ฉู่จิ้งเฟิงเดินรุ่มร้อนอยู่หลายรอบ คิดสักครู่จึงก้าวเท้าเดินไปที่เรือนพักของหลี่รั่วอวี๋ ตอนนี้หลี่รั่วอวี๋ยังไม่เข้านอนเช่นกัน กำลังนั่งหัวชนกับเสียนเอ๋อร์น้องชายอยู่บนชิงช้าอ่านหนังสือภาพด้วยกันอย่างสนุกสนาน
แม้ทั้งสองคนอายุจะต่างกันสิบปี แต่แววตานั้นกลับเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ดูมีความโง่ทึ่มไร้เดียงสาอยู่บ้าง แม้แต่สีหน้าตอนอ่านถึงฉากที่ตื่นตาตื่นใจก็ยังเหมือนกันทุกอย่าง
ซูซิ่วตาดี เห็นฉู่จิ้งเฟิงที่ยืนอยู่ตรงปากประตูเรือนในทันทีจึงรีบส่งเสียงเรียก “ท่านซือหม่า ท่านมาหรือเจ้าคะ”
น่าเสียดายสองพี่น้องอ่านจนเพลิน แม้จะได้ยินเสียงของซูซิ่วแต่ก็ไม่ได้เหลือบมองมา เพียงแค่หัวเราะขบขัน
เห็นภาพนี้แล้ว ฉู่จิ้งเฟิงก็รู้สึกว่าความร้อนใจนั้นค่อยๆ ลดลง ตอนนี้นางเป็นเหมือนเด็กเล็ก หากฝืนทำตามใจเขาจะต้องทำให้นางกลัวอย่างแน่นอน เขาจะใจร้อนเพื่อจุดประสงค์เพียงชั่วคราวไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป
เขาคิดได้ดังนี้ ทางหนังสือภาพนั้นก็พลิกมาถึงหน้าสุดท้ายแล้ว จบตอนพอดี
สองพี่น้องอ่านแล้วยังไม่หมดสนุก จึงจุปากพลางปิดหนังสือ ในตอนนี้เสียนเอ๋อร์จึงช้อนตาขึ้นมองเห็นพี่เขย ร่างน้อยนั้นกระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งตัวอ้วนกลมมาหาฉู่จิ้งเฟิง แล้วยื่นมือไปจะให้เขาอุ้ม
หลังจากฉู่จิ้งเฟิงเข้ามาในเรือนหลังของคฤหาสน์สกุลหลี่ก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณหนูรองหลี่ที่เขารู้จักก่อนหน้านี้บางครั้งจึงมีความสุขุมฉลาดเฉลียวเกินอายุ เป็นเพราะคนในคฤหาสน์นี้ถูกปกป้องดีเกินไป มีความไร้เดียงสาแบบคนที่ไม่รู้จักโลก จึงทำให้คุณหนูรองที่รู้ความต้องทำตัวให้เป็นคนแข็งแกร่ง
ในคฤหาสน์แห่งนี้คนแก่เป็นเช่นนี้ เด็กก็เป็นเช่นเดียวกัน คนอื่นเห็นผมสีขาวเงินใบหน้าเย็นชาของเขาแล้วล้วนหวาดกลัว มีเพียงคนแก่เด็กเล็กในคฤหาสน์นี้ที่มองอะไรไม่ออก พากันมาเข้าใกล้เขาอย่างสนิทสนม
คนแก่นั้นไม่ต้องพูดถึง คิดไปไกลถึงหาของบำรุงมาให้กินจนเลือดลมไหลเวียนวุ่นวาย
ส่วนเด็กน้อยผู้นี้ หลังจากเอาของเล่นแปลกๆ จากเมืองหลวงมากมายมาให้เขาเป็นของขวัญแล้ว ก็ไม่กลัวผมสีขาวเงินของตนเองเหมือนในตอนแรก คงเพราะเสียบิดาตั้งแต่อายุยังน้อย ในบ้านก็ไม่มีชายฉกรรจ์พอเป็นที่พึ่งได้ จึงชอบมาเข้าใกล้เขา จะให้เขาอุ้มท่าเดียว จะต้องอบรมให้ดี ไม่เช่นนั้นภายหน้าจะดูแลสกุลหลี่ได้อย่างไรกัน
แม้ในใจฉู่จิ้งเฟิงจะคิดเช่นนี้ แต่เขากลับอุ้มน้องภรรยาตัวกลมขึ้นมา
“พี่เขย ท่านแรงเยอะ โยนเสียนเอ๋อร์ขึ้นที เสียนเอ๋อร์ฝึกวิชาตัวเบา สามารถบินได้” เสียนเอ๋อร์ไม่กลัวเรื่องใหญ่โตมาแต่ไหนแต่ไร อยากจะลองเลียนแบบจอมยุทธ์ในหนังสือยืมแรงมาส่งแรง ลอยขึ้นสู่ฟ้าในเวลาเพียงชั่วครู่
ฉู่จิ้งเฟิงลองประเมินเนื้อติดมันในมือ รู้สึกว่าต่อให้มีสี่ปีกก็ยังยกเนื้อก้อนนี้ไม่ขึ้นเลย แต่พอเห็นหลี่รั่วอวี๋วิ่งเข้ามาหาเช่นกัน ยืนเข้าแถวรอตาแป๋วอยู่ด้านข้าง จึงออกแรงโยนเขาลอยขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็รับไว้อย่างมั่นคง
เสียนเอ๋อร์ก่อนหน้าเคยเล่นแบบนี้กับอาหกที่กวาดพื้นอยู่ในลานเรือน แต่อาหกจะมีแรงมากเหมือนพี่เขยที่โยนเขาขึ้นสูงมากในพริบตาได้อย่างไร รอจนพี่เขยรับตัวเขาได้ ความตื่นเต้นตกใจของเขายังไม่คลายไป ดวงตาก็เปล่งประกาย หัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วพูดว่า “พี่เขยร้ายกาจจริงๆ เอาอีก! เอาอีก!”
ดังนั้นฉู่จิ้งเฟิงจึงทำแบบเดิมอีกหลายครั้งจนคนตัวเล็กหัวเราะร่วน พูดว่าสนุกไม่หยุด นี่ยิ่งทำให้หลี่รั่วอวี๋ที่อยู่ด้านข้างวิ่งวนร้อนใจ อยากให้คนในมือฉู่จิ้งเฟิงเป็นตนเองสักที
แต่แม่นมที่คอยดูแลเสียนเอ๋อร์อยู่ด้านข้างรู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงรับตัวนายน้อยจากมือฉู่จิ้งเฟิงมา แล้วพาเขากลับไปนอน
หลี่รั่วอวี๋คิดว่าถึงตานางแล้ว จึงวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของฉู่จิ้งเฟิงอย่างตื่นเต้น แต่กลับถูกชายหนุ่มผลักออกเบาๆ ความฝันอยากเป็นจอมยุทธ์ของหญิงสาวมีรอยร้าวขึ้นในทันที รู้สึกว่าตนเองถูกทำร้ายจิตใจอย่างมาก จึงมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อด้วยน้ำตาปริ่มขอบตา
ฉู่จิ้งเฟิงเดิมคิดว่าตนเองจะเย็นชาได้ถึงที่สุด แต่พอเห็นแววตาของนางแล้ว กลับอุ้มนางขึ้นมา จากนั้นก็โยนขึ้นกลางอากาศแล้วรับไว้มั่น
หลี่รั่วอวี๋รู้สึกถึงลมผ่านข้างหู ร่างกายลอยขึ้นร่วงลง ราวกับจอมยุทธ์บินได้จริงๆ!
พอร่วงลงมาก็รีบโอบคอเขาเอาไว้พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไม่รู้เลยว่าร่างงามที่แตกต่างกับเด็กเล็กนั้นแนบชิดกับชายหนุ่มที่เพิ่งกินของบำรุงมามากเกินไป
ฉู่จิ้งเฟิงรัดแขนแน่นเข้าโดยไม่รู้ตัว สัมผัสถึงส่วนเว้าโค้งที่แนบติดตนเอง… รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเลือดลมไหลเวียนรุนแรงราวกระแสน้ำในแม่น้ำหวงเหอดังอยู่ในหู ในสมองมีภาพในหนังสือภาพแล่นผ่าน มันยอดเยี่ยมกว่าหนังสือที่เสียนเอ๋อร์อ่านเล่มนั้นอย่างแน่นอน
“ว้าย! ท่านซือหม่า ท่านเลือดกำเดาไหลเจ้าค่ะ!” ซูซิ่วที่อยู่ด้านข้างตะโกนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ความหวังดีของท่านแม่ยายไม่สูญเปล่าจริงๆ เลือดที่ถูกบำรุงจนระอุสุดท้ายก็พ่นออกมาจากจมูกโด่งเป็นสันของฉู่จิ้งเฟิง…
หลี่รั่วอวี๋ถูกการที่ฉู่จิ้งเฟิงจู่ๆ ก็มีเลือดกำเดาไหลทำให้ตกใจ นางอยู่นิ่งๆ ด้านข้างมองซูซิ่วหยิบผ้าฝ้าย ตักน้ำและผงยามาด้วย กว่าจะห้ามกำเดาของฉู่จิ้งเฟิงได้นั้นไม่ง่ายเลย
ฉู่จิ้งเฟิงรู้สึกว่าเสียเลือดออกไป ความร้อนรุ่มในกายจึงค่อยๆ ดีขึ้นบ้าง รอกลับไปถึงทางเหนือ…ต้องค่อยๆ สอนหญิงสาวผู้นี้ให้รู้เรื่องทางโลกบ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวันที่เลือดของเขาไหลย้อนกลับจนตาย…