ฉู่จิ้งเฟิงแม้จะรู้สึกว่าท่าทางการกินแบบนี้ยังนับว่าน่ารัก แต่สายตาที่ไป๋ฉวนจงมองมานั้นกลับฉายความดูถูกไว้รางๆ สิ่งนี้ทำให้ฉู่จิ้งเฟิงลอบรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
แม้จะไม่ตั้งความหวังว่าหลี่รั่วอวี๋จะกลับเป็นเหมือนเดิมไว้มากนัก ถึงขั้นแอบหวังว่านางจะอยู่อย่างเชื่อฟังข้างกายเขาเช่นนี้ตลอดไป แต่หากนางเรียนรู้การวางตัวพอสมควรได้ ไม่ต้องถูกดูถูกหัวเราะเยาะ มิดียิ่งกว่าหรือ
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่จิ้งเฟิงจึงตัดสินใจจะดัดนิสัยไม่มีระเบียบของหลี่รั่วอวี๋ เริ่มจากเรื่องเล็กน้อยเรื่องการปฏิบัติตัวต่อหน้าผู้อื่นและการรับของในชีวิตประจำวัน
รอกลับถึงทางเหนือ ย่อมต้องเชิญอาจารย์มาให้นางสักคน การเรียนรู้หนังสือเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญที่สุดคือเรียนรู้กฎระเบียบที่หญิงในตระกูลใหญ่พึงมี
ตอนเก็บสัมภาระลงเรือใหญ่เริ่มเดินทางขึ้นเหนือ ฉู่จิ้งเฟิงไม่ได้ผ่อนปรนเรื่องการอบรมและกฎเกณฑ์ที่มีต่อภรรยาตนเอง
เดิมทีหลี่รั่วอวี๋นั่งเรือใหญ่อย่างตื่นเต้นยินดีมาก นางชอบความรู้สึกตอนยืนอยู่ตรงหัวเรือ ปล่อยให้ลมปะทะเข้าหน้า แต่ไม่ช้าก็พบว่าพี่ฉู่ผู้นี้เริ่มใจดำกับนางมากขึ้น
ตอนกินข้าวห้ามใช้มือเปล่าเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกเก็บถ้วยชาม ปกติกินผลไม้ของว่างก็ห้ามกินจนเลอะเทอะเต็มตัว ต้องเอาผ้าเช็ดหน้ารองแล้วหยิบใส่เข้าปากทีละชิ้นเล็กๆ
สำหรับเรื่องนั่งเล่นบนพื้นยิ่งไม่ได้รับอนุญาต หากพบเข้าจะถูกริบของเล่น ต่อให้ร้องโวยวายอย่างไรก็ไม่คืนให้
ตอนเริ่มแรกหลี่รั่วอวี๋ยังเชื่อฟังเป็นอย่างดี แต่ถูกบีบบังคับจนไม่เป็นไปดังใจ หลังจากโมโหจนไม่กินข้าวแล้ว นางก็พบว่าไม่มีผู้ใดสนใจนาง แม้แต่หล่งเซียงที่ปกติจะดีกับนางที่สุดหลังจากถูกฉู่จิ้งเฟิงตำหนิด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วก็ไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก
วันนี้เดินทางเข้าใกล้เมืองวั่นโจวทางตอนเหนือแล้ว เรือใหญ่ที่พวกเขานั่งมาต้องเติมอาหารและน้ำ จึงเทียบท่าพักผ่อนครึ่งวัน
วันนี้ตรงกับวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เป็นเทศกาลฉีเฉี่ยว พอดี ร้านค้าในท้องถิ่นล้วนตุนสินค้าใหม่เตรียมไว้ขายกันอย่างคึกคักตอนเปิดตลาดเทศกาลฉีเฉี่ยว
หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานล้วนสวมเสื้อใหม่ปักปิ่นดอกไม้มาเดินตลาด คุณชายหนุ่มน้อยแต่ละบ้านก็มาตามหาดอกไม้ ตลาดเทศกาลฉีเฉี่ยวมีรถม้าต่อกันเป็นขบวนยาว ผู้คนเบียดเสียดราวน้ำหลาก คึกคักยิ่งกว่างานโคมไฟวันปีใหม่เสียอีก
ฉู่จิ้งเฟิงเดิมทีเตรียมจะพาหลี่รั่วอวี๋ขึ้นฝั่งไปเที่ยวเล่นสักหน่อย แต่บังเอิญหลี่รั่วอวี๋ก่อเรื่องอดอาหาร เมื่อคืนไม่ได้กินอะไรและไม่สนใจผู้ใด เพียงแค่นั่งเศร้าสร้อยอยู่บนเตียง
ฉู่จิ้งเฟิงไปกล่อมให้นางกินอาหารด้วยตนเอง แต่นางกลับหลับตาแน่น ไม่ยอมมองหน้าเขาเลย
จะบอกว่าไม่ปวดใจก็เป็นเรื่องโกหก แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ หากใจอ่อนตอนนี้ ภายหน้าก็ยากจะตั้งกฎเกณฑ์ให้นางได้แล้ว ก็เหมือนการฝึกเหยี่ยวล่าสัตว์ไม่ให้นอน หากปล่อยให้เหยี่ยวหลับตาเพียงนิด ก็ไม่สามารถฝึกได้ นับว่าเสียเปล่าไป
บุตรชายภรรยาเอกสกุลฉู่มีเขาเพียงคนเดียว แม้จะมีน้องชายที่เกิดจากอนุของท่านพ่อ แต่ถูกเลี้ยงนอกจวนตั้งแต่เด็ก ไม่ได้อยู่ภายในจวน
ข้างกายไม่มีน้องสาวน้องชายอายุน้อย ฉู่จิ้งเฟิงย่อมไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่รู้ว่านอกจากตีและด่าแล้วควรจะใช้วิธีใดในการปราบเด็ก ทำได้เพียงเอากฎการลงโทษให้รางวัลแบบในกองทหารมาใช้กับหญิงปัญญาอ่อนผู้นี้
หลี่รั่วอวี๋ตอนนี้แยกแยะผิดถูกไม่ออก พูดเหตุผลก็ไม่ฟัง จะตีหรือด่าเพียงปลายนิ้วก็ไม่ได้ แต่ต้องให้นางเข้าใจว่ากฎที่ใช้ในคฤหาสน์สกุลหลี่เมื่อไปถึงเมืองโม่เหอแล้วต้องแก้!
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ตัดสินใจใจแข็ง สั่งซูซิ่วกับหล่งเซียงเสียงเย็นชาว่าไม่ต้องไปสนใจนางอีก ส่วนตนเองรับคำเชิญจากวั่นจื่อเหลียงสหายสนิทบัณฑิตชื่อดังในเมืองวั่นโจวไปดื่มสุราที่คฤหาสน์ของอีกฝ่าย