เสิ่นหรูป๋อเหมือนจะเดาถึงความกังวลของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้จึงผ่อนเสียงเอ่ยปากพูด “ฮูหยินผู้เฒ่าคิดมากไปแล้ว ข้ารักและเคารพรั่วอวี๋มาตลอด แต่งนางมาอยู่ข้างกายก็เพื่อสะดวกในการดูแล จะทำให้รั่วอวี๋ตกใจเหมือนเด็กหนุ่มป่าเถื่อนบ้ากามได้อย่างไร ถ้านางไม่ยินยอม ข้าจะเคารพนางอย่างดี จะไม่ให้นางได้รับความลำบากใจแม้แต่น้อย…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เป็นคนหูเบามาแต่ไหนแต่ไร หลายวันก่อน ไม่รู้ว่าหลี่รั่วอวี๋ไปสร้างอริทางการค้าที่ยากจะรับมืออะไร ตอนที่นางหมดสติอยู่ ร้านค้าสิบแห่งในทุกพื้นที่ถูกคนตรวจค้น แม้แต่หลงจู๊และคนงานที่คอยดูแลก็ถูกจับส่งทางการ โชคดีที่เสิ่นหรูป๋อลงแรงจัดการ จึงได้รักษาชีวิตของหลงจู๊และคนงานที่ซื่อสัตย์สิบกว่าคนเอาไว้ได้ แต่ร้านค้าสิบแห่งนั้นกลับเรียกคืนมาไม่ได้ พอไปสืบความก็ได้ยินว่าก่อนหน้านี้บุตรสาวไปล่วงเกินซือหม่าแซ่ฉู่ผู้หนึ่ง เขาจึงคอยหาเรื่อง ทำให้ร้านค้าสกุลหลี่ได้รับความเสียหาย
ในบ้านเสียหายอย่างหนัก กอปรกับเหนื่อยใจต่อกันหลายวัน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เชื่อฟังเสิ่นหรูป๋อผู้นี้ยิ่ง
ตอนนี้เสิ่นหรูป๋อคุกเข่าอยู่ตรงหน้าตนเอง ขอร้องให้นางยกบุตรสาวปัญญาอ่อนให้แต่งงานกับเขา นางยังมีอะไรจะปฏิเสธได้อีก
ด้วยสภาพของบุตรสาวในตอนนี้ แม้ว่าจะยังมีคนอยากมาขอดองด้วย คงต้องหวังในกิจการของสกุลหลี่แน่นอน จะมีความบริสุทธิ์ใจเหมือนเสิ่นหรูป๋อได้อย่างไร คิดได้ดังนั้นนางจึงยิ่งมีน้ำตาไหลลงมามากขึ้นอีก
หลังจากเสิ่นหรูป๋อลากลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ลุกขึ้นเดินไปเยี่ยมบุตรสาว หลายวันมานี้นางไปพบท่านหมอชื่อดังมาหลายคน แต่หลังจากฟังอาการของบุตรสาวแล้ว ท่านหมอยอดฝีมือเหล่านี้ล้วนพากันส่ายหน้า เกรงว่ารักษาไม่สำเร็จจะเสียชื่อเสียงตนเอง จึงไม่ยอมลงมือช่วย
รอจนเข้าห้องบุตรสาวแล้ว เห็นหลี่รั่วอวี๋เปลี่ยนไปใส่เสื้อนวมปิดคอสีขาวนวล กำลังก้มหน้าเล่นชุดห่วงเชื่อมที่ทำจากไม้จันทน์ชิ้นหนึ่ง นี่เดิมทีเป็นของเล่นของเสียนเอ๋อร์บุตรชายอายุเจ็ดขวบของนาง ตอนนี้เอาเข้ามาในห้องของหลี่รั่วอวี๋ ในจำนวนของเล่นมากมาย มีเพียงชิ้นเดียวนี้ที่หลี่รั่วอวี๋ชื่นชอบ เล่นตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ยอมหยุด
บุตรสาวหมดสติไปหนึ่งเดือนเต็ม และเพราะมีไข้สูงต่อกันหลายวัน หลังจากฟื้นขึ้นมาก็สูญเสียความทรงจำและจำผู้ใดไม่ได้ หลายวันแรกไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้อีกด้วย เอาแต่ขว้างปาของ ภายหลังคนในบ้านปลอบใจอย่างดีจึงทำให้นางสงบสติอารมณ์ลงได้ แต่หญิงผู้มีความสามารถเลื่องชื่อไปทั่วเจียงหนานกลับไม่เหลือความสง่าไว้เลย การกระทำนิสัยล้วนเป็นเหมือนเด็กเล็ก แม้จะไม่เข้าใกล้คนอื่นนัก แต่นางสนิทสนมกับน้องชายเจ็ดขวบของนางมาก พอวางของเล่นที่เอามาจากเสียนเอ๋อร์เหล่านั้นไว้ให้ นางก็จะเล่นมันอย่างสนุกสนานได้เป็นครึ่งค่อนวัน
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองดูบุตรสาวที่ท่าทางไร้เดียงสาของตนเองแล้วก็เกิดความเศร้าใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่น้ำตายังไม่ทันไหลก็เห็นบุตรสาวเงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาโตฉายประกายยินดี ชูห่วงชุดในมือที่เพิ่งปลดออกมาได้แล้วส่งเสียงอ้อแอ้ ทำให้บุตรชายคนเล็กนอนเปิดท้องกลิ้งไปหา “พี่รอง พี่จะทำให้เสียนเอ๋อร์โกรธจนตายอยู่แล้ว ข้าเล่นมาหลายวันก็ยังปลดไม่ได้ เหตุใดพี่เล่นไม่ถึงสองวันปลดออกได้แล้วล่ะ”
เขาพูดพลางดึงกางเกงที่เกือบหลุดขึ้นแล้วรีบโผเข้าไปในอ้อมกอดของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ “ท่านแม่ พวกลิ่วฝูในสำนักศึกษาล้วนพูดว่าพี่ปัญญาอ่อนไปแล้ว เสียนเอ๋อร์โกรธมาก ต่อยตีกับพวกเขาด้วย พี่ไม่ยอมพูดกับเสียนเอ๋อร์เลย แต่เหตุใดนางยังเก่งกว่าเสียนเอ๋อร์อีก นางกำลังแกล้งป่วยอยู่หรือ”
ฟังคำพูดเด็กอย่างไม่ซ่อนเร้นของบุตรชายแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ลูบใบหน้าเล็กอวบอิ่มของเขา มองดูบุตรสาวโยนห่วงชุดทิ้ง แล้วหยิบของเล่นข้างๆ ขึ้นมาเล่นอีก ก่อนจะพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ห่วงชุดนั่นเดิมทีก็เป็นของเล่นตอนเด็กของพี่รองเจ้า ภายหลังเก็บเอาไว้ให้เจ้า นางฉลาดเกินผู้ใดมาตั้งแต่เด็ก ตอนสี่ขวบก็ปลดห่วงชุดนั่นได้แล้ว ทำให้ท่านพ่อเจ้าดีใจอย่างมาก ชื่อของนางเดิมชื่อว่ารั่วซี แต่ภายหลังท่านพ่อเจ้าเปลี่ยนชื่อให้นางเป็น ‘รั่วอวี๋’ จุดประสงค์เพราะกลัวว่านางฉลาดเกินไปจนบดบังวาสนา…” พูดถึงตรงนี้ ในดวงตาก็รู้สึกเจ็บปวด พูดในใจว่า… นายท่าน ตอนนั้นที่ท่านเปลี่ยนชื่อ คิดเอาไว้แล้วหรือว่าบุตรสาวจะมีสภาพเหมือนเช่นวันนี้
หลี่รั่วเสียนได้ยินคำพูดของมารดาแล้วก็มีความสงสัยในทันที จึงหันกลับไปมองพี่รอง ในใจคิดว่า… คนถ้าฉลาด ไม่ใช่เรื่องดีหรือ อาจารย์ในสำนักศึกษามักจะด่าว่าเสียนเอ๋อร์โง่ เหตุใดพอไปถึงพี่รอง กลับกลายเป็นภัยร้ายไปได้
พี่รองที่ปกติจะดูน่าเกรงขามแม้จะไม่โมโห ตอนนี้ล้มนอนบนพรมนุ่มจากซีอวี้อย่างไม่เหลือความสง่าเลย สะบัดเท้างามที่ไม่ได้สวมถุงเท้า ท่าทางไร้เดียงสามีความสุข ไม่เหมือนกับเขา ต้องไปทนอยู่ในสำนักศึกษาทุกวัน… เช่นนี้ดูไปแล้ว นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง…