ทว่ากระต่ายในวันนี้ไม่รู้ว่าเป็นปีศาจหรือไม่ จี๋เฟิงเพิ่งจะกางปีกบินขึ้นบนท้องฟ้าได้หนึ่งรอบ เล็งเหยื่อไว้แล้วพุ่งลงมาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงร้องแหลมและสั้นรัวของจี๋เฟิงดังลอยมา
ฉู่จิ้งเฟิงได้ยินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป คิดว่าจี๋เฟิงคงจะเจองูพิษ จึงรีบหันหัวม้าทะยานเข้าไปในป่าที่เกิดเสียงทันที
รอจนเข้าไปในป่า ซือหม่าที่นั่งอยู่บนหลังม้าเห็น ‘ภาพเหตุการณ์’ ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนจึงเบิกตาโตอย่างช้าๆ…
เห็นเพียงคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยดินโคลนผู้หนึ่งกำลังกดตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ไว้แน่น ความตื่นเต้นบนใบหน้าแม้แต่ดินโคลนที่หนาเตอะก็ยังปิดบังไว้ไม่มิด
“เจ้าทำอะไรอยู่” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะคอก
มนุษย์ดินโคลนผู้นั้นดูเหมือนจะถูกเสียงตะคอกทำให้ตกใจ ร่างนั้นแข็งเกร็งอยู่บนตะกร้าใหญ่นั่นทันที พูดอึกอักเสียงเบาว่า “นก…ย่างนกกระจอกกิน”
ฉู่จิ้งเฟิงรีบมองสำรวจกิ่งไม้ใหญ่ข้างตะกร้าไม้ไผ่ที่ถูกผูกด้วยแถบผ้า แถบผ้าทอดยาวไปถึงด้านหลังต้นไม้ใหญ่ไกลออกไปสิบจั้ง จากช่องบนตะกร้าไม้ไผ่ เห็นเจ้าจี๋เฟิงกับกระต่ายโง่ที่ถูกผูกขาหลังไว้ตัวหนึ่งได้รางๆ
การใช้ตะกร้าไม้ไผ่เอาไม้ค้ำเป็นวิธีโบราณในการจับนกกระจอกของเด็กบ้านนอก แต่วันนี้กลับถูกหญิงผู้นี้เอามาจับเหยี่ยวที่รักของตนเอง…
กวนป้าที่ตามมาติดๆ เห็นชัดเจนแล้วว่ามนุษย์ดินโคลนผู้นั้นเป็นผู้ใดก็สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ในใจคิดว่า… หญิงสาวผู้นี้จะแค้นแม้กระทั่งนกของซือหม่าเลยหรือ ครั้งก่อน…นกตัวสำคัญก็เสียหายไปไม่น้อย วันนี้ยังมาทำลายศักดิ์ศรีเหยี่ยวที่รักของซือหม่าอีกหรือ!
เรื่องนี้สุดจะทนได้อีกแล้ว
หลี่รั่วอวี๋ได้รับการถ่ายทอดมาจากเหล่าสหายของน้องชายวัยเยาว์จริงๆ ทั้งยังเอาวิธีการจับนกกระจอกนั้นมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
และสวรรค์ก็ช่วยนาง พวกกระต่ายที่ถูกเศรษฐีกลุ่มนั้นไล่มาตลอดเช้าเหน็ดเหนื่อยหมดแรง มีอยู่หนึ่งตัวโชคร้ายถูกลูกธนูบาดเจ็บที่ขา จึงถูกหลี่รั่วอวี๋ตะครุบจับได้อย่างง่ายดาย ทว่าหญิงสาวผู้หิวโซไม่ได้เอากระต่ายขาวตัวอ้วนใส่ไว้ในรายชื่ออาหาร เพราะใจนึกถึงรสชาตินกกระจอกย่างที่เหล่าสหายของน้องชายเคยทำให้กิน บนฟ้ามีนกตัวใหญ่อย่างนั้น ย่างสุกแล้วต้องมีรสชาติอร่อยมากอย่างแน่นอน!
เห็นนกตัวนั้นไล่ตามกระต่ายอยู่ หลี่รั่วอวี๋จึงเกิดความคิด ใช้อุปกรณ์ที่มีในมือสร้างกับดักขึ้น จับ ‘นกกระจอก’ ตัวใหญ่เป็นพิเศษตัวนั้นเอาไว้ได้
แต่ความตื่นเต้นยังไม่ทันผ่านไป พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายผมขาวที่เคยพบหน้าจู่ๆ ก็มาปรากฏตัวที่นี่ และกำลังนั่งอยู่บนหลังม้าสูงมองมาที่นางด้วยสายตาเย็นชา… ตอนที่ถูกเขาถาม ไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงตื่นเต้นจนพูดความในใจว่าอยากจะย่างนกกระจอกกิน
ชั่วขณะต่อมา นางก็ถูกชายผู้นั้นยกตัวด้วยมือเดียวขึ้นบนหลังม้า แล้วควบออกจากป่าอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ได้รีบเดินทางกลับโรงเตี๊ยม แต่ไปยังที่มีภูเขาเขียวน้ำสวยอีกแห่งหนึ่งนอกเมือง…
นั่นคือภูเขาเล็กที่เขาจ้องมองจากที่ไกลมาตลอด เขาสั่งให้องครักษ์ซื้อฟืนจากคนตัดฟืนบนเขา แล้วให้ชาวบ้านในบริเวณนี้จากไปก่อน ภายในเขาจึงสงบเงียบลงอย่างหาได้ยาก จากนั้นการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางมานับว่าได้ใช้งานแล้ว กระโจมหนังวัวถูกกางออก ชายฉกรรจ์หลายคนใช้พลั่วเหล็กขุดหลุมใหญ่บนพื้นอย่างชำนาญ ฟืนหลายมัดที่ซื้อมาถูกวางไว้ในหลุมและก่อเป็นกองไฟ
จี๋เฟิงกระพือปีกหลังจากถูกปล่อยออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ แล้วยืนอย่างตื่นกลัวอยู่บนบ่าคนเลี้ยงเหยี่ยวพลางจิกไซ้ขนที่ยุ่งเหยิง พยายามรักษาความภาคภูมิของเหยี่ยวแห่งแคว้นทางเหนือเอาไว้อย่างถึงที่สุด
แต่กระต่ายน้อยน่าสงสารตัวนั้นไม่โชคดีอย่างนี้ มันถูกถลกหนังผ่าท้อง หั่นเป็นชิ้นเสียบไม้ กลายเป็นเนื้อกระต่ายย่างอันโอชะ
ส่วนคนอื่นอีกหลายคนไม่นานก็จับไก่ป่ามาได้ กอปรกับผลไม้และใบชาที่นำมาเอง อาหารกลางวันมื้อนี้จึงนับว่าอุดมสมบูรณ์มาก
ฉู่จิ้งเฟิงรับผ้าเปียกที่กวนป้ายื่นมาให้ ก่อนจะโยนไปบนตัวมนุษย์ดินโคลนที่ขดตัวอยู่ในมุมกระโจม เห็นนางไม่คิดจะทำความสะอาดเอง เขาจึงขมวดคิ้วและนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าเปียกขึ้นมาเช็ดดินโคลนบนใบหน้าและบนมือของนางอย่างอดทน เผยให้เห็นเนื้อขาวนวลแต่เดิมทีละนิดๆ