมการแบ่งเอาไว้อย่างดีแล้ว อี๋เหนียงช่างดีดลูกคิดได้ดีจริงๆ!”
คำพูดนี้แทงใจดำอย่างมาก ทุกคนพากันหันไปตามเสียง เห็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดขี่ม้าท่าทางสง่างามองอาจยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูโถงรับแขก