คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของฉู่จิ้งเฟิงก็เครียดขมึงขึ้นมาอีกครั้ง เขาจ้องมองหญิงสาวข้างกายที่โบกไม้โบกมืออย่างแรง จู่ๆ ก็เกิดความคิดว่าจะให้นางกลับไปอยู่ข้างกายว่าที่สามีของนางอย่างมีความสุขไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงโบกมือเอื่อยๆ ไปทางองครักษ์ของเขาเหล่านั้น เป็นสัญญาณให้พวกเขาปล่อยฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กับเสิ่นหรูป๋อเข้ามา
รอทั้งสองคนมาถึงตรงหน้า ฉู่จิ้งเฟิงจึงยืนขึ้น พูดไปทางกวนป้าที่อยู่ด้านข้าง “เอาเชือกมา มัดหลี่รั่วอวี๋แล้วส่งเข้าคุกเมืองเหลียวเฉิง!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วก็คิดอะไรไม่ออกไปทันที ทำได้เพียงคุกเข่าลงขอร้องฉู่ซือหม่า “ท่านซือหม่า ถ้าบุตรสาวข้าทำอะไรล่วงเกินใต้เท้า ข้าน้อยขอขมาใต้เท้าแทนนาง ขอใต้เท้าเห็นแก่ที่บุตรสาวข้าน้อยป่วยหนัก ปล่อยนางไปในครั้งนี้ด้วยเถิด”
เสิ่นหรูป๋อขมวดคิ้วเช่นกัน ประกบหมัดพูดว่า “ใต้เท้า เรื่องสัมภาระการทหารนั้นจัดการเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดท่านจึงผิดคำพูด”
ในตอนนี้เอง เชือกเส้นหนาก็มัดไปบนตัวหลี่รั่วอวี๋แล้ว รอนางได้สติคืนมาก็มัดไว้อย่างแน่นหนา นางจึงเริ่มบิดตัวตะโกนร้องเสียงดัง
ฉู่จิ้งเฟิงไม่มองมาทางนางแม้แต่น้อย เขาเอ่ยพูดเสียงเย็นชา “ข้าไม่เคยรับปากอะไรคุณชายรองเสิ่น จะผิดคำพูดได้อย่างไร เดิมทีเห็นแก่หน้าพระมาตุลาไป๋ ปล่อยหญิงผู้นี้ไปสักครั้ง นางสมองเสื่อมไปแล้วจริงๆ มิน่าล่ะคุณชายรองเสิ่นยังยินดีจะแต่งกับนาง ยามว่างหยอกเล่นด้วยสักนิดก็ให้สนุกดี…”
ฟังถึงตรงนี้ กำปั้นของเสิ่นหรูป๋อก็กำแน่น ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่อาจจะไม่ทันสังเกต แต่เพราะต้องสร้างสัมพันธ์ทางการค้า เขาจึงเข้าออกสถานเริงรมย์บ่อยครั้ง ย่อมแยกแยะออกได้อย่างชัดเจนว่า เหตุใดริมฝีปากของหลี่รั่วอวี๋ทั้งที่ไม่ได้ทาสีชาดแต่กลับบวมแดง…
นั่นเป็นหลักฐานที่ทิ้งไว้หลังจากถูกชายหนุ่มดูดชิมตามแรงปรารถนา!
ฉู่จิ้งเฟิงย่อมเห็นสายตาของเสิ่นหรูป๋อที่จ้องริมฝีปากของหลี่รั่วอวี๋ก็พลันรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมามาก พูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “แต่เมื่อวานข้าได้รับรายงานว่าชายแดนทางเหนือตรวจสอบเจอเรือสินค้าสกุลหลี่บรรทุกสินค้าต้องห้ามไว้ มีฝิ่นเต็มสามลำเรือใหญ่…คิดจะวางยามอมเมาราษฎรครึ่งแคว้นของต้าฉู่หรือ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังก็ตกใจจนเบิกตาโต นี่เป็นคดีมาจากที่ใดกัน ฝิ่นนี้เป็นของที่เพิ่งนำเข้ามาจากแคว้นตงอิ๋ง ได้ยินว่าทางนั้นผลิตขึ้นมาจากยาเส้นพิเศษชนิดหนึ่ง
ของสิ่งนี้ได้ยินว่าหากลองแล้วจะติดได้ และหากดูดกลืนมากเกินไปจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นจึงมีการติดประกาศหลวงห้ามขายของเลวร้ายเช่นนั้น หากมีการตรวจพบ จะมีโทษถึงขั้นหัวหลุดจากบ่า!
ของ…ของแบบนี้จะมาปรากฏอยู่บนเรือสินค้าสกุลหลี่ได้อย่างไร
คิดถึงตรงนี้ นางก็มองไปทางเสิ่นหรูป๋ออย่างสงสัย
เสิ่นหรูป๋อได้ฟังคำพูดของฉู่จิ้งเฟิงแล้วก็รู้สึกตกใจ
สินค้าชุดนั้นไป๋จิ้งถัง บุตรชายของพระมาตุลาไป๋ไหว้วานให้เขาช่วยขนส่ง คนในเมืองหลวงจำนวนหนึ่งชอบสิ่งนี้ ขาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว ไป๋จิ้งถังผูกขาดสินค้าไว้ผู้เดียว ทำให้มีเงินทองไหลมาเทมา แต่สินค้าหลายลำเรือนี้ระมัดระวังมาตลอดทาง เช่นนั้นเขารู้ได้อย่างไรกัน
ฉู่จิ้งเฟิงผู้นี้พูดจาเหมือนมีหลักฐาน เห็นทีคงจะยึดเรือสินค้าเอาไว้จริงๆ หากตกไปอยู่ในมือของขุนนางคนอื่นก็ยังดี แค่เจรจาขออำนวยความสะดวกก็คงเสร็จเรื่อง แต่บังเอิญถูกฉู่ซือหม่าจับได้ ตอนนี้คงจัดการได้ยากแล้ว
“ใต้เท้า สกุลหลี่ของพวกเราไม่มีทางไปเกี่ยวข้องกับของต้องห้ามเช่นนั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้รั่วอวี๋ป่วยแล้ว นางไม่รู้อะไรเลย ใต้เท้า…” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยังคงพูดขอร้อง
ฉู่จิ้งเฟิงในตอนนี้มองตรงไปทางเสิ่นหรูป๋อที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “สินค้าชุดนี้ขนลงเรือไปก่อนเดือนสาม ผ่านมือคนมาตลอดทาง ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเขตต้าฉู่ ข้ารู้มาตลอดว่าคุณหนูรองสกุลหลี่เป็นคนเข้มงวดมาก ถ้าไม่ใช่นางพยักหน้า ขบวนสินค้าสกุลหลี่จะกล้านำของเลวร้ายเช่นนี้ขึ้นเรือได้อย่างไร หากไม่ใช่นาง…ยังมีผู้ใดสามารถเป็นหลักรับความผิดนี้ได้อีก”