ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เองยามนี้ก็มีน้ำตารื้นขอบตาอีกครั้ง จึงปล่อยมือบุตรชาย เดินไปข้างกายบุตรสาวที่นอนอยู่บนพรมนุ่ม ลูบหน้าผากนวลเนียนของนางอย่างเต็มไปด้วยความรัก เห็นนางสูญเสียความฉลาดไปหมด แต่กลับมีสายตาที่ไร้เดียงสา จึงพูดเสียงเบาว่า “พี่รองของเจ้าไม่มีทางแกล้งป่วยหรอก นางกตัญญูที่สุด จะทำให้คนอื่นเป็นห่วงแบบนี้ได้อย่างไร แต่นางก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนที่คนนอกพูดกัน นางก็แค่อยากเล่นกับเสียนเอ๋อร์ เติบโตใหม่อีกครั้งเท่านั้น”
หลี่รั่วอวี๋ปล่อยให้หญิงข้างกายลูบเบาๆ ปากก็พ่นเสียงไม่เป็นคำ นิ้วเรียวยาวขยับเล่นกลองป๋องแป๋งสีรุ้งในมืออย่างมีความสุข เสียงกลองดังตุงๆๆๆ
ตอนที่เสิ่นหรูป๋อเดินเข้ามาในคฤหาสน์สกุลหลี่ ไม่รู้ว่าเสิ่นโม่พ่อบ้านของตนเองมายืนรออยู่ที่ประตูตั้งแต่เมื่อใด เมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาออกมาก็เดินตามเขาออกจากคฤหาสน์สกุลหลี่แล้วรายงานเสียงเบา “คุณชายรอง เมื่อครู่คนในเมืองหลวงวิ่งมาให้คำตอบแล้ว ทางฉู่ซือหม่าจนหนทาง สินค้าชุดที่ขนส่งทางน้ำไปทางเหนือ ถือว่าเป็นการเอาซาลาเปาไส้เนื้อไปปาสุนัข เอ่อ เอากลับมาไม่ได้แล้วขอรับ… เรื่องที่คุณหนูรองหลี่ก่อครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ในโลกนี้มีผู้ใดบ้างไม่รู้นิสัยฉู่จิ้งเฟิงที่ ‘ผีเห็นยังหวั่น’ ว่าเป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ เขาเป็นคนเย็นชาไม่ไว้หน้าผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร คุณหนูรองกลับกล้าถ่วงเวลาขนสัมภาระการทหารของฉู่ซือหม่า ทำให้ทหารสกุลฉู่เกือบจะถูกหยวนซู่ที่ทางเหนือทำลายสิ้นซากในสงครามฮุ่ยชาง ได้ยินว่าฉู่จิ้งเฟิงได้รับบาดเจ็บอีกด้วย เรื่องใหญ่เช่นนี้ นอกจากนางหลี่รั่วอวี๋แล้ว ผู้ใดคงไม่มีปัญญาแก้ไขได้”
เสิ่นหรูป๋อหมุนแหวนหยกบนนิ้วโป้งเบาๆ นิ่งเงียบสักครู่จึงพูดว่า “รั่วอวี๋นางไม่ทำเรื่องโง่ที่ตกเป็นขี้ปากของคนอื่นเช่นนี้ เหตุใดครั้งนี้กลับ… หลงจู๊และคนงานที่ถูกคุมตัวไว้ก่อนหน้าเหล่านั้นถูกปล่อยกลับมาหมดแล้วไม่ใช่หรือ ฉู่ซือหม่าคิดจะเปลี่ยนใจหรือ”
เสิ่นโม่ส่ายหน้าพลางพูดเสียงเบาว่า “โชคดีที่พระมาตุลาไป๋ชวนซีต้องอาศัยคุณหนูรองหลี่ต่อเรือ และเห็นแก่จดหมายที่ท่านเขียนด้วยตัวเอง จึงสั่งให้ทางการปล่อยคน แต่ฉู่จิ้งเฟิงกับพระมาตุลาไป๋เป็นศัตรูกัน คนแซ่ฉู่ไม่ไว้หน้าพระมาตุลา ภายหน้าจะมาหาเรื่องอีกหรือไม่ก็ยังพูดได้ยาก ไม่แน่ว่าการตกม้าของคุณหนูรองครั้งนี้ฉู่จิ้งเฟิงอาจจะเป็นคนสั่งการก็ได้ ท่านว่าเขาจะส่งคน…”
เสิ่นหรูป๋อได้ฟังถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้ว สงบนิ่งลงอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงเครียดว่า “เมืองเหลียวเฉิงไม่ใช่เมืองโม่เหอของฉู่จิ้งเฟิง ที่นี่มีค่ายทหารของสกุลไป๋อยู่ตลอด จะปล่อยให้เขาทำอะไรส่งเดชได้อย่างไร เจ้าไปที่ค่ายทหารนอกเมือง นำจดหมายของข้าไป ให้พวกเขาส่งคนมีฝีมือจำนวนหนึ่งมาเฝ้าคฤหาสน์สกุลหลี่ไว้ ในระหว่างที่จัดพิธี จะให้รั่วอวี๋เป็นอะไรไปแม้เพียงขนเส้นเดียวไม่ได้”
พูดจบเขาก็ลอยตัวขึ้นม้า และลงแส้ควบม้าไปอย่างรวดเร็ว
เสิ่นโม่ตะลึงอยู่กับที่ ทนไม่ไหวถอนหายใจยาว คุณหนูรองหลี่สั่งการคุณชายของเขาจนชิน คุณชายรองที่มาจากครอบครัวขุนนาง กลับต้องมาคอยตามดูแลบุตรสาวพ่อค้าผู้หนึ่ง ดีที่คุณชายรองยังคอยคิดทุกอย่างเพื่อนางเช่นนี้!
แต่ตอนนี้ก่อเรื่องใหญ่โตแบบนี้ นางยังโชคดีเป็นปัญญาอ่อนไป ทิ้งเรื่องยุ่งเอาไว้ยังต้องให้คุณชายรองของเขามาเก็บกวาดอีกหรือ หลี่รั่วอวี๋ เจ้าเป็นดาวพิฆาตในชีวิตคุณชายรองของพวกเราจริงๆ!
คิดถึงข่าวลือช่วงก่อนที่ฉู่จิ้งเฟิงพ่ายศึกและได้รับบาดเจ็บ เดิมคิดว่าฉู่ซือหม่าผู้นี้จะลำบากอับจนต่อไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าในคืนเดียวกันกลับนำยอดฝีมือกองหนึ่งลอบเข้าไปในเมืองศัตรู ฉวยโอกาสที่ศัตรูเฉลิมฉลอง ลอบฆ่าจอมทัพของอีกฝ่าย แล้วเปิดประตูเมืองฆ่าทหารทั้งเมืองภายในคืนเดียวเพื่อล้างความอับอาย! เสิ่นโม่ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุก ‘มัจจุราชฉู่’ ไม่ใช่ฉายาที่ได้มาลอยๆ คติพจน์ของเขาก็คือ ‘ผู้ใดขวางข้า ตาย’ คนเลวร้ายขึ้นชื่อในต้าฉู่ผู้นี้ วิญญาณบริสุทธิ์ที่ตายด้วยฝีมือของเขาไม่ได้มีแค่เป็นพันเป็นหมื่นเท่านั้น
หลี่รั่วอวี๋ไปยั่วโมโหผู้ใดก็ไม่ไป ต้องเป็นปีศาจที่ผีเห็นยังหวั่นผู้นั้นด้วย ถูกหมายตาเช่นนี้ สู้ล้มหัวฟาดไม่รู้เรื่องราวอะไรดีกว่า!
ในชั่วขณะนั้น เสิ่นโม่รู้สึกอิจฉาคุณหนูรองสกุลหลี่ที่เป็นปัญญาอ่อนไปแล้วอย่างมาก
ข่าวที่คุณหนูรองจะออกเรือนกระจายไปทั่วคฤหาสน์สกุลหลี่อย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างพูดกันว่าเป็นภรรยาพ่อค้านั้นอยู่ยาก แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กับสามีที่ล่วงลับสองสามีภรรยารักใคร่ปรองดองกันมาก