ตอนที่หลี่รั่วอวี๋สร่างไข้ ก็เป็นเวลาเช้าในวันรุ่งขึ้นแล้ว
ระหว่างนั้นหล่งเซียงยกน้ำร้อนผสมสุรามาเช็ดแขนขาให้นางตลอด และเพราะต้องดื่มยารสขม ซูซิ่วจึงยกผลไม้เชื่อมหลากสีมาให้จานใหญ่ เผื่อนางจะเกิดความอยากกิน
หลังจากกินยาหมดแล้วหลี่รั่วอวี๋ก็กินข้าวต้มอีกถ้วย นางรู้สึกว่ามีกำลังมากขึ้นและจะลงจากเตียง แต่หล่งเซียงไม่ยอม “คุณหนูคนดีของบ่าว อย่าเอาแต่เล่นจนถูกไอเย็นอีกเลย นอนบนเตียงดีๆ ก่อนนะเจ้าคะ”
หลี่รั่วอวี๋กลิ้งไปมาบนเตียง เห็นที่มุมเตียงมีตุ๊กตาเสือตัวใหม่วางอยู่ก็ตะโกนดีใจทันที ก่อนจะกระโจนเข้าไปกอดมันแนบติดหน้า แล้วดึงมันมาหนุนใต้หัว รู้สึกว่ามันนุ่มสบายมาก
หลังจากเล่นสักครู่ นางก็ลุกขึ้นพลางยื่นหน้าออกมาจากม่านเตียง เห็นฉู่จิ้งเฟิงเข้ามาพอดี จึงหดคอกลับเข้ามาด้านใน
รอจนชายหนุ่มพลิกเปิดม่านจึงพบว่า นางเอาหน้าซบลงไปบนตุ๊กตาเสือ นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงไม่ขยับ
ฉู่จิ้งเฟิงยื่นมือไปอุ้มนางขึ้นมาเบาๆ แล้วเอาหน้าแนบไปบนหน้าผากของนาง รู้สึกว่าไม่ร้อนแล้ว จึงวางใจลง ก้มหน้าถามว่า “ชอบตุ๊กตาเสือที่ข้าซื้อให้เจ้าหรือไม่”
หญิงสาวในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ลอบเหลือบมองสีหน้าของเขา จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
ความกลัวบนใบหน้าของนางอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
หญิงผู้นี้เป็นคนที่เขาใช้วิธีมากมายเพื่อให้ได้มา แต่พอมาอยู่ข้างกายเขา เขากลับไม่ได้ดูแลนางให้ดี กลับร้องขอบังคับนางมากมาย คุณหนูรองสกุลหลี่เป็นคนชอบเอาชนะเพียงใด ตอนแรกเพียงเพราะเขาไม่พอใจการออกแบบเรือของนาง จึงสร้างความลำบากใจต่อหน้าทุกคน นางกลับไม่หลับไม่นอนอยู่กับพวกคนงานเรือที่อู่เรือสองวันสองคืนไม่ได้พักสายตาเลย
แม้จะตกม้าบาดเจ็บถึงสมอง แต่หญิงสาวที่ดูเหมือนโง่ทึ่มผู้นี้กลับเป็นเหมือนที่ผ่านมา มีศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลาย ตอนนี้คิดดูแล้ว ที่นางโกรธเพราะทำเสากระโดงเรือหักจนขว้างเรือทิ้ง ก็เพราะนางผิดหวังกับความพ่ายแพ้ที่ตนเองไม่สามารถควบคุมมือทั้งคู่ของตนเองได้ไม่ใช่หรือ
คิดถึงตรงนี้ ฉู่จิ้งเฟิงก็รู้สึกจุกอก เห็นนางไม่อยากพูดคุยกับเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่สั่งซูซิ่วให้หยิบเสื้อคลุมตัวหนามาห่อตัวนางตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็อุ้มนางไปที่ห้องหนังสือ
ฉู่จิ้งเฟิงโอบนางนั่งตรงหน้าโต๊ะตัวใหญ่ หลี่รั่วอวี๋พบว่าบนโต๊ะมีเรือเล็กที่นางทำเสียวันนั้นวางอยู่
ฉู่จิ้งเฟิงเปิดขวดใบหนึ่ง ใช้ท่อนไม้เขี่ยของเหลวสีเหลืองออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วอธิบายให้หลี่รั่วอวี๋ที่อยู่ในอ้อมกอดฟัง “นี่ข้าสั่งให้คนงานเรือจับปลาใหญ่มา เอากระเพาะปลาออกมาเคี่ยวเป็นกาวกระเพาะปลา”
เขาพูดพลางสอนให้หลี่รั่วอวี๋เอากาวเหลวสีเหลืองทาไปบนเสากระโดงเรือส่วนที่แตก หลี่รั่วอวี๋พยายามจะบังคับมือให้มั่น กลัวว่าจะทำให้กาวน้ำหยดไปทั่ว แต่มือยังคงสั่นเทา ร่างของนางเกร็งเล็กน้อย กังวลว่าจะถูกชายหนุ่มตำหนิ
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ใช้ผ้าเช็ดมืออุ่นเช็ดส่วนที่หยดออกมา จากนั้นมือใหญ่ก็กุมมือเล็กเอาไว้มั่น แล้วต่อเสากระโดงเรือส่วนที่หักเข้าด้วยกันอย่างระมัดระวัง ปล่อยนิ่งไว้สักครู่ แล้วค่อยๆ วางลงด้านข้าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง รอกาวแห้งแล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็ช่วยหลี่รั่วอวี๋เอามันไปเสียบไว้บนเรือเล็ก หลี่รั่วอวี๋หมอบลงบนโต๊ะดูอย่างละเอียดสักครู่ ช่างซ่อมได้ดีมากจริงๆ
หญิงสาวทนไม่ไหวหันไปยิ้มให้ฉู่จิ้งเฟิง รอยยิ้มนั้นสวยหวานมาก เป็นสิ่งที่หาได้ยากในหลายวันนี้
“ในเมื่อเจ้าป่วย พวกเราก็อยู่ที่เมืองวั่นโจวอีกสักพัก ตอนนี้ที่วั่นโจวมีตลาดเทศกาลฉีเฉี่ยว อีกสองวันกว่าจะวาย พรุ่งนี้ถ้าเจ้าไม่เป็นไข้อีก ข้าจะพาไปเที่ยวตลาดดีหรือไม่”
หลี่รั่วอวี๋อยู่บนเรือหลายวันนี้รู้สึกอึดอัดมาก ได้ฟังคำพูดนี้แล้วดวงหน้าก็เปล่งประกาย ลืมความเข้มงวดของเขาเมื่อหลายวันก่อนไปทันที ยกสองมือโอบคอของเขาอย่างมีความสุขแล้วถามว่า “ที่ตลาดนั่นมีหมาลอดบ่วงไฟหรือไม่ ครั้งก่อนท่านแม่เคยพารั่วอวี๋ไป… อยากไปดู”
ฉู่จิ้งเฟิงทนไม่ไหวจูบแก้มของนางเบาๆ พลางเอ่ย “มีหมดทุกอย่าง ถึงตอนนั้นรั่วอวี๋อยากได้อะไร ข้าจะซื้อให้เจ้า”
หากมีความหวังแล้ว อาการป่วยย่อมหายได้เร็ว
เมืองวั่นโจวผู้คนเรียบง่าย ดูแลความปลอดภัยดีมาก ดังนั้นแม้จะเป็นธิดาตระกูลใหญ่ก็สามารถพาสาวใช้มาเที่ยวชมตลาดได้โดยไม่ต้องกลัวหรือกังวลอะไร