ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่พาเสียนเอ๋อร์บุตรชายคนเล็กไปแช่น้ำร้อนอยู่ในร่องหินด้านข้าง น้ำพุร้อนกลางแจ้งเช่นนี้ย่อมไม่อาจแช่แบบถอดเสื้อจนหมดได้ ต้องสวมเสื้อชั้นในพันผ้าไว้ แต่เสียนเอ๋อร์อายุยังน้อยจึงไม่ต้องกังวลอะไร เปลื้องผ้าเผยให้เห็นก้นเล็กกลมดิก ถูกมารดากอดเอาไว้ก็ยังอยู่ไม่สุข ขยับแขนเล็กตบไปบนน้ำจนเกิดระลอกคลื่นใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่วันนี้อยากจะผ่อนคลายสักหน่อย แต่ถูกรบกวนจนสุดทน จึงสั่งให้ป้าจางบ่าวหญิงอาวุโสที่อยู่ด้านข้างมาอุ้มนายน้อยออกจากสระน้ำก่อน
เสียนเอ๋อร์ซุกซนเหมือนลูกปลาน้อยตัวลื่น ขยับก้นจมลงด้านล่าง คิดจะสะบัดให้หลุดจากอ้อมกอดของป้าจาง ป้าจางจึงยิ้มแล้วดีดเบาๆ ไปที่ ‘จำปีน้อย’ ของเสียนเอ๋อร์พลางพูดว่า “ถ้านายน้อยยังดื้ออีก จะให้นกใหญ่มาคาบลูกเจี๊ยบนี่ไปนะเจ้าคะ”
เสียนเอ๋อร์ถูกดีดจนรู้สึกคัน แต่ยังคงไม่ยอม กุมท้องน้อยบิดตัวหัวเราะอยู่ในอ้อมกอดอวบอ้วนของป้าจาง
หลี่รั่วอวี๋แช่น้ำจนรู้สึกร้อน จึงยกตัวขึ้นกึ่งพาดอยู่บนฉากหินมองมาทางมารดา มองดูน้องชายตัวกลมน่ารักแล้วก็หัวเราะตามไปด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองบุตรสาวคนรองของตนเองแล้วก็รู้สึกปวดใจอย่างทนไม่ไหวอีกครั้ง
ช่างงดงามเหลือเกิน! ตอนยิ้มออกมา ที่มุมปากมีลักยิ้มเล็กๆ ดวงตาฉ่ำวาวราวน้ำค้างที่เกาะดอกท้อบานในเดือนสาม…
ในตอนนี้เอง หลี่รั่วอวี๋ก็นึกสนุกขึ้นมาจึงยกมือขึ้นแล้วตะโกนว่า “คาบ…ลูกเจี๊ยบ…ไป!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คลึงหัวคิ้ว หากไม่พูดอะไร ผู้ใดจะมองออกว่าเป็นคนปัญญาอ่อน?
หลังจากแช่น้ำพุร้อนเสร็จแล้ว สิ่งที่ทุกคนรอคอยยิ่งกว่าก็คืองานเลี้ยงอาหารเจในวัดหานเฟิง อย่างไรเสียเจ้าอาวาสวัดก็เป็นนักบวช ยังพอมีความเมตตา ใจรู้ว่าเงินค่าธูปในการแช่น้ำพุร้อนนี้มากเกินไป จะทำการค้าเพียงอย่างเดียวไม่ได้ อย่างไรต้องคืนประโยชน์ให้แก่คนเหล่านี้บ้าง ดังนั้นจึงเชิญพ่อครัวชื่อดังมาจัดงานเลี้ยงอาหารเจ ต้อนรับเศรษฐีที่เดินทางมาแช่น้ำพุร้อน
สกุลหลี่เป็นตระกูลเศรษฐีในเมืองเหลียวเฉิง เจ้าอาวาสย่อมต้อนรับเป็นอย่างดีจึงตั้งใจเก็บกวาดสวนถิงหลินทางตะวันตกของวัดเพื่อต้อนรับเหล่าหญิงสาว
ที่ตรงนี้ไผ่เขียวเป็นม่านบัง หอศาลาล้วนมีอายุนับร้อยปี มีความสงบเงียบอย่างมาก แต่ต่อให้สถานที่งดงามเพียงใดก็ยังถูกเสียงตะโกนดังลั่นของเสียนเอ๋อร์ทำลายลงได้ บุตรชายคนเล็กของสกุลหลี่เวลาซนขึ้นมาก็น่าปวดหัว
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองไปทางหลี่รั่วอวี๋ที่กินอาหารไปไม่กี่คำก็ดูอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง จึงนึกถึงคำของท่านหมอที่เขียนใบสั่งยาขึ้นได้ว่าหลังจากแช่น้ำพุร้อนที่เติมยาอาจจะมีอาการง่วงนอนได้ พลันสั่งให้หล่งเซียงประคองคุณหนูรองไปในห้องที่เก็บกวาดในสวนถิงหลินไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด ทุกคนจึงพักอยู่ในสวนถิงหลินนี้หนึ่งคืน
หล่งเซียงปรนนิบัติคุณหนูรองให้เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นเอายากันยุงสองก้านที่จุดไฟไว้แล้วไปรมควันที่สี่มุมเตียง แล้วจึงปลดผ้าม่านสีเขียวลง ยุงแมลงบนเขามีมากต้องดูแลเป็นอย่างดี คุณหนูรองไม่เหมือนเมื่อก่อน นิสัยเหมือนเด็กเล็ก หากถูกยุงแมลงกัด จะต้องไม่สบายตัวจนร้องงอแงแน่นอน
รอจนปรนนิบัติให้คุณหนูรองนอนหลับแล้ว หล่งเซียงจึงปูฟูกพักผ่อนตรงนอกห้อง คุณหนูรองพอตกดึก ปกติจะนอนหลับสนิทไม่ตื่นมาตอนกลางคืน ดังนั้นการเฝ้าตอนกลางคืนจึงนับว่าสบายดี
อาศัยวาสนาของผู้เป็นนาย หลังอาหารวันนี้พวกนางก็ได้ผลัดกันไปแช่น้ำชำระร่างกายที่น้ำพุร้อน เลือดลมเดินสะดวก นอนหลับได้สนิทมากขึ้น
ดังนั้นหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ตอนคุณหนูรองลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงจึงไม่มีผู้ใดรู้ตัว ได้ยินเพียงเสียงกรนดังสนั่นของบ่าวหญิงอาวุโสนอกห้องรางๆ
อาหารเย็นเค็มมาก หลี่รั่วอวี๋นอนถึงเที่ยงคืนก็รู้สึกปากแห้งจึงลุกขึ้นนั่ง
เวลานี้ในวัดเงียบสงัด นอกจากบ่าวหญิงอาวุโสและสาวใช้ในห้องแล้ว บ่าวไพร่คนคุ้มกันที่เหลือล้วนตั้งกระโจมพักผ่อนอยู่ตรงทางเขาสวนถิงหลิน ท่ามกลางเสียงลมหายใจทอดยาวและเสียงร้องของแมลงกลางคืน