LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 2
“ถ้าน้องปีย่าไม่ชอบงานตรงไหนยังไงก็บอกมาได้เลยนะครับ เยอะแค่ไหนก็ไม่ต้องเกรงใจ พี่อยู่นอกสถานที่แก้งานไม่สะดวก ยังไงพี่ก็ต้องส่งกลับมาให้วินแก้อยู่แล้ว” วีรากรศอกกลับแทบจะทันทีเช่นกัน
ความไม่ยอมกันของสองหนุ่มทำให้ปริยากรทำตาโต ก่อนจะหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ พูดตามจริงบทสนทนานี้ทำให้เธอนึกถึงตัวเองยามคุยกับปภาวรินท์อยู่หน่อยๆ ด้วย
หญิงสาวพอจะทราบจากเพื่อนรักมาก่อนว่าถึงวีรากรจะดูนิ่งๆ เงียบๆ แต่ความจริงแล้วใจดีมาก เมื่อบวกกับที่ได้ฟังเขาคุยสนุกสนานกับอาชวินแบบนี้แล้วบางทีการทำงานร่วมกันก็อาจจะไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ว่าแต่…คุยงานกับผู้ชายหล่อๆ นี่ชวนเจริญตาเจริญใจจริงๆ นะเนี่ย
ปริยากรมึนงงเล็กน้อยเมื่อได้ทราบข้อมูลทั้งหมดจากสองหนุ่มสถาปนิก ลำพังเรื่องที่พ่อเตรียมที่ดินให้พร้อมสำหรับการก่อสร้างไว้แล้วนั้นไม่เท่าไหร่ แต่นี่ท่านถึงขั้นเตรียมระบบสาธารณูปโภคแถมสั่งให้พวกอาชวินช่วยหาบ้านสำเร็จรูปเพื่อเอาไว้ให้เธอใช้เป็นที่พำนักตอนไปเขาใหญ่เรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก ทั้งที่เธอคิดว่าไปค้างโรงแรมก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนหาบ้านไปตั้งเพื่อใช้ไม่กี่ครั้ง
นี่ยังไม่นับเรื่องที่พ่อจะสร้างบ้านให้เธอหนึ่งหลัง โดยให้เลือกที่ตั้งของบ้านได้ก่อนเลย จากนั้นจึงค่อยให้สถาปนิกวางแบบแปลนของหมู่บ้านที่เหลือ หนำซ้ำยังให้ออกแบบธีมหมู่บ้านตามสไตล์ของบ้านที่เธอเลือกด้วย
อันที่จริงก็เคยมีอยู่บ้างเหมือนกันที่บันลือคิดวางแผนอะไรแล้วลืมบอกลูกสาวอย่างเธอ แต่สำหรับครั้งนี้ก็ถือว่าเกินไปกว่าครั้งก่อนๆ มากทีเดียว ปริยากรรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่พ่อจะลืมบอก…ทว่าอย่างไรเธอก็พยายามตัดสินใจและตอบคำถามสองหนุ่มสถาปนิกให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำงานง่าย ถึงแม้เธอจะแทบไม่รู้อะไรเลยก็ตาม
ปริยากรเหลือบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของวีรากร เวลานี้ภายในห้องทำงานเหลือแค่เธอกับเขาสองคนเนื่องจากอาชวินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก เขามีทีท่าครุ่นคิด จนผ่านไปพักหนึ่งเธอจึงตัดสินใจออกปากถาม
“รายละเอียดครบพอให้ทำงานได้ใช่ไหมคะ”
“พอครับ น้องปีย่าบอกความชอบไว้ละเอียดพอสมควรเลย พี่แค่กำลังคิดว่าจะทำอะไรยังไงได้บ้าง ไม่ต้องห่วงนะ”
สถาปนิกหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้ เธอจึงยิ้มตอบกลับไป…ตอนแรกเธอคุยกับอาชวินมากกว่าด้วยความที่คุ้นเคยกันดี แต่พอเหลือเธออยู่กับวีรากรตามลำพังก็ไม่มีปัญหาอะไร การได้เห็นเขาลับฝีปากกับเพื่อนสนิทนั้นช่วยทำให้เธอแน่ใจว่าถึงชายหนุ่มจะดูเงียบขรึม ทว่าก็ไม่ใช่คนที่คุยด้วยยาก ที่สำคัญเขายังทั้งใจเย็นและใจดีอีกด้วย พอแน่ใจว่าเธอแทบไม่รู้เรื่องเลย เขาก็ช่วยอธิบายอะไรต่อมิอะไรให้ฟังอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย ปริยากรเลยสบายใจในการคุยกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อครู่ชายหนุ่มเอาตัวอย่างคลังรูปบ้านคันทรี่เฮ้าส์ที่เธออยากได้มาให้ดู จากนั้นเขาก็ให้เธอจิ้มเลือกแบบหรือส่วนที่ชอบจากภาพที่เห็น
“พวกพี่ทำบ้านสไตล์คันทรี่เฮ้าส์ที่น้องปีย่าชอบให้ได้แน่ๆ แต่ขอแจ้งไว้ก่อนว่าอาจจะไม่ได้รายละเอียดครบทุกอย่างตามที่น้องปีย่าบอกไว้นะ เพราะคงต้องขอดูความเหมาะสมเป็นหลัก”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ปีย่าเข้าใจ ขอแค่บ้านออกมาสวยพอ” เธอพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม
“ถ้าไม่สวยให้โทษวินครับ” สถาปนิกหนุ่มบอกหน้าตาย หญิงสาวเลยหัวเราะออกมาแล้วก็อดหยอกเขาไม่ได้
“พี่วีเป็นเฮดของโครงการนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับพร้อมรอยยิ้มมุมปาก “ก็เพราะเป็นเฮด พี่ถึงสามารถสั่งให้วินเป็นคนทำได้ไง”
ปริยากรหัวเราะออกมาอีกจนได้ รู้สึกประทับใจกับผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“เอาล่ะ ทางพี่ยังไม่ได้เห็นที่ดินด้วยตาของตัวเอง แต่ส่งเพื่อนที่อยู่แถวนั้นไปสำรวจดูเบื้องต้นแล้ว มีวิวแบบไหนที่น้องปีย่าชอบเป็นพิเศษไหมครับ อยากได้ใกล้ทะเลสาบหรือเปล่า”
“ทะเลสาบเหรอคะ ที่ดินตรงนั้นมีทะเลสาบด้วยเหรอ” หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างประหลาดใจ
“ไม่มีครับ แต่น่าจะต้องขุด ส่วนหนึ่งเพื่อความสวยงาม และเท่าที่เพื่อนพี่ประเมินไว้น่าจะต้องมีเพื่อช่วยรับน้ำด้วย…จุดที่น่าจะขุดทะเลสาบคือแถวนี้” วีรากรลุกขึ้นแล้วจิ้มนิ้วลงบนจุดหนึ่งของแผนที่ทางอากาศ ก่อนจะย้ายไปชี้บนรูปแปลงที่ดินเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
ตอนแรกปริยากรแค่ยืดตัวชะเง้อดู แต่สุดท้ายก็ต้องลุกยืนด้วยอีกคนเพื่อจะได้มองให้ชัดขึ้น…หญิงสาวฟังสถาปนิกหนุ่มอธิบายอย่างตั้งใจ คอยถามเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องตรงกัน
“น้องปีย่าอยากไปดูที่ด้วยตัวเองก่อนไหมครับ พอมีเวลารึเปล่า อาจจะดีกว่าเลือกจากแค่ในรูปภาพก็ได้นะ”
“พี่วีหรือพี่วินจะขึ้นไปที่เขาใหญ่ด้วยไหมคะ”
“พี่ว่าจะขึ้นไปช่วงสุดสัปดาห์นี้ครับ”
“งั้นปีย่าขอติดไปด้วยได้ไหม เพราะถึงปีย่าขึ้นไปดูคนเดียวก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดีแหละ”
“ได้อยู่แล้วครับ” วีรากรพยักหน้ารับ โล่งใจที่หญิงสาวเป็นฝ่ายออกปากเอง เพราะด้วยลักษณะงานเขาไม่ควรปล่อยให้เธอไปคนเดียวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานสถาปนิกหรืองานด้านความปลอดภัย แต่ถ้าให้เขาออกปากชวนก็อาจจะแปลกๆ
ปริยากรฉีกยิ้มกว้างทันที จากนั้นเธอก็พยักพเยิดไปทางแผ่นกระดาษบนโต๊ะ
“ปีย่าถ่ายรูปไว้ได้ใช่ไหม”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”
พอได้รับการรับรอง หญิงสาวก็หันไปเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูปกระดาษแผ่นใหญ่บนโต๊ะ ทว่าด้วยขนาดใหญ่โตของมัน ลำพังแค่การยืดแขนขึ้นจนสุดจึงไม่เพียงพอจะเก็บภาพทั้งหมดได้ ดังนั้นเธอจึงเขย่งร่างบนรองเท้าส้นสูง แต่เพราะไม่แน่ใจว่าจะสูงพอหรือเปล่าปริยากรเลยต้องพยายามเขย่งให้มากที่สุด อาศัยแค่ปลายเท้าในการทรงตัว มันเป็นกิริยาที่เธอทำไปโดยอัตโนมัติ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ทว่าคราวนี้เธอดันโน้มตัวไปข้างหน้ามากเกินไปจนชนเข้ากับขอบโต๊ะ ครั้นพยายามจะกระเด้งตัวกลับเพื่อทรงตัวให้ได้ก็กลับกลายเป็นว่าท่าทางนั้นทำให้เธอเสียหลักหนักกว่าเดิม และรองเท้าส้นเข็มก็ยิ่งส่งเสริมให้สถานการณ์ดำเนินไปทางในเลวร้ายขึ้นเสียอีก
ปริยากรร้องอุทานออกมาเบาๆ แต่ขณะที่สองแขนกำลังแหวกว่ายอากาศอย่างพยายามหาจุดสมดุลเพื่อทรงตัวอีกครั้ง เธอก็ค้นพบว่ามีท่อนแขนแข็งแรงมารองแผ่นหลังพร้อมกับที่มือหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ไหล่ของเธอ ร่างโปร่งหยุดกึกในบัดดล แต่ยังไม่ทันที่สมองจะไล่ตามทันว่าเกิดอะไรขึ้น ความตกใจก็พุ่งพรวดขึ้นมาอีกเมื่อตระหนักว่าโทรศัพท์กำลังจะหลุดจากมือ เครื่องมือสื่อสารตกลงตามแรงโน้มถ่วงแทบจะเหมือนภาพสโลว์โมชั่นในสายตาผู้เป็นเจ้าของ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งยื่นมาคว้าโทรศัพท์เอาไว้อย่างง่ายดาย เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันขวับไปหาชายหนุ่มตามสัญชาตญาณ
วีรากรยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้เจ้าของหน้านิ่ง หญิงสาวรับมาแบบงงๆ แล้วเขาก็ออกแรงดันให้เธอยืนตรงโดยใช้อีกมือช่วยประคอง
“ขาไม่ได้พลิกใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณมาก ถ้าเมื่อกี้ไม่มีพี่วีอยู่ปีย่าแย่แน่”
ปริยากรยกมือไหว้ทั้งโทรศัพท์มือถือ กิริยาของเธอทำให้เขาแปลกใจ มุมปากของสถาปนิกหนุ่มยกเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ขณะปล่อยมือจากร่างโปร่ง
“ให้พี่ช่วยถ่ายรูปให้ไหม” เขาถามแต่ก็ไม่ได้รอคำตอบ ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองผนังด้านหนึ่งที่มีไวต์บอร์ดขนาดใหญ่ติดอยู่ “หรือเอาไปติดไว้บนไวต์บอร์ดดี…เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ลองถ่ายรูปจากบนโต๊ะก่อนแล้วกัน เผื่อใช้ได้”
“โอเคค่ะ” หญิงสาวอมยิ้มขณะกดเปิดแอพพลิเคชั่นกล้องถ่ายรูปแล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่าย
วีรากรรับไปแล้วยืดแขนสูงเพื่อถ่ายรูป สาวสวยไม่ได้ใส่ใจวิธีที่เขากะระยะถ่ายรูป ด้วยความสนใจถูกดึงไปยังมัดกล้ามที่โผล่พ้นแขนเสื้อเชิ้ต
มิน่าเมื่อกี้ถึงช่วยเธอได้แบบครั้งเดียวอยู่ แต่ที่น่าสนใจคือเขายังคว้าโทรศัพท์มือถือเธอต่อได้อย่างสบายๆ ด้วย…เป็นสถาปนิกที่เท่เกินไปไหมเนี่ย