ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน วาสนาคนเขลา บทที่เจ็ด-บทที่แปด
ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงยอมรับให้ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่อีกสองวันนำโจวอี๋เหนียงกับหลี่เสวียนเอ๋อร์กลับมาบ้าน และข้อเสนอในการเจรจาระหว่างสองฝ่าย
บุตรสาวคนโตหลี่รั่วฮุ่ยย่อมไม่ยอมรับ แต่นางก็หาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้ ด้วยความโมโหจึงรีบกลับบ้านหลังจากพิธีแต่งงานในทันที จะได้ไม่ต้องเห็นโจวอี๋เหนียงสองแม่ลูกให้รำคาญใจ
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แม้จะตัดสินใจแล้ว แต่นางเป็นคนตัดสินใจไม่เด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนหน้านี้มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องให้นางเป็นกังวล หากเป็นตอนที่ตัดสินใจไม่ได้ยังสามารถปรึกษาลูกคนรองได้ แต่ตอนนี้คิดไปคิดมา นางจึงตัดสินใจจะพูดเรื่องนี้กับลูกเขยที่เพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านผู้นี้
แต่ฉู่จิ้งเฟิงนั้นแค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่เข้าใกล้ได้ยาก เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ก็ไม่กล้า แต่พอได้รู้เรื่องอาการป่วยของลูกเขย ก็รู้สึกว่าลูกเขยผู้เย็นชาและสูงศักดิ์ก็มีข้อด้อยที่เทียบคนอื่นไม่ได้เช่นกัน ทำให้นางโล่งใจลงได้บ้าง จึงมีความกล้าจะพูดคุยกับลูกเขย
ดังนั้นตอนกินอาหารเช้าวันที่สองหลังจากกลับมาเยี่ยมบ้าน นางจึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉู่จิ้งเฟิงฟัง
ฉู่จิ้งเฟิงวางตะเกียบฟังฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จนจบอย่างอดทน คิดสักครู่จึงพูดว่า “ท่านแม่ยายมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่หลี่เสวียนเอ๋อร์แอบฝึกก็คือวิชามหัศจรรย์ของสกุลหลี่”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ถอนใจพูดว่า “เดิมทีข้าไม่เชื่อ แต่หลายวันก่อน เรือที่หลี่เสวียนเอ๋อร์ควบคุมการสร้างนั้นเคลื่อนมาที่อู่เรือของพวกเรา พวกคนงานเก่าแก่ในอู่เรือตรวจอย่างละเอียดแล้ว บอกว่าเป็นเรือตะลุยน่านน้ำวิธีการใหม่ในการต่อเรือของสกุลหลี่ และเรือแบบนี้สกุลหลี่ไม่ได้สร้างมาสามสิบปีเต็มแล้ว หลี่เสวียนเอ๋อร์อายุน้อย ถ้าไม่ได้ขโมยเรียนวิชาจะต่อเรือแบบนั้นออกมาได้อย่างไร และข้าได้เอากุญแจบนคอรั่วอวี๋ไปเปิดกล่องลับของนายท่านแล้ว ในนั้นแม้จะมีเคล็ดวิชาอยู่ แต่หมึกล้วนเป็นของใหม่ เห็นได้ว่าถูกหลี่เสวียนเอ๋อร์สับเปลี่ยนไป…”
ฉู่จิ้งเฟิงก้มหน้าครุ่นคิดสักครู่ เห็นหลี่รั่วอวี๋ข้างกายที่ยังพยายามจับตะเกียบอยู่จึงพูดว่า “รั่วอวี๋เคยต่อเรือให้ข้า ข้าจำได้ว่านางเคยพูดว่าวิชาการต่อเรือก็เหมือนคนฝึกวรยุทธ์ ผู้ฝึกระดับล่างฝึกเพียงกระบวนท่า ผู้ฝึกระดับสูงจะฝึกจิตวิญญาณของวรยุทธ์ ไม่เช่นนั้นก็ต่อยอดไม่ได้ วิชาการต่อเรือใช่ว่าจะฝึกได้เพียงข้ามคืน แม้หลี่เสวียนเอ๋อร์จะขโมยเรียนเคล็ดวิชา ก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่ต้องรีบร้อนยอมรับนาง ตามที่ข้าดู นางรีบร้อนจะกลับมาแบบนี้ คงไม่ใช่เพียงเพื่อชื่อเสียงเท่านั้น สกุลหลี่ต้องมีอะไรที่นางอยากได้ ข้าจะให้รั่วอวี๋อยู่ที่นี่สักพัก รอพบพวกนางสองแม่ลูกแล้วค่อยว่ากัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ฟังเสียงพูดทุ้มนุ่มนวลของฉู่จิ้งเฟิงแล้วราวกับได้พบที่พึ่งทางใจ จึงวางใจลงได้ในที่สุด
ผ่านไปไม่กี่วัน หลี่เสวียนเอ๋อร์พาโจวอี๋เหนียงตามผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่มาที่บ้านจริงๆ แต่คนที่มาด้วยกลับมีเสิ่นหรูป๋อ และเว่ยกงกงแห่งจวนสิ่งทอรวมทั้งคุณชายใหญ่สกุลไป๋ด้วย
ฉู่จิ้งเฟิงนั่งอยู่ตำแหน่งเจ้าบ้านในโถงรับแขกต้อนรับขบวน ‘แขกทรงเกียรติ’ ในใจลอบยิ้มเย็นชา ที่เขาตัดสินใจอยู่ต่อเห็นทีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยหัวอ่อนของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ ตอนนี้ไม่กลายเป็นต้องถูกเสือและหมาป่าเหล่านี้มาถึงบ้านรุมทึ้งกินลงท้องตามใจชอบหรือ
ไป๋ฉวนจงนั้นมีความสุขุม แย้มยิ้มพลางประกบมือคารวะฉู่จิ้งเฟิง บอกเพียงได้ยินว่าฉู่จิ้งเฟิงกลับมาเยี่ยมบ้านภรรยา ดังนั้นจึงฉวยโอกาสที่คนสกุลหลี่มารวมตัวกันมาพบเขาด้วย
หลังจากที่ผู้เฒ่าผู้นำสกุลหลี่พูดถึงเรื่องที่หลี่เสวียนเอ๋อร์จะกลับเข้าสกุล หลี่เสวียนเอ๋อร์นั่นก็ถามถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ของอู่เรือด้วยความมั่นใจขึ้นมา
ฉู่จิ้งเฟิงเบื่อกับการหัวเราะเย็นชาแล้ว ในใจคิดว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง วิชาของหลี่เสวียนเอ๋อร์ยังไม่ลึกซึ้ง เพียงแค่เรียนรู้จากกระดาษเท่านั้น หากสกุลไป๋คิดจะต่อเรือใหญ่ที่ทรงอานุภาพ ก็หนีไม่พ้นคนงานที่สกุลหลี่ชุบเลี้ยงไว้นานปีและมีวิชาประสบการณ์มากมาย แต่คนงานสกุลหลี่ได้รับบุญคุณจากสกุลหลี่มานานนม มีความภักดีต่อครอบครัวผู้เป็นนาย เสิ่นหรูป๋อให้เงินจำนวนมากก็ดึงตัวไปไม่ได้ จึงได้คิดแผนน่าตื้นตันใจในการกลับเข้าสกุลนี้ ให้หลี่เสวียนเอ๋อร์กลับมาในสกุลหลี่ก่อน จากนั้นค่อยใช้เรื่องที่จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้บุตรชายคนเล็กของสกุลหลี่เป็นเหยื่อล่อ แย่งชิงอู่เรือของสกุลหลี่
คิดถึงตรงนี้ เขาจึงรีบชิงพูดตัดหน้าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ “เสิ่นฮูหยินบอกว่าได้เรียนรู้เคล็ดวิชาสกุลหลี่ แต่น่าเสียดายวิธีการเรียนรู้เป็นแบบไม่ถูกต้อง เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเรือที่เจ้าสร้างขึ้นมาดีเท่ากับเรือของหลี่รั่วอวี๋ผู้สืบทอดตัวจริงของสกุลหลี่”
หลี่เสวียนเอ๋อร์วันนี้มาเยือนด้วยความสุขอยู่บ้าง เพราะเรือตะลุยน่านน้ำที่นางเพิ่งสร้างขึ้นใหม่แม้แต่คนงานเก่าในอู่เรือก็ชมไม่ขาดปาก นางก็ยิ่งมีความมั่นใจ การพูดคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นแม่สามีที่คฤหาสน์สกุลเสิ่นก็ยังมีความมั่นใจอย่างมาก หลายวันก่อน สามีอารมณ์ไม่ดีเพราะหลี่รั่วอวี๋แต่งงานกับผู้อื่น แต่หลายวันนี้กลับอ่อนโยนเอาใจนางอย่างมาก
ตอนนี้ขอเพียงนางใช้เคล็ดวิชาบังคับกลับมาในสกุลหลี่ หลังจากได้รับแผ่นป้ายพระราชทานและอู่เรือร้อยปีแล้ว ดูสิว่าคนในเมืองเหลียวเฉิงผู้ใดยังจะกล้าพูดจาไม่ดีลับหลังนางหลี่เสวียนเอ๋อร์อีก!
ทว่าตอนนี้ได้ยินคำพูดฉู่ซือหม่าผู้นี้แล้ว เหมือนสงสัยในความสามารถการต่อเรือของนาง จึงเม้มปากยิ้มบางๆ “ซือหม่าแม้จะเชี่ยวชาญการทหาร แต่สำหรับวิชาการต่อเรือนับว่าเป็นคนนอกวงการ เรือที่ข้าต่อขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ได้ส่งไปให้คนงานในอู่เรือเหล่านั้นดูแล้ว ความสามารถในวิชานี้ย่อมมีคนตัดสินแล้ว”
ในตอนนี้เอง เว่ยกงกงก็พูดแทรกด้วยรอยยิ้ม “ฉู่ซือหม่า ตอนนี้ท่านเป็นลูกเขยสกุลหลี่ ย่อมต้องเข้าข้างสกุลหลี่ แต่เสิ่นฮูหยินรับภาระสำคัญของกรมโยธา เรื่องเกี่ยวพันถึงแผ่นดิน ประมาทไม่ได้ จะให้เรื่องยิบย่อยของสกุลเหล่านี้มารบกวนแผนการของแผ่นดินไม่ได้ ตามความคิดของข้า เมืองเหลียวเฉิงแห่งเจียงหนานนี้เป็นเขตพื้นที่ของพระมาตุลาไป๋ ไม่ใช่ดินแดนรกร้างเขตเหนือของท่านซือหม่า พวกเราก็ทำตามขั้นตอนกันดีกว่า!”
ความหมายของเว่ยกงกงชัดเจนมาก ก็คือเตือนฉู่จิ้งเฟิงว่า ที่แห่งนี้เป็นเขตของสกุลไป๋ อย่าทำอะไรตามอำเภอใจ
น่าเสียดายที่ซือหม่าต้าฉู่ชอบกินของอ่อนไม่กินของแข็ง เว่ยกงกงพูดจาแข็งกร้าวเช่นนี้ออกมา เขาจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ “แผ่นป้ายสกุลหลี่เป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทาน ข้าย่อมมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ฐานะแท้จริงของผู้สืบทอดสกุลหลี่ ถ้าเสิ่นฮูหยินมีความสามารถจริง ย่อมไม่มีอะไรโต้แย้งได้ แต่ถ้าเป็นคนที่หลอกลวงแอบอ้าง แผ่นป้ายที่เป็นฝีพระหัตถ์ของอดีตฮ่องเต้ต้องมอบให้กับหญิงขาดคุณธรรมที่หลอกล่อพี่เขยท้องก่อนแต่งแล้ว… เว่ยกงกง คนที่ไม่มีแก่นรากอย่างท่านรับผิดชอบไหวหรือ”