ขอเพียงเป็นศัตรูของใบหน้าปีศาจผีเห็นยังหวั่น ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าหากเห็นสีเลือดในดวงตาของฉู่ซือหม่าก็คือต้องการชีวิตผู้นั้น ต่อให้เขากินหัวใจหมีดีเสือมาก็ไม่กล้าทำให้นายของตนเองโกรธ นับประสาอะไรกับข้อเสนอของเขาที่แม้แต่ตนเองคิดก็ยังรู้สึกขำ
ฉู่จิ้งเฟิงไม่ชอบเรื่องสาวงามมาแต่ไหนแต่ไร ชายหนุ่มผู้เย็นชา ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความไร้ปรารถนา เขาติดตามข้างกายผู้เป็นนายมานาน บางครั้งยังอดสงสัยไม่ได้ว่านายของตนเองเป็นโรคอะไรที่ยากจะพูดได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่สนใจสาวงามนางไหนเลย
หนึ่งเดียวที่เป็นข้อยกเว้น คงจะเป็นคุณหนูรองหลี่ผู้นั้น
ตอนแรกที่ผู้เป็นนายเชิญคุณหนูรองหลี่มาต่อเรือให้ ก็ได้มอบภารกิจขนส่งสัมภาระการทหารสามเหล่าทัพให้แก่ขบวนสินค้าสกุลหลี่อีกด้วย
ท่านซือหม่าของเขายากนักจะจัดงานเลี้ยงเชิญคุณหนูรองหลี่สักครั้ง พูดตามความจริง คุณหนูรองหลี่ผู้นั้นเป็นคนที่โดดเด่น แม้จะเป็นสตรี แต่การพูดจากิริยาดูงามสง่า เกิดมาจากครอบครัวพ่อค้าทว่าแม้แต่ท่านซือหม่าผู้เย็นชาก็ยังมองนางด้วยสายตาชื่นชม
ช่วงเวลานั้นท่านซือหม่าราวกับถูกปีศาจเข้าครอบงำ แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็หาข้ออ้างดูความคืบหน้าของการต่อเรือรบไปพบหน้าคุณหนูรองหลี่ที่อู่เรือ
ต่อมาในอู่เรือมีคนร้ายบุกเข้ามาคิดจะเอาชีวิตของคุณหนูรองหลี่ ท่านซือหม่าขวางกระบี่ที่หมายเอาชีวิตนั้นแทนนาง และไล่สังหารพวกคนร้ายเหล่านั้น
หากเป็นคนที่เข้าใจความรักเข้าใจคุณธรรม ก็ควรจะมอบกายถวายตัวเพื่อทดแทนบุญคุณด้วยตนเอง ทว่าทั้งที่ท่านซือหม่าสู้อุตส่าห์แสดงความรู้สึกดีให้ แต่นางกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเล พูดเพียงว่าตนเองได้ทำการหมั้นหมายที่บ้านเกิดไว้แล้ว ไม่สามารถรับความปรารถนาดีจากท่านซือหม่าได้!
ฟังดูสิ! ช่างไม่รู้ดีรู้ชั่ว! ทุกครั้งที่คิดถึงสีหน้าแข็งกระด้างตอนถูกหญิงผู้นี้ปฏิเสธ กวนป้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจแทนผู้เป็นนาย
ท่านซือหม่ามีความหยิ่งทะนง หลังจากถูกคุณหนูรองหลี่ปฏิเสธย่อมไม่มาเกาะแกะนางอีก และไม่ได้หาข้ออ้างมาหาเรื่อง แม้จะไม่มาพบหน้าคุณหนูรองหลี่อีก แต่ภารกิจการขนส่งสัมภาระการทหารก็ยังมอบให้สกุลหลี่ไปทำ
แต่หญิงใจคอโหดร้ายผู้นี้กลับร่วมมือกับสกุลไป๋ จงใจถ่วงกำหนดการส่งสินค้า ทำให้ท่านซือหม่าอยู่แนวหน้าต้องเอาตัวไปเสี่ยงบุกทะลวงวงล้อมและถูกพิษประหลาด ทำให้ผมขาวไปภายในคืนเดียว
ตอนคุณหนูรองหลี่เอาสัมภาระการทหารมาส่งและขอโทษหน้าค่ายใหญ่ของผู้เป็นนาย หญิงผู้นั้นเห็นหน้าตาของผู้เป็นนายเช่นนี้ กลับมีท่าทีรังเกียจ… กวนป้าคิดถึงตรงนี้ก็ขบกรามแน่น
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ผู้เป็นนายก็ไม่ได้ฆ่านางให้ตายในดาบเดียว เพียงแค่ฆ่าม้าในขบวนสินค้าของนาง เผาทำลายรถม้าและไล่นางออกจากค่ายใหญ่ ประกาศว่าต่อไปอย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก
เฮ้อ ผู้เป็นนายมีเมตตาเกินไปหน่อย ไม่เช่นนั้นจะถูกดีดอย่างดูหมิ่นในวันนี้ได้อย่างไร
ฉู่จิ้งเฟิงแค่นเสียงสบถเย็นชา มองท่าทางของกวนป้าที่ถูกตนเองถลึงตาใส่จนตกใจไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วลุกขึ้นเดินไปที่กลางลาน หยิบกระบี่ออกมาจากแท่นวางกระบี่แล้วตวัดร่ายรำอย่างคล่องแคล่วใต้แสงจันทร์ ทุกที่ที่ปลายกระบี่ชี้ไปเกิดเป็นลมแรงเย็นเยือกบีบใจคน
ใช้การได้หรือไม่ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ พอคิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ช่วงล่างของเขาก็เกิดความร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย…
สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมเสียงป๊อก คือแท่นวางกระบี่ที่ทำจากไม้ถูกเขาผ่าออกเป็นสองส่วนในหนึ่งกระบี่ “สตรีสมควรตาย มีคู่หมั้นอยู่แล้วยังมายั่วยวนข้าแบบนี้ ช่างใจโลเลจริงๆ! ถ้านางตกมาอยู่ในมือข้า…”
จู่ๆ ฉู่จิ้งเฟิงก็ไม่อยากคิดต่อไป เพียงแค่ร่ายรำกระบี่ในมืออย่างรวดเร็วเย็นเยือก ไล่ใบหน้าเล็กยิ้มสดใสที่ปรากฏตรงหน้านั้นให้สลายไป…
หลังจากฝึกวิชากระบี่เสร็จหนึ่งชุด ชายหนุ่มใต้แสงจันทร์นั้นมีไอความร้อนแผ่กระจายไปทั่วร่าง เขาเอ่ยสั่งกวนป้าที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา “ไป! สืบดูว่าหลี่รั่วอวี๋นั่นเกิดเรื่องขึ้นจริงหรือไม่”