ฉู่จิ้งเฟิงก้มหน้าลง ผมยาวราวน้ำตกปิดบังสีหน้าของเขา ทำให้คนยากจะเดาความคิดในตอนนี้ของเขาได้ เขายื่นมีดในมือออกไป คมมีดเย็นเยือกเชยใบหน้าที่มีรอยยิ้มไร้เดียงสาขึ้นมา แต่บนใบหน้าเล็กนั่นไม่ได้แสดงท่าทางเล่นหูเล่นตา ไม่เหมือนคนที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายที่เตรียมจะเอาความบริสุทธิ์มาแลกกับชีวิต…
ตอนนี้แสงไฟส่องสว่าง ส่องกระทบใบหน้าใต้เงามืดของหญิงสาว ดวงตาโตโค้งเป็นรอยยิ้มส่องประกายดึงดูดใจคน ไม่เหมือนครั้งแรกที่นางได้เห็นเขาซึ่งมีผมขาวนัยน์ตาประหลาด ในแววตาฉายความตกใจและมีความรังเกียจแวบผ่าน
หลี่รั่วอวี๋พบว่าชายผู้นั้นไม่เหมือนเสียนเอ๋อร์ผู้เป็นน้องชายที่ยิ้มอย่างเบิกบานตอนป้าจางหยอกเย้า ในใจก็เกิดความสงสัย หรือว่าเมื่อครู่ดีดได้ไม่ดีพอ? นางจึงยกมือขึ้น หามุมจะลองดีดอีกครั้ง
ครั้งนี้ทหารที่รักของฉู่จิ้งเฟิงดึงสติคืนมาได้แล้ว ซือหม่าแห่งต้าฉู่ที่กุมอำนาจทหารหนึ่งฝ่าย จะปล่อยให้ถูกหญิงชาวบ้านหยอกล้ออีกครั้งได้อย่างไรกัน
ทหารใต้บัญชาจึงตะคอกเสียงเข้มขึ้นทันใด “บังอาจ! กล้า…ลอบทำร้ายซือหม่าหรือ!”
เหล่าทหารกำลังจะเข้ามาลากตัวหญิงบ้าตัณหาผู้นั้นออกไป กลับเห็นฉู่จิ้งเฟิงเก็บมีด แล้วยกตัวหญิงสาวขึ้นด้วยมือข้างเดียว กดไว้บนกำแพงหินด้านข้าง ขยับริมฝีปากเข้าใกล้ พูดเสียงเบาข้างใบหูนุ่มนิ่มของหลี่รั่วอวี๋ “คุณหนูรองหลี่ เจ้าเตรียมจะทำอะไรอีก”
หลี่รั่วอวี๋รูปร่างเล็ก ถูกเขายกลอยสูง เท้าเล็กเปลือยเปล่าพยายามแตะปลายเท้าก็ไม่ถึงพื้น รู้สึกเพียงว่าตอนชายหนุ่มพูดข้างหูรู้สึกคันที่ใบหู กลิ่นยาสมุนไพรหอมสดชื่นที่ลอยมาจากบนตัวเขาก็มีกลิ่นน่าดมมาก แต่ตัวลอยอยู่กลางอากาศไม่สบายตัวนัก ตอนนี้จึงยิ้มไม่ออก ขมวดคิ้วและร้องไห้โฮขึ้นมา
หากเพียงแค่ร้องไห้ด้วยความกลัวก็ยังดี แต่คุณหนูในมือเขาผู้นี้ร้องไห้โฮไม่สนใจอะไรเหมือนเด็กๆ
นัยน์ตาประหลาดของฉู่จิ้งเฟิงคู่นั้นฉายความแปลกใจ นิ้วมือเลื่อนเข้าไปช้าๆ กำลังจะแตะน้ำตาหยดใสนั้น แต่ก็ห้ามใจไว้ในที่สุด เขาเคยถูกใบหน้าที่ดูเหมือนอ่อนหวานงดงามนี้ทำให้หลงใหลมาแล้ว… ผลปรากฏว่ากลายเป็นความผิดมหันต์ และความผิดนี้ ชาตินี้เขาจะไม่ยอมทำผิดซ้ำอีก!
เมื่อคิดดังนี้ มือของเขาจึงเลื่อนไปกุมที่คอหอยของนาง…
“ฉู่ซือหม่าโปรดยั้งมือด้วย!” ในช่วงความเป็นความตายนี้ เสียงพูดหนึ่งก็ดังขึ้น
เห็นเพียงเสิ่นหรูป๋อสีหน้าเคร่งเครียดนำคนมาปรากฏกายตรงทางเดินกลางภูเขา
ตกดึกเขาจึงได้รู้ข่าวที่ฉู่จิ้งเฟิงมาเมืองเหลียวเฉิงอย่างลับๆ เพื่อแช่น้ำพุร้อนรักษาอาการบาดเจ็บ แม่ทัพที่กำลังต่อสู้แบ่งแยกดินแดนทางเหนือ เหตุใดจึงต้องมารักษาตัวไกลถึงเจียงหนานด้วย คิดถึงความขัดแย้งก่อนหน้าที่หลี่รั่วอวี๋มีต่อฉู่ซือหม่าผู้นี้แล้ว เสิ่นหรูป๋อก็รู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อนึกได้ว่าหญิงสาวสกุลหลี่อยู่ในวัดบนเขา จึงรีบขอให้แม่ทัพที่เฝ้าอยู่นอกเมืองนำกำลังทหารมารับหลี่รั่วอวี๋กลับคฤหาสน์
คิดไม่ถึงว่าตอนมาถึง ปลุกบ่าวหญิงอาวุโสนอกห้องหลี่รั่วอวี๋ตื่นแล้วก็ต้องตกใจที่นางไม่อยู่บนเตียง เสิ่นหรูป๋อลอบคิดในใจว่าแย่แล้ว เขาไม่มีเวลาสนใจฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่ตกใจลนลาน รีบพาคนไปสอบถามบ่าวที่เฝ้าประตูอยู่ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเข้าออกแล้ว จึงพาคนขึ้นบนภูเขาเล็กหลังเรือน บังเอิญได้ยินเสียงตะโกนร้องไห้ของหลี่รั่วอวี๋จึงรีบรุดมาทันเวลา
ฉู่จิ้งเฟิงช้อนตาขึ้นมองผู้ที่มา ก่อนจะยกข้อมือโยนหลี่รั่วอวี๋ให้กับสมุนของตนเอง จากนั้นยื่นมือไปรับเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้อย่างสงบนิ่ง เพราะไม่ได้สัมผัสกับไอร้อนจากน้ำพุร้อน นัยน์ตาสีแดงประหลาดนั้นจึงค่อยๆ จางลงกลับเป็นสีเหมือนปกติ แต่ไอสังหารบนตัวเขาที่มีมาตั้งแต่เกิดยังคงทำให้คนตัวสั่นทั้งที่ไม่หนาว เขาเหลือบมองคุณชายรองเสิ่นแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นผู้ใด คู่ควรจะมาสั่งข้าด้วยหรือ”
รูปโฉมของเขาเดิมก็ต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว ไอสังหารที่ซึมซับจากสนามรบมาหลายปีจึงยากจะปิดบังได้ เหล่าทหารที่เดินตามหลังเสิ่นหรูป๋อเห็นแล้วก็ใจสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
เสิ่นหรูป๋อยังนับว่าสงบนิ่ง คำนับอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ข้าน้อยเสิ่นหรูป๋อเป็นผู้ช่วยเสนาบดีกองชลประทานกรมโยธาที่พระมาตุลาไป๋เป็นผู้แต่งตั้ง”
ฉู่จิ้งเฟิงส่งเสียงสบถพลางกวาดมองเสิ่นหรูป๋อแวบหนึ่งด้วยแววตาเย็นชา ราวกับว่าเสียงสบถนั้นก็เพียงพอจะแสดงการดูหมิ่นได้มากกว่าคำพูดแล้ว