บทที่ 2 บ้านปิยะไพศาล
ได้กลับมาอีกครั้งเฉยเลย แถมมาในฐานะลูกค้าด้วย…ปริยากรกลับมายืนอยู่ข้างโต๊ะที่วางแผ่นป้ายชื่อบริษัทกับออดภายในอาคาร ทว่าวันนี้บนโต๊ะมีกระถางแคคตัสขนาดเล็กกับตุ๊กตากระเบื้องมาตั้งประดับเพิ่มด้วย มุมปากของเธอยกเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่ดวงหน้าสวยจะหันไปมองทางบันไดเมื่อได้ยินเสียงติ๊ดเบาๆ จากการปลดล็อกดิจิตอล
“ขอโทษที่ให้รอนะน้องปีย่า” อาชวินส่งรอยยิ้มมาทักทาย
“แป๊บเดียวเองค่ะ” หญิงสาวส่งรอยยิ้มตอบกลับไป จากนั้นก็ยกถุงในมือให้อีกฝ่ายดู “วันนี้ปีย่าซื้อครัวซองต์ร้านเดิมมาฝากอีกแล้ว คราวก่อนปินบ่นบอกว่ายังกินไม่สาแก่ใจ ปีย่าเลยซื้อมาให้กินจนแคลอรีท่วมกล่องนึง ส่วนอีกกล่องให้คนในออฟฟิศพี่วินนะคะ”
“ขอบคุณครับ น้องปีย่าใจดีตลอดเลย” ชายหนุ่มรับถุงไปแล้วผายมือไปทางบันไดเป็นเชิงเชื้อเชิญ
ปริยากรเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับสถาปนิกหนุ่ม อดคิดไม่ได้ว่ามันแทบจะเป็นภาพเดียวกับเมื่อคราวก่อนที่เธอมากินเลี้ยงย้ายสำนักงาน อาชวินกับวีรากรช่างสมเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ
“ปีย่าเพิ่งรู้เรื่องที่เขาใหญ่จากคุณพ่อเมื่อวันก่อนเอง รู้ทีหลังพี่วินอีก หวังว่างานด่วนลักษณะนี้จะไม่ทำให้ทางพี่วินลำบากมากนะคะ บางทีคุณพ่อก็ใจร้อนแบบนี้”
“ถ้าพูดตามตรงก็ลำบาก แต่มันเป็นความลำบากตามปกติของบริษัทสถาปนิกน่ะแหละ” ในสุ้มเสียงของชายหนุ่มมีแววขบขันเจืออยู่ “มีงานยังไงก็ดีกว่าไม่มีงาน ที่สำคัญเป็นงานใหญ่ในลักษณะที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย”
“บริษัทพี่วินไม่เคยทำหมู่บ้านมาก่อนเลยเหรอคะ”
“เคยทำแต่หมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ น่ะ ไม่มีอะไรซับซ้อนเท่าไหร่ ปกติบริษัทพี่จะได้งานพวกตึกสูงตึกพาณิชย์มากกว่า แล้วส่วนใหญ่พอมีพอร์ตงานแบบไหน งานต่อไปที่เข้ามาก็จะเป็นงานแบบเดียวกัน” เขาบอก “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงงานนี้พี่ไม่ให้เสียชื่อทั้งบริษัทตัวเองและทางฝั่งน้องปีย่าแน่”
“ปีย่าไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ” ดวงหน้าสวยส่ายไปมาทั้งรอยยิ้ม เธออาจเพิ่งรู้จักกับอีกฝ่ายไม่นาน แต่เท่าที่ฟังปภาวรินท์เล่าถึงแฟนตัวเองแล้วเธอก็ไม่ห่วงเรื่องนั้นเลย
อาชวินถามเรื่องเครื่องดื่ม พอเธอปฏิเสธเขาจึงเดินนำเข้าสู่ห้องทำงาน แต่เขาเปิดประตูห้องทิ้งเอาไว้ อึดใจถัดมาวีรากรก็เดินถือแท็บเลตเข้ามาในห้องพร้อมกับดึงประตูปิด
“วีจะเป็นเฮดของงานนี้ ก็คือจะเป็นคนที่น้องปีย่าต้องบ่นใส่และคอยสั่งให้แก้งาน”
“เอ๊ะ” ปริยากรที่กำลังยกมือไหว้วีรากรชะงักไปนิดหนึ่ง ครั้นเขาหันมามองและได้สบตากันก็รีบอธิบาย “คือปีย่าเคยได้ยินจากปินว่าปกติงานประมาณนี้จะเป็นพี่วินดูแลน่ะค่ะ”
“น้องปีย่าเข้าใจถูกแล้ว แต่อย่างที่เราคุยกันว่างานนี้มันกะทันหัน แถมอาจต้องไปอยู่เขาใหญ่เป็นพักๆ พี่มีงานที่ต้องเจอลูกค้าต้องเข้าประชุมเยอะ ถ้าวีไปจะเหมาะกว่า แต่ไม่ต้องห่วงหรอก วีก็ทำบริษัทนี้มาพร้อมกันกับพี่นี่แหละ ทำหมู่บ้านให้น้องปีย่าได้สบายมาก” อาชวินอธิบาย ขณะเดียวกันก็สบตากับเพื่อนรักอย่างล้อเลียน ด้วยทราบดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่กับงานนี้ ทั้งจากเนื้องาน ความกะทันหัน รวมไปถึงการที่ต้องมานั่งเคลียร์งานอื่นจนหัวปั่นในเวลานี้
“ปีย่าไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวรีบโบกไม้โบกมือ เกรงวีรากรจะเข้าใจผิด
“วินมันแค่ไม่อยากทำงานนี้เพราะกลัวว่าถ้าตีกับน้องปีย่าแล้วจะมีปัญหากับน้องปินพ่วงไปด้วยน่ะ” คนที่ปกติไม่ค่อยพูดอะไรบอกหน้าตาย อาชวินหันขวับไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เพื่อน แต่คนต้นเหตุก็หาได้ใส่ใจแล้วก้มลงคลี่กระดาษแผ่นใหญ่ลงบนโต๊ะทำงาน
“ปกติที่ไม่ค่อยให้วีไปยุ่งกับลูกค้าไม่ใช่เพราะพูดไม่เก่ง แต่กลัวพูดแล้วจะทำลูกค้าฉีกสัญญานี่แหละ แต่ในฐานะที่น้องปีย่าเป็นคนกันเอง พี่เลยคิดว่าไม่เป็นไร ถ้ามันกวนมากๆ พี่อนุญาตให้น้องปีย่าเอากระบอกใส่แบบฟาดวีได้เลย” อาชวินหันกลับไปหาสาวสวยพร้อมกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้อีกฝ่าย