ทว่าทหารของเขากลับไม่เกรงใจ พูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมขึ้นว่า “ที่แท้ก็คู่หมั้นคุณหนูรองหลี่นี่เอง เรือเล็กน้ำตื้นที่คุณหนูรองหลี่ออกแบบเข้าตาพระมาตุลาไป๋ พลอยทำให้สุนัขระกาเยี่ยมวิมาน ตามไปด้วย…”
เสิ่นหรูป๋อขบกราม ได้ยินมาว่าฉู่ซือหม่าผู้นี้ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา วันนี้ได้มาเห็นเองช่างสมคำเล่าลือจริงๆ
น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่ใช่เมืองโม่เหอ ฉู่ซือหม่ามังกรแกร่งตัวนี้ต้องหวั่นเกรงบ้าง คิดถึงตรงนี้ เขาจึงเอ่ยพูดเสียงเรียบ “ข้าน้อยรู้ว่ารั่วอวี๋ล่วงเกินฉู่ซือหม่าไว้มาก แต่สองเดือนก่อนนางไม่ระวังตกหลังม้า หัวได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เป็นเหมือนคนปัญญาอ่อน หวังว่าฉู่ซือหม่าจะไม่ถือสาหญิงสมองเสื่อม ให้อภัยในการเสียมารยาทของนางด้วย…”
ฉู่จิ้งเฟิงฟังถึงตรงนี้ดวงตาหงส์ก็หรี่ลง ก่อนจะหันไปมองหลี่รั่วอวี๋อีกครา ประกายในดวงตาถูกขนตางอนยาวนั้นบดบังไว้ ทำให้มองไม่ออกว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่
เสิ่นหรูป๋อแม้ปากจะพูดอย่างนอบน้อม แต่ดวงตายังคงทนไม่ไหวมองไปทางหลี่รั่วอวี๋ที่ถูกคุมตัวไว้ เห็นนางร้องไห้จนหายใจหอบไม่ทัน ใบหน้าขาวเปียกชื้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นไร้ทางช่วย
“อ้อ? ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ คุณหนูรองหลี่ก็ได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี้ เช่นนั้นเรื่องที่นางรับปากข้าก่อนหน้านี้ว่าจะเร่งทำเรือเดินทะเลให้ก็เป็นไปไม่ได้แล้วสิ อาการสมองเสื่อมนี่ช่างบังเอิญเสียจริง…”
ฉู่จิ้งเฟิงเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ บนใบหน้าค่อยๆ เย็นเหมือนน้ำแข็ง “ครั้งนี้ข้ามารักษาอาการบาดเจ็บที่เมืองเหลียวเฉิง พาหมอชื่อดังมาด้วยหลายท่าน คงต้องลองรักษาอาการให้คุณหนูรองแล้ว ดูว่าไปอุดเส้นความฉลาดเส้นใดกันแน่”
ในคำพูด เขาได้สื่อความหมายแล้วว่าจะพาตัวหลี่รั่วอวี๋ไปด้วย
เสิ่นหรูป๋อมีหรือจะยอม “ความหวังดีของซือหม่า ข้าน้อยขอขอบคุณแทนคุณหนูรอง แต่นางเป็นหญิง และกำลังจะแต่งงานกับข้าน้อย ถ้าซือหม่าพาตัวนางไปเช่นนี้ เกิดข่าวลือออกไปมิเสื่อมเสียชื่อเสียงของฉู่ซือหม่าหรือ ข้าน้อยรู้ว่าฉู่ซือหม่ากับพระมาตุลาไป๋ตอนนี้กำลังร่วมแรงร่วมใจต่อต้านหยวนซู่ ถ้าใต้เท้าต้องการเรือรบ ข้าน้อยจะพยายามทำอย่างเต็มที่แน่นอน แม้รั่วอวี๋จะป่วย ก็ไม่กล้าให้เสียงานแผ่นดินเด็ดขาด พระมาตุลาไป๋ก็ให้คนส่งสารมาสั่งขุนนางเมืองเหลียวเฉิงต้อนรับท่านซือหม่าให้ดี ตอนนี้การศึกทางเหนือขาดเรือรบอย่างมาก การเร่งต่อเรือจะเสียเวลาไม่ได้ มีภารกิจมากมายต้องให้อู่เรือของคฤหาสน์สกุลหลี่ออกแรงช่วย… หวังว่าท่านซือหม่าจะไว้หน้าสกุลหลี่ในครั้งนี้ด้วย”
เสิ่นหรูป๋อเป็นคนสุขุม พูดจาไม่มีข้อบกพร่องใด ฉู่จิ้งเฟิงได้ฟังคำของเขาแล้วก็ต้องหันมามองเขาใหม่อีกครั้ง
เขากับสกุลไป๋สู้กันทั้งในที่แจ้งและที่ลับ แต่ในราชสำนักแม้จะมีการปัดแข้งปัดขาก็ยังมีช่วงเวลาต้องหลอกใช้กันเช่นกัน ตอนนี้เพราะกองทหารของหยวนซู่ เขากับพระมาตุลาไป๋จึงร่วมมือกันชั่วคราว รักษาความสามัคคีกันแค่เปลือกนอกไว้
และด้วยหลี่รั่วอวี๋ผู้นี้เป็นกำลังของพระมาตุลาไป๋ เขาจึงคิดถึงสภาพการณ์โดยรวม สะกดความแค้นในใจที่มีต่อหลี่รั่วอวี๋เอาไว้ชั่วคราว
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว พิษในร่างของเขายังไม่จางหาย ยังมิอยากถูกขุนนางท้องถิ่นเหล่านี้ทำให้เสียเวลา ส่วนสำหรับหลี่รั่วอวี๋นั้น… ฉู่จิ้งเฟิงยิ้มเย็นชามองนางอีกครั้ง
อยู่ดินแดนทางเหนือที่เหน็บหนาวมานาน กลับยิ่งรู้สึกถึงความงดงามของเมืองเก่าแก่แถบเจียงหนาน เขาต้องพักอยู่ที่เจียงหนานนี้สักระยะ วันเวลายังอีกยาวนาน ตอนนี้เขามีเวลามากพอจะ ‘รำลึกความหลัง’ กับคุณหนูรองหลี่มากเล่ห์ผู้นี้แล้ว
คิดถึงตรงนี้ เขาจึงโบกมือช้าๆ อย่างเกียจคร้านพลางเอ่ยปากพูดว่า “อีกสองสามวันข้าจะจัดงานเลี้ยงคนมีชื่อเสียงที่ที่พักรับรองเมืองเหลียวเฉิง หวังว่าคุณหนูรองหลี่จะไปร่วมงาน จะได้ช่วยตรวจอาการให้ ถ้าคุณหนูรองหลี่สามารถหายได้ ‘ทันที’ ภายในไม่กี่วันนี้นั่นก็ดีที่สุด ข้าก็สามารถรำลึกความหลังกับนางได้ ไม่อย่างนั้น ถ้าพบในภายหลังว่ามีคนคิดจะทำตัวบ้าๆ บอๆ มาหลอกข้า…”
พูดถึงตอนนี้ ฝ่ามือของเขาก็ออกแรงจนมีดในมือถึงกับหักเป็นสองท่อนในทันที!
ไม่รอให้เสิ่นหรูป๋อตอบ เขาก็ส่งสัญญาณให้คนใต้บัญชาปล่อยหลี่รั่วอวี๋ แล้วพาคนใต้บัญชาเดินจากไป