ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่หนึ่ง-บทที่สอง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ช้อนตาขึ้นมอง ความยินดีที่ได้พบกันหลังจากกันไปนานจางลงไปบ้าง นางถลึงตาแล้วพูดว่า “รั่วฮุ่ย เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”
ที่แท้คนที่พูดก็คือหลี่รั่วฮุ่ยบุตรสาวคนโตสกุลหลี่ที่ออกเรือนไปแล้ว นางโตกว่าหลี่รั่วอวี๋สิบสามปี แต่งเป็นภรรยาของขุนนางฝ่ายบู๊หลิวจ้ง ภายหลังย้ายตามสามีไปประจำการที่เมืองฉางโจว
ฉางโจวไม่ไกลจากเมืองเหลียวเฉิงนัก หลี่รั่วฮุ่ยได้รับจดหมายของท่านแม่ หลังจากรู้ว่าน้องรองของตนเองเกิดเรื่องก็รีบเดินทางรอนแรมกลับมาบ้านทันที
เมืองเหลียวเฉิงไม่ใหญ่ ผู้คนในเมืองคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ดังนั้นตอนที่นางขี่ม้าเข้าเมืองก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดีที่งานมงคลคฤหาสน์สกุลหลี่ใกล้เข้ามาแล้ว
เดิมทีรู้สึกซาบซึ้งที่คุณชายรองสกุลเสิ่นผู้นี้มีทั้งน้ำใจและคุณธรรมพร้อมสรรพ ไม่ได้ปฏิเสธการแต่งงานเพราะอาการป่วยเลวร้ายของน้องสาว รอจนมาถึงคฤหาสน์สกุลหลี่ นิสัยร้อนใจของนางไม่รอให้พ่อบ้านมารายงาน ตนเองก็รีบเดินมาถึงประตูโถงรับแขกจะมาพบท่านแม่ ไม่คิดว่ากลับได้ยินโจวอี๋เหนียงพูดคำนี้กับท่านแม่ จะยกน้องสาวลูกภรรยารองให้เป็นอนุของคุณชายรองสกุลเสิ่น จึงรีบชะงักฝีเท้าเอาไว้
เดิมคิดว่าข้อเสนอเหลวไหลเช่นนี้ท่านแม่คงจะปฏิเสธ คิดไม่ถึงว่าท่านแม่ที่หูเบามาแต่ไหนแต่ไรกลับเปลี่ยนใจรวดเร็วจนคิดจะตอบตกลง หลี่รั่วฮุ่ยจึงพูดโพล่งออกมาตัดบทคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ทันที
หลี่รั่วฮุ่ยแม้จะเป็นหญิง แต่ชอบรำดาบควงกระบองมาตั้งแต่เด็ก นิสัยก็ไม่เหมือนหญิงสาวในเรือนทั่วไป ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มักจะทอดถอนใจ เหตุใดบุตรสาวสองคนที่นางให้กำเนิดเลี้ยงดูล้วนไม่เหมือนผู้ใดแบบนี้ หากเกิดมาอ่อนโยนสงบเสงี่ยมเหมือนหลี่เสวียนเอ๋อร์คงจะดีมาก
นี่อย่างไรล่ะ เมื่อครู่เพิ่งจะพูดตำหนิมารดาเสียงดัง หลี่รั่วฮุ่ยก็ปั้นหน้านิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง สองตาจ้องตรงไปทางหลี่เสวียนเอ๋อร์พลางพูดด้วยเสียงเย็นชา “น้องสามช่างเห็นอกเห็นใจคนจริง แต่เหตุใดข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าสนิทกับน้องรองถึงขั้นนี้ ยอมเสียสละตัวเองเป็นอนุเพื่อจะติดตามข้างกายน้องรองหรือ”
หลี่เสวียนเอ๋อร์ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าพี่ใหญ่สกุลหลี่จะกลับคฤหาสน์มาในเวลานี้ นางกลัวเกรงพี่ใหญ่ผู้นี้มาแต่ไหนแต่ไร จึงพูดอย่างหวาดหวั่นว่า “พี่ใหญ่คงไม่รู้อาการป่วยของพี่รองตอนนี้ ถ้าพี่เห็นท่าทางของนางตอนนี้กับตาตัวเอง เกรงว่าคงจะเป็นเหมือนเสวียนเอ๋อร์ วางใจไม่ลงที่จะให้นางแต่งเข้าสกุลเสิ่นผู้เดียว”
เห็นบุตรสาวคนโตยังจะเลิกคิ้วพูดอีก ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็รีบยับยั้งคำพูดนางเอาไว้ เอ่ยปากพูดว่า “เรื่องนี้ใหญ่นัก ต้องวางแผนระยะยาว เสวียนเอ๋อร์ แม่ใหญ่รู้ว่าเจ้ามีจิตใจดี ตามท่านแม่เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้ายังต้องพาพี่ใหญ่เจ้าไปเยี่ยมรั่วอวี๋อีก”
ดังนั้นเรื่อง ‘เอ๋อหวงหนี่ว์อิง’ ฉากนี้ จึงจบด้วยการแยกย้ายไปอย่างไม่มีความสุข
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่รอจนโจวอี๋เหนียงพาบุตรสาวจากไปแล้ว จึงได้เอ่ยปากตำหนิบุตรสาวคนโต “จากบ้านไปนานเช่นนี้ ยิ่งไม่รู้ธรรมเนียมมากขึ้นอีกแล้ว!”
หลี่รั่วฮุ่ยเข้ามาประคองมารดา ทนไม่ไหวพูดขึ้นอีกว่า “ท่านแม่ ถ้าข้าไม่เป็นตัวร้าย ท่านจะยอมไม่ไว้หน้าปฏิเสธแม่ลูกคู่นี้หรือ ปีที่แล้วข้ากลับมาตอนวันปีใหม่ ก็เห็นหลี่เสวียนเอ๋อร์นั่นจ้องคุณชายรองสกุลเสิ่นตาไม่กะพริบ โจวอี๋เหนียงดีดลูกคิดเก่งเหลือเกิน รั่วอวี๋ยังไม่ทันแต่งไปก็คิดวางแผนให้อนาคตของบุตรสาวตัวเองแล้ว!”
ในตอนนี้เอง พวกเขาก็เข้าไปในเรือน เห็นหลี่รั่วอวี๋สวมชุดผ้าไหมยาว กำลังหมอบอยู่บนพื้นขุดรังมดอย่างสนุกสนาน
การละเล่นเด็กแบบนี้หลี่รั่วอวี๋ไม่ได้แตะต้องมาตั้งแต่ห้าขวบแล้ว หญิงสาวที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยดินโคลนมีรอยยิ้มไร้เดียงสาเห็นแล้วก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง
หลี่รั่วฮุ่ยแม้จะรู้สภาพการณ์คร่าวๆ จากในจดหมายแล้ว แต่พอเห็นด้วยตาว่าน้องรองเป็นเช่นนี้ ความปวดในใจก็ยากจะอธิบายด้วยคำพูดได้ นางเดินเข้าไปหลายก้าว แย่งกิ่งไม้ที่มีมดเกาะเต็มจากมือของหลี่รั่วอวี๋ แล้วโอบไหล่ของนาง “น้องรอง เหตุใดเจ้าเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้…” พูดจบหญิงสาวที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดผู้นี้ก็ทนไม่ไหวน้ำตาเอ่อล้นขอบตา
หลี่รั่วอวี๋มองหญิงคิ้วเข้มตาคมตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อคิดสักครู่แล้วจึงใช้นิ้วมือที่เปื้อนดินโคลนแตะน้ำตาบนแก้มของนางเบาๆ หลังจากริมฝีปากแดงขยับอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็พ่นคำออกมาอย่างยากลำบาก “ยี้ๆ…”
หลายวันมานี้ หลังจากหลี่รั่วอวี๋ลงเดินได้ก็ขลุกอยู่กับน้องชายคนเล็กของตนเองมาตลอด บางครั้งไปดูเขากับบุตรสาวตัวน้อยของบ่าวในเรือนเล่นกัน ทุกครั้งที่น้องชายแกล้งเด็กหญิงร้องไห้โฮ เขาจะทำหน้าล้อเลียน “ฝนตกหนักซ่าๆๆๆ หน้าไม่อายยี้ๆๆๆ…”
ตอนนี้เห็นหญิงผู้นี้มาร้องไห้ต่อหน้าตนเอง นางจึงพ่นคำพูดออกมาว่า “ยี้ๆ”
แต่แค่เพียงคำพูดนี้ก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่อยู่ข้างๆ ตื่นเต้นดีใจ หลังจากหลี่รั่วอวี๋ตื่นจากการนอนหมดสติก็พูดอ้อแอ้ไม่เป็นประโยคเหมือนคนใบ้ วันนี้จู่ๆ ก็เอ่ยปากพูด เห็นได้ว่าบุตรสาวมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ช่างเป็นเรื่องดีตกลงมาจากฟ้า แต่พอฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จับมือนาง ล่อให้นางเอ่ยปากพูดอีกครั้ง นางกลับไม่พูด เอาแต่ปั้นดินเป็นลูกกลม
ในตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยิ่งมั่นใจว่าการกำหนดวันแต่งงานก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ล้วนพูดกันว่าการแต่งงานเสริมมงคลนี้เหมาะกับโรคที่หายได้ยาก เห็นงานแต่งงานใกล้เข้ามา ในที่สุดหลี่รั่วอวี๋ก็เอ่ยปากพูดได้ นี่มิใช่ลางดีหรอกหรือไร
ข่าวดีนี้ย่อมต้องแจ้งเสิ่นหรูป๋อ เมื่อเขาได้ยินว่าในที่สุดหลี่รั่วอวี๋พูดได้จึงรีบมาที่คฤหาสน์สกุลหลี่ทันที
ตอนเขามายังเอากล่องอาหารใบใหญ่มาใบหนึ่ง เป็นแป้งย่างเป็ดเคี่ยวที่สั่งจากร้านเป่ายาไจในตรอกเก่าเมืองเหลียวเฉิง ยังมีเปาะเปี๊ยะเป็ดที่หอมกรอบอีกด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นของที่หลี่รั่วอวี๋ชอบกิน
แต่ไม่รู้เพราะอะไร หลี่รั่วอวี๋เหมือนไม่ยินดีที่เห็นเสิ่นหรูป๋อ แม้เขาจะมาพร้อมกับกล่องอาหารที่เต็มไปด้วยของหอมอร่อยก็ยังเบือนหน้าหนีไม่มองเขาด้วยความโกรธ จนกระทั่งเสิ่นหรูป๋อหยิบเรือเล็กจำลองที่ทำจากไม้ชุดหนึ่งออกมา หลี่รั่วอวี๋จึงหมุนตัวมาด้วยดวงตาโตเปล่งประกายแล้วเอนตัวเข้ามาอย่างสงสัย มองดูเรือเล็กถูกไขลาน แล่นไปอย่างอิสระในอ่างน้ำที่มีปลาทองว่ายอยู่หลายตัว
ส่วนเสิ่นหรูป๋อนั้นมองดูหลี่รั่วอวี๋หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนเด็กอย่างรักใคร่ สายตาที่เขามองหลี่รั่วอวี๋ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หลี่รั่วฮุ่ยเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วก็รู้สึกสบายใจลงได้บ้าง แต่ความสงสัยในใจควรจะพูดให้เร็ว จึงฉวยโอกาสตอนนี้ถามขึ้น “คุณชายรองเสิ่น น้องสาวข้าตอนนี้กลายเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้ความ แม้คุณชายจะไม่รังเกียจ แต่เสิ่นฮูหยินในคฤหาสน์เจ้าย่อมมีความลำบากใจในฐานะเป็นผู้ใหญ่… คิดว่าภายหน้าคงต้องแต่งอนุ ไม่รู้ว่าเจ้า…”
เสิ่นหรูป๋อเงยหน้าขึ้นมองหลี่รั่วฮุ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อย่างประหลาดใจแล้วถามว่า “ข้าไม่เคยคิดเรื่องจะแต่งอนุ พี่ใหญ่เหตุใดจึงพูดเช่นนี้”
หลี่รั่วฮุ่ยทำเป็นมองไม่เห็นสายตายับยั้งของมารดา พูดคำของโจวอี๋เหนียงออกมาอย่างเปิดเผยตามตรง
เสิ่นหรูป๋อฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว จากนั้นพูดเสียงเครียดว่า “ความรู้สึกไม่วางใจในตัวรั่วอวี๋ของคุณหนูสามข้าเข้าใจดี แต่การที่พี่น้องแต่งงานร่วมกันเช่นนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ หรูป๋อชาตินี้ยินดีแต่งกับรั่วอวี๋เพียงคนเดียว”
ได้ฟังเสิ่นหรูป๋อพูดอย่างหนักแน่นเช่นนี้ ความสงสัยในใจหลี่รั่วฮุ่ยก็หายไปจนสิ้น คุณชายรองเสิ่นเป็นคนสุขุมมีความรับผิดชอบ หวังเพียงว่าน้องสาวอยู่ในคฤหาสน์สกุลเสิ่นจะมีชีวิตภายหน้าที่ราบรื่น