ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่หนึ่ง-บทที่สอง
ดังนั้นเสิ่นหรูป๋อจึงเดินตามบ่าวผู้นั้นไปพบฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ที่โถงด้านหน้า
หลายวันมานี้ด้วยอารมณ์ขึ้นลงและทำงานเหน็ดเหนื่อย ทำให้จอนผมของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ขาวขึ้นมาก เดิมทีนางเป็นคนที่ไม่ชอบทำงานวุ่นวาย หลังจากแต่งเข้าสกุลหลี่ ได้สามีคอยดูแลจัดการเรื่องทุกอย่างในร้าน ภายหลังสามีตายจากไปก็ได้บุตรสาวคนรองรับหน้าเพียงผู้เดียว จัดการเรื่องทุกอย่างทั้งในนอกคฤหาสน์ นางจึงมีชีวิตอย่างเงียบสงบมีอิสระเช่นกัน
แต่ผู้ใดจะคิดว่าการออกนอกบ้านตามปกติครั้งหนึ่ง ทำให้บุตรสาวตกม้ากลายเป็นปัญญาอ่อนไป นางคลอดลูกคนสุดท้องตอนอายุเกือบห้าสิบ เดิมทีก็เหนื่อยล้ามากแล้ว ตอนนี้ภารกิจใหญ่น้อยในคฤหาสน์ยังทะลักเข้ามาหานางราวน้ำหลากอีก โชคดีมีเสิ่นหรูป๋อว่าที่ลูกเขยผู้เพียบพร้อมคอยช่วยนางดูแลจัดการงานในร้านค้าขบวนเรือเป็นอย่างดี และมีพ่อบ้านและคนงานในสกุลหลี่คอยช่วยดูแล ไม่เช่นนั้นกิจการของสกุลหลี่คงจะเสียหายไปในมือของแม่บ้านแม่เรือนเช่นนางแน่นอน
ตอนนี้ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ เสิ่นหรูป๋อผู้นี้ก็เปรียบเสมือนบุตรชายในไส้ของนาง พอเห็นใบหน้าของเสิ่นหรูป๋อมีรอยข่วนสดๆ นางก็หน้าเสีย พูดทอดถอนใจว่า “รั่วอวี๋เป็นคนข่วนหรือ”
เสิ่นหรูป๋อนั้นไม่ใส่ใจ เพียงฉีกยิ้มกล่าว “เมื่อครู่ข้าไม่ระวัง ตอนเดินผ่านลานบ้านถูกกิ่งไม้เกี่ยวเอา ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วง”
แต่เสิ่นหรูป๋อยิ่งสุภาพเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ยิ่งไม่สบายใจ “เดิมทีไม่รู้ว่าเจ้าละเอียดอ่อนจิตใจหนักแน่นเช่นนี้ ลูกของข้ายังไม่รู้จักพอ ก่อนเกิดเรื่องยังหาเรื่องจะล้มเลิกการแต่งงานกับเจ้า ตอนนี้นางกลายเป็นแบบนี้แล้ว เห็นทีคงกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แม้ข้าที่เป็นแม่จะสงสารนาง แต่ก็ไม่อาจขัดต่อด้านดีในใจทำร้ายคุณชายบ้านอื่น ด้วยหน้าตานิสัยของเจ้าควรจะมีคู่ครองที่ดีกว่านี้ หนังสือยกเลิกการหมั้นหมายที่รั่วอวี๋เขียนไว้ก่อนหน้านี้ยังอยู่ แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องกับนางอย่างกะทันหัน ไม่ทันส่งไปที่คฤหาสน์ของเจ้า… ตอนนี้คิดว่าคงเป็นกรรมตามสนอง เดิมทีบุตรสาวของข้าทำผิดต่อเจ้า ตอนนี้ข้าจะยกเลิกการแต่งงานแทนนางเอง วันที่บนหนังสือนั่นปลอมแปลงไม่ได้ ถ้าคนรอบข้างคิดจะนินทาอะไรเจ้า หนังสือนี้ก็คือหลักฐาน… ไม่ว่าวันข้างหน้าเจ้าจะแต่งกับคุณหนูสกุลใด ข้าจะยังเห็นเจ้าเป็นลูกเขย ไม่กล่าวโทษเจ้าแม้แต่น้อย…”
พูดพลางฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็สั่งสาวใช้ข้างๆ ให้เอาซองจดหมายที่ปิดผนึกขี้ผึ้งเอาไว้มาฉบับหนึ่ง อักษรอ่อนช้อยแต่ทรงพลังบนนั้นมาจากฝีมือของลูกสาวตนเอง
ตอนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่พูด เสิ่นหรูป๋อก็อดทนฟังด้วยความเคารพ แต่ตอนที่ได้ยินว่าหลี่รั่วอวี๋จะล้มเลิกการแต่งงาน ก็ขมวดคิ้วเหมือนเสียใจ เมื่อจดหมายยื่นมาที่มือของเขาแล้ว เขาก็ดึงกระดาษออกมาอย่างเบามือ หลังจากอ่านอย่างคร่าวๆ แล้วก็เอ่ยปากถาม “ฮูหยินผู้เฒ่ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดรั่วอวี๋จึงอยากล้มเลิกการแต่งงานกับข้า”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ชะงักไปเพราะความละอายใจครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าก็รู้ดี ความคิดของนางนางตัดสินใจเองมาตลอด นับจากขนสัมภาระการทหารกลับจากเมืองหลวงครั้งก่อน จู่ๆ ก็มาบอกข้าเรื่องจะล้มเลิกการแต่งงาน ซักต่ออีกนางก็ปิดปากไม่ยอมพูด… สรุปก็คือ สกุลหลี่ของพวกเราเลี้ยงบุตรสาวไม่ดี ขอให้คุณชายรองเสิ่นอย่าถือโทษรั่วอวี๋เลย…”
เสิ่นหรูป๋อฟังถึงตรงนี้ นิ้วยาวออกแรงเพียงนิด กระดาษแผ่นนั้นก็กลายเป็นผุยผง จากนั้นเขาจึงเอ่ยปาก “ถ้ารั่วอวี๋ไม่เป็นอะไร ในใจนางมีคู่หมายปองที่ดี ข้าคงไม่กล้าขัดความประสงค์ของนาง แต่ตอนนี้นางกลายเป็นเช่นนี้ แม้สกุลหลี่จะไม่ทุกข์ร้อนเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกิน ภายหน้าถ้าท่านไม่อยู่แล้ว… จะมีผู้ใดคอยดูแลรั่วอวี๋เล่า ข้าไร้ความสามารถ ยินดีจะดูแลรั่วอวี๋ทั้งใจไปชั่วชีวิต ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าอุ้มสมข้าด้วย”
คำพูดนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่น้ำตาไหลจนควบคุมไม่อยู่ บุตรสาวกลายเป็นแบบนี้ เรื่องการแต่งงานจะไม่ทำให้รู้สึกกังวลได้อย่างไร หากเป็นคนอื่น นางย่อมไม่วางใจ แต่เสิ่นหรูป๋อเป็นคนรักษาคำพูดมาแต่ไหนแต่ไร เขายอมพูดเช่นนี้ ย่อมตัดสินใจมาแน่วแน่แล้ว ไม่มีทางรังเกียจบุตรสาวตนเองเด็ดขาด นางน้ำตาไหลราวสายฝนในทันที “คุณชายเสิ่น… ท่านเป็นคนมีน้ำใจมีคุณธรรมเช่นนี้… รั่วอวี๋นาง… นับว่ามีวาสนา…”
เสิ่นหรูป๋อพลิกชายเสื้อคุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ “อีกไม่กี่วันพี่ชายข้าจะเข้าไปรับตำแหน่งที่เมืองหลวง เขาเขียนจดหมายถึงข้า เพราะสกุลไป๋ในเมืองหลวงจะก่อตั้งทัพเรือ ต้องการมีกองเรือรบที่มั่นคง ภาพผังเรือรบใบนั้น รั่วอวี๋มอบให้ข้าไว้แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงแผ่นดิน ดังนั้นจึงต้องพักอยู่ในเมืองหลวงหลายปี รั่วอวี๋อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าไม่ทำพิธีเสียทีจะกลายเป็นที่ครหาของคนอื่นได้ ดังนั้นข้าคิดว่าจะรีบแต่งรั่วอวี๋เข้าบ้าน พานางเข้าเมืองหลวงพร้อมกัน แต่ตอนแรกนางพูดอย่างชัดเจนว่าอยากให้ข้าแต่งเข้าบ้านสกุลหลี่ แต่ตอนนี้จะต้องไปไกลบ้าน…”
ยังไม่รอให้เสิ่นหรูป๋อพูดจบ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็รีบพูดตัดบทคำพูดของเขา “บุตรสาวของข้าเดิมทีก็ทำอะไรตามอำเภอใจ นิสัยผิดแปลกจนน่าตกใจ ข้อเสนอของนางตอนนั้น ถ้าได้ลูกหลานชาวนาหรือพ่อค้าทั่วไปก็ดี สกุลเสิ่นของพวกเจ้าเป็นขุนนางมาทุกรุ่น เดิมทีก็ไม่เหมาะสม เสียทีที่เจ้าเอาใจนาง ตอบตกลงโดยไม่คำนึงอะไรเลย เดิมทีรั่วอวี๋จะแต่งสามีเข้ามาก็เพราะวิชาการต่อเรือของสกุลหลี่ไม่อาจถ่ายทอดให้คนนอก ตอนนี้นาง… เป็นเช่นนี้แล้ว แม้จะมีเคล็ดวิชาตกทอดของสกุลก็จำไม่ได้แม้แต่น้อย หมดเรื่องถ่ายทอดให้คนนอกแล้ว ถ้าเจ้ายอมแต่งงาน จะมาพูดเรื่องแต่งเข้าสกุลอีก พวกเราสกุลหลี่ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล ย่อมไม่อาจให้ลูกเขยของตัวเองลำบากใจได้… แต่ว่าตอนนี้นิสัยของรั่วอวี๋เหมือนเด็กสามขวบ คงจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีไม่ได้ ถ้าแต่งงานกับเจ้า… เรื่อง… เรื่องเข้าห้องหอ เกรงว่าคงจะทำให้นางตกใจ…”