บทที่สาม
ในเวลาเดียวกันนี้ ณ ลานล่าสัตว์ที่เมืองเหลียวเฉิง ใต้เท้าเมิ่งผู้ช่วยนายอำเภอเมืองเหลียวเฉิงกำลังแอบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อใต้หมวกขุนนางตรงมุมหน้าผาก มองดูชายหนุ่มผมขาวที่นั่งอยู่ใต้เพิงพักร้อนอย่างระวังตัว
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี ดวงอาทิตย์ร้อนแรงมาก แต่ใต้เพิงพักร้อนที่สร้างขึ้นอย่างประณีตล้วนกันแดดได้หมด เห็นเพียงชายหนุ่มผมขาวตัวสูงใหญ่ผู้นั้นสวมชุดล่าสัตว์สีขาวนวลทั้งตัว สายรัดเอวแถบใหญ่ทำให้ร่างนั้นดูงามสง่าขึ้น ผมสีเงินน่าประหลาดในตอนนี้ถูกรวบอย่างเรียบร้อยไว้ในที่ครอบผมรูปกรงเล็บทอง ทำให้คิ้วและดวงตาโฉบเฉี่ยวนั้นยิ่งดูน่าหลงใหล
ถึงแม้ท่านั่งของท่านซือหม่าจะงามสง่าอย่างมาก ทำให้คนมองได้ไม่เบื่อ แต่ผู้ช่วยนายอำเภอเมิ่งกลับคิดว่าตนเองต้องเตือนสติสักนิด ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้า ลูบหนวดใต้คางแล้วถามว่า “ใกล้เที่ยงแล้ว เวลาดีในการล่าสัตว์ในลานล่าสัตว์นี้จะผ่านไปแล้ว ใต้เท้ายินดีจะให้ชาวเมืองเหลียวเฉิงอย่างพวกเราได้เห็นความงามสง่าของใต้เท้าตอนง้างธนูล่าสัตว์ได้หรือไม่”
ฉู่จิ้งเฟิงหรี่ตาที่กำลังมองหมอกบางสุดปลายเขาของลานล่าสัตว์ ไม่รู้ว่าใจลอยไปที่ใด จู่ๆ ก็ถูกผู้ช่วยนายอำเภอเมิ่งตัดบทความคิด จึงแค่นเสียงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่มองผู้ช่วยนายอำเภอแม้แต่น้อย ผุดลุกและขึ้นหลังม้าจากไปทันที
อำเภอเล็กห่างไกลความเจริญเช่นนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน วันนี้เขาเหมือนถูกผีเข้า รับข้อเสนอของผู้ช่วยนายอำเภอที่คิดประจบมาล่าสัตว์ที่นี่เพื่อฆ่าเวลา
คนที่มาจากทางเหนือ คิดถึงการล่าสัตว์ก็จะนึกไปถึงพวกเสือสางหมาป่าหมูป่าหรือหมีดำ ต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนเหล่านั้น ใช้มีดสั้นปักลงที่หัวใจเหยื่อด้วยตนเอง ทำให้คนเลือดเดือดพล่านได้ เขาไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมานานแล้ว น่าจะสามารถหาความสำราญได้สักพัก…
แต่พอมาถึงลานล่าสัตว์เมืองเหลียวเฉิง ซือหม่ารู้สึกว่าตนเองโง่เหลือเกินที่สั่งให้ผู้ใต้บัญชาแบกคันธนูลูกธนูทั้งชุด พกดาบโค้งฝ่าเขา เอาเหยี่ยวล่าสัตว์ที่ผ่านการฝึกฝนเตรียมพร้อมมาถึงที่นี่…ในป่าที่มีแต่ต้นไม้เตี้ยๆ
จะบอกว่าเป็นลานล่าสัตว์ แท้จริงแล้วไม่ใหญ่กว่าลานสวนสนามทหารเท่าใดนัก ต้นไม้ ลำธารและภูเขาทุกอย่างมองได้อย่างชัดเจนภายในครั้งเดียว
สำหรับลานล่าสัตว์… เดิมคิดว่ากระต่ายหลายสิบตัวที่อ้วนกลมจนดูเหมือนโง่เง่าในกอหญ้าเหล่านั้นจะเป็นเหยื่อล่อให้สัตว์มาติดกับ คิดไม่ถึงว่าใต้เท้าเมิ่งจะบอกออกมาตามตรงว่ากระต่ายอ้วนเหล่านั้นเป็นตัวหลักของการล้อมล่าในวันนี้ จากนั้นก็ดึงคันธนูแสดงการล่ากระต่ายอย่างมีความสุข…
ต่อมาเห็นท่าทางพวกเศรษฐีโง่เง่าที่มาพร้อมกับใต้เท้าเมิ่งดึงคันธนูปล่อยลูกธนูไปอย่างเก้กัง ฉู่จิ้งเฟิงรู้ว่านอกเสียจากกระต่ายหลายสิบตัวนั้นจะเบื่อโลกอยากฆ่าตัวตาย วิ่งเข้ามาชนลูกธนูเอง ไม่เช่นนั้นพวกคนโง่บ้านนอกเช่นนั้นคงจับอะไรไม่ได้เลย
ความสนุกที่เขายังพอมีเล็กน้อยแต่เดิมดับมอดไปเช่นนี้ โชคดีที่ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลว ภาพเหตุการณ์ภายใต้แสงตะวันทำให้เห็นความงามของเจียงหนานได้บ้าง เขาจึงดื่มชาชมทิวทัศน์ไป ปล่อยสมองว่างเปล่าไปกับความเปลี่ยนแปลงของปุยเมฆ… คิดไม่ถึงว่าความสนุกเพียงนิดที่เหลืออยู่นี้จะถูกชายแก่ที่พูดไม่หยุดอยู่ด้านข้างทำลายไป ในตอนนี้เขาจึงลุกขึ้นและเตรียมจะกลับคฤหาสน์
แต่ก่อนจะจากไป ควรให้จี๋เฟิงเหยี่ยวที่รักได้สนุกบ้าง เขาจึงสั่งให้คนเลี้ยงเหยี่ยวคลายโซ่ ให้จี๋เฟิงได้สนุกสนาน ใช้กระต่ายอ้วนที่สร้างความสนุกให้กับพวกเศรษฐีเหล่านั้นมาลับกรงเล็บบ้าง