หลี่เสวียนเอ๋อร์ได้ฟังคำพูดนี้แล้วยิ่งมั่นใจว่าตนเองวางเดิมพันด้วยของที่ถูกต้องแล้ว เสิ่นหรูป๋อไปสอบถามฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มาแล้วจริงๆ เขาต้องร้อนใจอยากได้ตำรามหัศจรรย์ในการต่อเรือเล่มนี้แน่นอน ในตอนนี้นางจึงสบายใจขึ้น นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างพลางพูดเสียงเบาว่า “พี่รองมีกุญแจดอกหนึ่งคล้องคอไว้ตลอด แม้ตอนอาบน้ำก็ไม่ยอมถอดออก ข้าบังเอิญเห็นกุญแจดอกนั้น รูปแบบแปลกประหลาดของกุญแจนั่นทำให้คนเห็นยากจะลืมได้ จึงได้คิดไปถึงตอนเด็กที่อยู่ในห้องหนังสือท่านพ่อ บังเอิญได้เห็นรูกุญแจกล่องเหล็กประณีตใบหนึ่งที่ซ่อนอยู่ข้างหลังภาพบรรพชนสกุลหลี่ วันที่พี่รองตกม้าบาดเจ็บ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ร้อนใจจะไปตามท่านหมอ ข้าจึงหาข้ออ้างไล่สาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสข้างกายออกไป หยิบกุญแจดอกนั้นมาเปิดกล่องลับ และในนั้นก็เป็นตำราเรือย่ำคลื่นของสกุลหลี่ของพวกเราจริงๆ”
ฟังถึงตรงนี้ แววตาของเสิ่นหรูป๋อก็สั่นไหว “ตำราเรือย่ำคลื่นนั่นตอนนี้อยู่ที่ใด”
หลี่เสวียนเอ๋อร์อมยิ้มชี้ไปที่หน้าผากของตนเอง “อยู่ที่นี่หมดแล้ว ผู้ใดก็มาขโมยไปไม่ได้แล้ว”
เสิ่นหรูป๋อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดนาง เขารู้ดีว่าเรือที่อยู่ในตำราเรือย่ำคลื่นนั้นมีเกือบร้อยชนิด ขนาดและกลไกของเรือแต่ละอย่างแตกต่างกัน นางจะจำทั้งหมดได้อย่างไร
หลี่เสวียนเอ๋อร์ยืดอกขึ้นเล็กน้อย “ข้าวาดแบบผิดๆ เล่มหนึ่งวางกลับเข้ากล่องลับในห้องหนังสือ กุญแจก็เอากลับไปคล้องที่คอพี่รองแล้ว… สกุลหลี่ไม่ได้มีเพียงหลี่รั่วอวี๋ที่ฉลาดเป็นเลิศ ความจำของข้าดีกว่าผู้อื่นมาตั้งแต่เกิด แค่ผ่านตาก็ไม่มีวันลืม ตำราเล่มนั้นข้าตั้งใจใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ในการจดจำ มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดจึงทำลายตำราเล่มนั้นไป”
นางหลี่เสวียนเอ๋อร์ก็เป็นลูกหลานสกุลหลี่เช่นกัน ไม่มีที่ใดด้อยไปกว่าหลี่รั่วอวี๋ เพียงเพราะนางเป็นลูกภรรยารอง จึงกำหนดว่านางต้องต้อยต่ำกว่าลูกภรรยาเอกทั้งสองอยู่หนึ่งขั้นอย่างนั้นหรือ นางไม่ยินยอม!
สวรรค์มีตา ถึงได้เกิดเคราะห์กรรมของหลี่รั่วอวี๋ในครั้งนี้ ส่วนนางหลี่เสวียนเอ๋อร์ในที่สุดก็จะได้เชิดหน้าชูตาแล้ว หลี่รั่วอวี๋ตกม้าสมองเสื่อมไปแล้ว แต่ในสมองของนางหลี่เสวียนเอ๋อร์กลับมีตำราเรือย่ำคลื่นที่สมบูรณ์อยู่หนึ่งเล่ม ขอเพียงนางไม่ยินยอม ผู้ใดก็ขโมยไปไม่ได้ แย่งไปไม่ได้!
นางในตอนนี้กุมชัยชนะไว้ในมือ หลี่รั่วอวี๋อย่าหวังจะมาแย่งกับนางอีก ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือไม่ว่าจะได้ชื่อเรียกว่าเป็นผู้สืบทอดสกุลหลี่…
เสิ่นหรูป๋อลุกขึ้น เรียกบ่าวร่วมเรียนให้ไปหยิบสำเนาภาพผังเรือรบที่หลี่รั่วอวี๋วาดให้กรมโยธาก่อนหน้านี้ในกล่องหนังสือประจำตัวของเขามา จากนั้นพูดว่า “ในเมื่อเสวียนเอ๋อร์จำได้หมด เจ้าลองดูสิว่าจะวาดส่วนที่ขาดไปออกมาได้หรือไม่”
หลี่เสวียนเอ๋อร์รับกระดาษมา หลังดูอย่างละเอียดแล้วก็หัวเราะเบาๆ แม้ท่าทางจะอ่อนโยน แต่น้ำเสียงกลับฉายการดูหมิ่น “เดิมทีคิดว่าพี่รองจะให้ผลงานสุดยอดอะไรแก่พระมาตุลาไป๋ ที่แท้ก็แค่เรือเลียบหาดง่ายๆ ธรรมดา ข้อดีของเรือนี้คือเบา สะดวก สามารถขึ้นหาดได้ง่าย สามารถจอดบริเวณชายทะเลน้ำตื้นที่มีหินโสโครกได้อย่างรวดเร็ว แต่พี่รองวาดรูปนี้ เหมือนจะลบจุดที่มหัศจรรย์ที่สุดของเรือนี้ไป ทำให้ยิ่งหนักเทอะทะ เรือรบแบบนี้ถ้าเอาไปใช้จริง เป็นไปได้มากว่าจะหมดโอกาสเป็นต่อ… พี่รองออกแบบเช่นนี้…นางไม่กลัวจะถูกพระมาตุลาไป๋กล่าวโทษหรือไร”
พูดพลางนางก็สั่งบ่าวร่วมเรียนให้เตรียมพู่กันหมึกและกระดาษ คิดสักครู่ก็ยกข้อมือ วาดภาพผังเรือเลียบหาดใหม่ทั้งหมดออกมาหนึ่งภาพอย่างคล่องแคล่ว เรือรบนี้ดูแล้วคล้ายกับภาพผังที่หลี่รั่วอวี๋วาดไว้ แต่พอแยกแยะอย่างละเอียดจะพบส่วนกลไกที่แตกต่างกันมาก
นี่เป็นเรือรบที่ออกแบบได้อย่างประณีตจริงๆ ไม่ใช่คนเรือชั้นต่ำทั่วไปจะวาดออกมาได้ และจากสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่หลี่เสวียนเอ๋อร์พูดไม่ใช่เรื่องโกหก
ขณะที่เสิ่นหรูป๋อกำลังเหม่อลอย ภาพผังในมือก็ถูกหลี่เสวียนเอ๋อร์ดึงไปอย่างเบามือ แล้วฉีกทิ้งจนละเอียดภายในไม่กี่ที
เสิ่นหรูป๋อหรี่ตาลง ปรับสีหน้าเป็นปกติอีกครั้งแล้วพูดอ่อนโยนด้วยรอยยิ้ม “เสวียนเอ๋อร์ใจแคบเช่นนี้ ดูนานสักนิดก็ไม่ได้ นี่หมายความว่าอย่างไร”