จนกระทั่งกลุ่มคนเดินหายไปตรงปากทางเขา เสิ่นหรูป๋อจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ปกติซือหม่าผู้นี้มีนิสัยประหลาด เข้าหาได้ยากที่สุด เมื่อครู่ตอนเห็นเขาบีบคอหลี่รั่วอวี๋ด้วยแววตาฉายไอสังหาร เสิ่นหรูป๋อก็ลอบปาดเหงื่อในใจ
เขารีบเดินเข้าไปหลายก้าว ก่อนจะถอดเสื้อกันลมออกมาคลุมตัวหลี่รั่วอวี๋ที่กำลังตัวสั่นเทา และช้อนอุ้มนางขึ้นมาแล้วรีบเดินลงจากเขาไป
ทว่าเขาไม่ได้อุ้มหลี่รั่วอวี๋กลับไปที่สวนถิงหลิน แต่เดินอ้อมทางเขาอุ้มนางมาถึงบนรถม้าที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูวัด เขาหมุนตัวไปพูดกับเสิ่นโม่ที่เดินตามมาว่า “เจ้าไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ว่าคุณหนูรองไม่เป็นอะไร เพียงแต่ตกใจเล็กน้อย นอกเมืองมีหมอชื่อดังมา ข้าจะพานางไปดูอาการ ตอนนี้นางคงกลับคฤหาสน์สกุลหลี่ไม่ได้ ต้องหลบเลี่ยงฉู่ซือหม่าสักพัก ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สบายใจได้ ข้าจะดูแลคุณหนูรองให้ดี”
จากนั้นเขาก็ขึ้นนั่งบนรถม้า สั่งคนรถให้เคลื่อนม้า มีบ่าวชายหลายคนติดตาม แล้วเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เปลี่ยวร้างห่างไกลแห่งหนึ่งนอกเมือง
กำแพงคฤหาสน์แห่งนี้สูงตระหง่าน รอบด้านไม่มีบ้านคน ผู้เฒ่าตาเดียวผู้หนึ่งได้รับแจ้งก็รีบเปิดประตูเหล็กหนาหนักให้เสิ่นหรูป๋ออุ้มหญิงสาวที่หลับสนิทเข้าไปข้างใน
รอจนเขาเข้ามาในเขตรั้ว เรือนทรงชาวนาที่ดูเหมือนไม่มีอะไรประหลาดก็ค่อยๆ เผยให้เห็นความลี้ลับ ในลานบ้านมีคนคุ้มกันเรือนยืนอยู่ ส่วนประตูหน้าต่างห้องนอนก็มีราวเหล็กหนากั้น เมื่อเข้าไปในห้องนอนก็พบว่าเครื่องใช้ที่จัดวางไว้ล้วนสะอาดเอี่ยม เตียงใหญ่มุมโค้งมนนั้นดูสะดุดตาอย่างมาก
ที่นี่…หากจะเรียกว่าห้องนอน เรียกว่าคุกน่าจะเหมาะสมกว่า
เพราะเหตุไม่คาดคิดเมื่อสองเดือนก่อน ‘คฤหาสน์กรงเหล็ก’ ส่วนตัวที่บรรจงตกแต่งไว้แต่แรกนี้จึงไม่มีโอกาสได้ใช้งาน คิดไม่ถึงว่าเพราะการมาถึงอย่างกะทันหันของฉู่จิ้งเฟิงผีเห็นยังหวั่น ทำให้ได้ใช้งานอีกครั้ง…
เสิ่นหรูป๋อวางหญิงสาวที่ตกใจเกินไปจนนอนหมดสติลงบนเตียงใหญ่นั้นอย่างเบามือ แล้วสั่งให้บ่าวหญิงอาวุโสที่เป็นใบ้ต้มน้ำร้อน จากนั้นยกเข้ามาหนึ่งอ่าง
เสิ่นหรูป๋อโบกมือเป็นสัญญาณให้นางวางอ่างน้ำลงแล้วถอยออกไป จากนั้นจึงบิดผ้ามาเช็ดเท้าเปล่าคู่งามของหลี่รั่วอวี๋ที่สกปรกเพราะเดินย่ำพื้น
หลังจากนั้นเท้านุ่มนิ่มก็ค่อยๆ กระดุกกระดิก หลี่รั่วอวี๋ขยับเท้าอย่างไม่สบายตัว ปรือตาขึ้นกะพริบๆ เหมือนจะพูดบ่นอะไร แล้วหลับตาลงนอนหลับไปอย่างเงียบๆ อีกครั้ง ท่าทางนอนหลับสนิทเหมือนเด็กอ่อนไร้การระแวดระวังตัวอยู่ในสายตาของเสิ่นหรูป๋อแล้ว ทำให้หัวใจของเขาเหมือนมีประกายไฟไหวระริก
เขาอดใจไม่ไหวค่อยๆ ลูบไปบนเท้าเปลือยเปล่านวลเนียนนั้นแล้วจุมพิตเบาๆ บนหลังเท้าขาวผ่องแผ้ว… นางปัญญาอ่อนไปก็ดีเหมือนกัน ริมฝีปากสดใสนั้นคงไม่พ่นคำพูดตัดเยื่อใยที่ทำให้ฟังแล้วอยากจะหักสองขาของนางออกมาอีก ความคิดที่ยากจะจับต้องได้ก็เปลี่ยนเป็นกระจ่างใสราวกับสายน้ำ…
นางหลี่รั่วอวี๋เป็นคนของเสิ่นหรูป๋อ เมื่อก่อนเป็น ต่อไปก็ต้องเป็นเช่นกัน!
ตอนฉู่จิ้งเฟิงกลับถึงที่พักรับรอง เห็นกวนป้าคนใต้บัญชามีท่าทางประหลาด อยากจะพูดแต่ก็หยุดไป จึงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่แล้วถามเสียงเอื่อยว่า “มีเรื่องอะไรจะรายงานหรือ”
กวนป้าทนแล้วทนอีก สุดจะทนจึงเอ่ยปากพูดว่า “ซือหม่า ท่าน…มีตรงไหนไม่สบายตัวหรือไม่”
ฉู่จิ้งเฟิงมองสายตาคนใต้บัญชาที่มองดูกายส่วนล่างของเขาก็อดไม่ไหวคิดถึงฉากถูกดีดเจ้าจำปีบนเขาขึ้นมาจึงมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที “สารเลว เจ้าจะพูดอะไร”
กวนป้าพูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ “นางเจ้าเล่ห์อันตราย ไม่แน่ว่าอาจจะแกล้งบ้ามาวางยาท่านซือหม่าก็ได้… ต้องระวังเอาไว้ดีกว่า นางดีดไปที่ตรงนั้น เห็นได้ว่ามีจุดประสงค์บางอย่าง จะให้ข้าน้อยหาสาวงามมาให้ท่านซือหม่าลอง… ลอง…”
ครึ่งประโยคหลังที่ว่า ‘ลองดูว่ายังใช้การได้หรือไม่…’ เขาไม่กล้าพูดออกมา เพราะสีเลือดในดวงตาซือหม่าของเขาเริ่มทะลักขึ้นมาแล้ว…