วันนั้นตอนที่เสิ่นหรูป๋อออกจากคฤหาสน์ บังเอิญเจอกับหลี่เสวียนเอ๋อร์ที่เดินออกมาจากประตูด้านข้างของสวนดอกไม้ หลี่เสวียนเอ๋อร์เห็นเสิ่นหรูป๋อแล้ว แก้มก็แดงระเรื่อ พยักหน้าทักทายเสิ่นหรูป๋อ
แต่เสิ่นหรูป๋อสายตากลับไม่ลอกแลก ไม่ได้มองหลี่เสวียนเอ๋อร์เลย หลี่เสวียนเอ๋อร์ทำได้เพียงก้มหน้าลง เม้มมุมปากแน่น มองดูรอบด้านไม่มีผู้ใดก็หมุนตัวเดินไปที่ประตูสุดมุมด้านข้างและออกจากคฤหาสน์ไป
นอกประตูสุดมุมของคฤหาสน์สกุลหลี่เป็นตรอกเล็กพื้นหินที่สงบเงียบ นอกจากบางครั้งจะมีช่างลับมีดหรือพ่อค้าขายงานฝีมือสตรีแล้วก็ไม่มีผู้ใดผ่านมาอีก หลี่เสวียนเอ๋อร์ออกจากประตูไปแล้วก็เดินตามทางหินไปสักระยะ ก่อนจะเดินเลี้ยวไปถึงท้ายตรอกแห่งหนึ่ง ไม่นานก็เห็นร่างสูงใหญ่ของเสิ่นหรูป๋อปรากฏขึ้นบนถนนเล็กนอกตรอกนั้น เขาไม่ได้ขี่ม้า แต่เดินเท้าออกจากคฤหาสน์
หลี่เสวียนเอ๋อร์อาศัยตอนที่เขาเดินมาถึงปากตรอก หาโอกาสทิ้งผ้าเช็ดหน้าในมือลง
เสิ่นหรูป๋อหางตาเหลือบเห็นผ้าเช็ดหน้านั้นแล้ว แต่ไม่ได้ก้มลงเก็บ ทว่าค่อยๆ เดินเลี้ยวเข้าไปในตรอก
เขาร่างสูงใหญ่ ตรงนี้เป็นมุมเลี้ยว เป็นจุดมืดอับที่ไม่มีแสงแดดทะลุผ่าน แม้จะมีคนนอกเดินผ่านก็ไม่มีทางเห็นว่าตรงมุมเลี้ยวนี้มีคนอยู่
หลี่เสวียนเอ๋อร์ดวงตาแฝงความรัก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ชายหนุ่มตรงหน้าก็โบกมือมาปะทะบนแก้มของนาง
“ผู้ใดให้เจ้าคิดเองเออเอง” เสิ่นหรูป๋อเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฝ่ามือนั้นแท้จริงแล้วไม่หนักมาก แต่หลี่เสวียนเอ๋อร์จะเคยถูกตบเช่นนี้เมื่อใด ในตอนนี้จึงมีน้ำตาเอ่อล้นขอบตา พูดเสียงเบาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้ารอคอยและไม่ได้รับคำตอบจากท่านเสียที ข้า…ข้ารอไม่ไหวแล้ว…” พูดพลางมือคู่งามก็กุมไปที่ท้องน้อยของตนเอง
การกระทำเล็กน้อยนี้ย่อมอยู่ในสายตาของเสิ่นหรูป๋อ เขาขมวดคิ้วหนา ในแววตาฉายความรังเกียจ แต่ผ่อนเสียงพูดว่า “ข้าย่อมเตรียมการอย่างเหมาะสมแน่นอน แต่อย่าทำเหมือนเมื่อวานอีก ที่วิ่งไปหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่…”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็รีบหยุดปาก เพราะด้านหลังหลี่เสวียนเอ๋อร์มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่
หลี่เสวียนเอ๋อร์เห็นเสิ่นหรูป๋อมีสีหน้าผิดปกติ จึงหันมองตามไป จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป เห็นเพียงหลี่รั่วอวี๋ที่เดิมควรจะเล่นซ่อนแอบกับน้องชายในสวนดอกไม้ กำลังยืนหน้านิ่งอยู่ด้านหลังพวกเขา
สีหน้าท่าทางนั้นคนในคฤหาสน์สกุลหลี่เห็นจนชินตาแล้ว แม้จะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ทุกครั้งที่หลี่รั่วอวี๋มีท่าทางเรียบเฉย มักจะทำให้เหล่าสาวใช้และพ่อบ้านในคฤหาสน์อดจะกระวนกระวายใจไม่ได้
ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋ที่ดูแลคฤหาสน์สกุลหลี่มองคนทั้งสองพูดคุยกันด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ หลี่เสวียนเอ๋อร์ก็หัวใจเต้นแรง ชั่วขณะนั้นนางรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายหายดีแล้ว หลี่เสวียนเอ๋อร์ก็ตกใจจนเอ่ยปากอธิบาย “พี่รอง พี่ฟังข้าพูดก่อน…”
แต่ยังไม่ทันพูดอธิบายเหตุผล หญิงสาวร่างบางตรงหน้ากลับเดินเข้ามาหนึ่งก้าว นิ้วขาวแตะไปบนใบหน้ามีคราบน้ำตาของหลี่เสวียนเอ๋อร์เบาๆ ทันใดนั้นก็เปิดปากเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดและกะพริบดวงตาโตพลางพูดว่า “ยี้ๆ…”
จุดที่ถูกสัมผัสเหมือนถูกไฟลน หลี่เสวียนเอ๋อร์รีบถอยไปสองก้าว หัวใจที่ลอยสูงขึ้นกลับร่วงลงมาอีกครั้ง
พี่รองปัญญาอ่อนไปแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางที่ไม่ชอบความไร้เหตุผลไม่ยุติธรรมตอนนี้จะยิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสาแบบนี้ได้อย่างไร คิดว่าเมื่อครู่ตอนที่เล่นอยู่ในสวนดอกไม้ นางคงจะเดินออกมาจากประตูสุดมุมตรงนี้ผู้เดียวกระมัง
หลี่เสวียนเอ๋อร์เหงื่อยังไม่ทันหายเปียกหันกลับไปมองเสิ่นหรูป๋อที่แววตาเคร่งเครียด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เสิ่นหรูป๋อจ้องหลี่รั่วอวี๋ครู่หนึ่ง แล้วควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดดินโคลนที่ติดหน้าหลี่รั่วอวี๋พลางกล่าว “เจ้าพารั่วอวี๋กลับไปเถอะ” พูดจบก็รีบหมุนตัวเดินจากไป
หลี่เสวียนเอ๋อร์รีบจูงมือหลี่รั่วอวี๋ที่หัวเราะคิกคักเดินตามตรอกเล็กเข้าประตูสุดมุม เพิ่งเดินเข้าประตูสวนดอกไม้ก็เห็นหล่งเซียงรีบร้อนวิ่งมาทางนี้ พออีกฝ่ายเห็นหลี่เสวียนเอ๋อร์จูงหลี่รั่วอวี๋มาจึงพูดอย่างโล่งอก “คุณหนูรองหลบเก่งจริง นายน้อย คุณหนูรองอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ!”
บรรดาสาวใช้ล้วนพากันโล่งอก ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าบนแก้มคุณหนูสามมีรอยแดงจางๆ อยู่…