LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 2
ปริยากรหยุดเช็กความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัว ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าเป้ซึ่งเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน อาชวินบอกเอาไว้ว่าบ้านสำเร็จรูปที่เธอเลือกจะถูกส่งไปติดตั้งให้เรียบร้อยก่อนเธอไปถึง เขาแนะนำให้เอาของใช้ไปทิ้งไว้ที่นั่นได้เลย ซึ่งเธอก็ตัดสินใจทำตามนั้น หลังกินมื้อเช้าเสร็จเธอจึงมาเข้าห้องน้ำและหยิบข้าวของบนห้องนอน
หญิงสาวซอยเท้าลงบันไดด้วยความรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้วีรากรรอนาน อีกอย่างทั้งเขาและเธอต่างไม่เคยไปดูที่ดินที่เขาใหญ่มาก่อน รีบออกเดินทางเผื่อไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร แต่พอลงมาถึงชั้นล่างเธอก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นฉัตรชัย น้าชายของตนเองเลี้ยวจากโถงทางเดินเข้าไปสู่พื้นที่ห้องรับแขก
ยุ่งอีกแล้ว…ปริยากรกลอกตาด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะสืบเท้าเดินต่อแม้จะลังเลว่าควรเข้าไปทักน้าชายหรือเปล่า
“จะมาทำไมไม่บอกก่อนล่ะฉัตร ดีนะที่วันนี้ฉันไม่ได้ไปข้างนอก” เสียงของบันลือลอยออกมาจากห้องรับแขก
“ผมโทรมาถามแล้ว พอรู้ว่าวันนี้พี่อยู่บ้านถึงมา…แต่ไม่รู้ว่าพี่มีแขก”
“เพื่อนปีย่าน่ะ”
“เพื่อน…”
“เราไปคุยกันที่ห้องทำงานเถอะ” บันลือส่งเสียงขัด “คุณรอปีย่าสักแป๊บนะ ปีย่าไม่ใช่คนโอ้เอ้ เดี๋ยวก็คงมาแล้ว”
ท่อนหลังบันลือน่าจะพูดกับวีรากร ปริยากรฟังแล้วเสียดายหน่อยๆ รู้สึกว่าเมื่อครู่ควรจะหลบฉากแล้วรอพ่อพาน้าชายพ้นไปก่อนดีกว่า แต่จะเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นเธอจึงเดินต่อกระทั่งเจอกับทั้งสองคนซึ่งเพิ่งเลี้ยวออกจากห้องพอดี
“อ้าว คุณน้า ไปไงมาไงคะเนี่ย” หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่าย ปั้นหน้าแปลกใจได้อย่างแนบเนียน
“น้าก็ไม่ได้มาที่นี่สักพักแล้วนี่ เราเป็นไงบ้างล่ะ” ฉัตรชัยกวาดตามองหลานสาว
“สบายดีอย่างที่เห็นค่ะ ความจริงเมื่อเดือนก่อนปีย่าซื้อขนมไปฝากคุณน้าด้วย แต่แม่บ้านบอกคุณน้าไม่ได้กลับบ้านเป็นอาทิตย์แล้ว”
“น้าไปเที่ยวกะทันหันน่ะ”
“เสียดายจัง ปีย่ากำลังจะออกไปข้างนอกพอดี อดอยู่คุยกับคุณน้าเลย เอาไว้เดี๋ยวว่างๆ ปีย่าแวะไปหาอีกทีนะ”
“ออกไปข้างนอก?” ฉัตรชัยทวนคำแล้วหรี่ตาลง “กับคนในห้องรับแขกน่ะเรอะ เป็นแค่เพื่อนแน่ใช่หรือเปล่า เช็กดูดีแล้วใช่ไหมว่าไม่ใช่พวกที่จะมาปอกลอกเราน่ะ”
“คุณน้าห่วงทรัพย์สินของปีย่ามากกว่าที่ปีย่าห่วงอีก” หญิงสาวหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน “เอาล่ะ ปีย่ามีธุระ ต้องไปแล้วค่ะ เอาไว้เจอกันใหม่นะ”
ปริยากรยกมือไหว้ผู้เป็นน้า ก่อนที่เธอจะหันไปส่งยิ้มและเอื้อมไปบีบมือบันลือแบบรู้กัน จากนั้นเธอก็เลี้ยวเข้าสู่ห้องรับแขก วีรากรนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าท่าทางนิ่งเช่นเคย แต่เธอก็ยังอดบ่นน้าชายไม่ได้อยู่ดี เพราะเมื่อครู่อีกฝ่ายไม่ได้พยายามออมเสียงเลย เป็นไปได้มากทีเดียวที่ชายหนุ่มจะได้ยินคำพูดของฉัตรชัย
“พี่วี ขอโทษที่ให้รอนะคะ ไปกันเลยไหม”
“ครับ” สถาปนิกรูปหล่อพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทันที
เมื่อเลี้ยวออกจากห้องรับแขก หญิงสาวก็พบว่าพ่อกับน้าชายหายไปแล้ว ซึ่งถือว่าดี เพราะเธอคาดเดาไม่ได้เลยว่าฉัตรชัยจะพูดหรือทำอะไรอีก รายนี้ยืนหนึ่งเรื่องทั้งพูดและทำสิ่งต่างๆ แบบไม่แคร์ใครอยู่แล้ว เรื่องนี้แก้ไม่หาย ฉัตรชัยไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่เธอจำความได้กระทั่งตอนนี้ จนเธอเลิกคาดหวังไปแล้ว
“ปกติเวลาพี่วีขับรถทางไกลชอบแบบไหนคะ ระหว่างขับรถเงียบๆ หรือว่าให้มีคนคุยด้วยจะได้ไม่ง่วง” ปริยากรถามขณะคาดเข็มขัดนิรภัย
“ได้หมดครับ ถ้าคนที่ไปด้วยอยากคุยพี่ก็คุยได้ หรือถ้าอยากหลับพี่ก็ขับรถคนเดียวได้”
“ปีย่าถามเพราะกลัวเดี๋ยวชวนคุยแล้วพี่วีรำคาญ แต่คนขับบางคนก็ชอบให้มีเพื่อน อย่างยายปินเนี่ย ถ้าขับรถไกลๆ ชอบง่วง” เธออธิบายเสียงใส
“เขาใหญ่ไม่ไกลมาก ระยะทางแค่นี้ปกติพี่ยังไม่ทันง่วง แต่ถ้าน้องปีย่าหิวหรืออยากเข้าห้องน้ำก็บอกเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
หญิงสาวหันไปส่งยิ้มสดใสให้อีกฝ่าย อันที่จริงวันนี้เธอจะขับรถไปเองก็ได้ แต่ที่ตัดสินใจขอติดรถเขาไปเพราะอยากลองใช้เวลากับวีรากรดูสักหน่อย อย่างไรหลังจากนี้คงต้องทำงานร่วมกันอีกนาน แถมอาจจะต้องไปค้างที่เขาใหญ่ด้วย ถ้าสนิทกับเขาสักหน่อยแล้วเข้ากันได้น่าจะดีกว่า
“เมื่อกี้พี่วีน่าจะได้เจอคุณน้าของปีย่าแล้วใช่ไหมคะ ผู้ชายที่ไว้ผมยาวประบ่าน่ะ”
“ครับ แต่ไม่ได้คุยกัน”
“คุณน้าชื่อฉัตรชัยค่ะ เป็นน้าชายของปีย่า ต่อไปพี่วีอาจจะได้เจอเขาอีก ถ้าเขามาพูดอะไรเกี่ยวกับงานที่เราทำด้วยกันพี่วีไม่ต้องสนใจนะคะ คนที่มีอำนาจตัดสินใจคือคุณพ่อกับปีย่าแค่สองคน แล้วถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาปีย่าได้เลย” ปริยากรพูดเสียงเรียบเรื่อย เธอตัดสินใจว่าควรจะต้องบอกข้อมูลกับเพื่อนร่วมงานไว้ให้ชัดๆ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง เพราะรู้จักนิสัยของญาติตัวเองดี
“โอเคครับ ขอบคุณมาก น้องปีย่าเป็นลูกค้าแบบที่ช่วยให้ทำงานง่ายมาก” มุมปากของชายหนุ่มยกเป็นรอยยิ้ม เขากำลังคิดเรื่องฉัตรชัยอยู่เหมือนกัน ทว่าเป็นในแง่ที่ว่าอีกฝ่ายเป็น ‘คนใกล้ตัว’ ซึ่งเข้าข่ายบุคคลต้องสงสัยของบันลือ ส่วนในแง่ของงานสถาปนิกก็ถือว่าดีทีเดียวที่ปริยากรให้ความชัดเจนแบบนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีบ่อยๆ ที่งานยุ่งยากเพราะคนรอบตัวลูกค้า
ปริยากรสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ อันที่จริงเธอไม่อยากพูดถึงน้าชายในลักษณะนี้ แต่มันจำเป็น…ตั้งแต่จำความได้แม่ของเธอมักเป็นห่วงและเดือดร้อนใจเพราะน้องชายอยู่เนืองๆ บันลือไม่อยากยุ่งกับฉัตรชัย ทว่าเห็นแก่ภรรยาเลยพยายามช่วยเหลือ กระทั่งแม่ของเธอจากไปแล้วพ่อก็ยังติดอยู่ในบ่วงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้
ฉัตรชัยเป็นคนจับจด ด้วยความที่ครอบครัวพอมีฐานะเลยไม่เดือดร้อนอะไรนัก พอโตขึ้นมาเขาก็ผลาญเงินไปกับการลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ซึ่งล้วนล้มเหลว เพราะส่วนใหญ่เป็นการทำตามกระแส หรือไม่ก็ลงทุนตามที่เพื่อนพ้องชักจูง จากนั้นก็โดนโกงบ้าง เจ๊งไปเองเนื่องจากไม่ได้ใส่ใจดูแลบ้าง…จนบันลือเริ่มเข้าสู่เวทีการเมืองก็ยังดึงฉัตรชัยไปช่วย หวังให้อีกฝ่ายมีความรับผิดชอบขึ้นสักหน่อย แต่สุดท้ายก็เหลวจนพ่อของเธอตัดสินใจปล่อยฉัตรชัยกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม
ปัจจุบันทรัพย์สินของน้าชายเธอเริ่มร่อยหรอ แม่ของปริยากรอ่านเกมขาดจึงแบ่งทรัพย์สินส่วนตัวของตนเองเก็บสำรองไว้ให้น้องชายส่วนหนึ่ง บันลือไม่ได้ว่าอะไรเนื่องจากเห็นว่าลำพังทรัพย์สินของเขาก็เพียงพอสำหรับลูกสาวอยู่แล้ว ปัจจุบันพ่อของเธอเป็นคนดูแลมรดกที่ภรรยาทิ้งไว้ พอฉัตรชัยต้องการความช่วยเหลืออะไรก็จะต้องมาหาบันลือ
ครั้งนี้ก็คงเรื่องเดิม…หญิงสาวเดาอย่างอ่อนใจ ขณะเดียวกันก็นึกเป็นห่วงพ่อไปด้วย เพราะฉัตรชัยมาหาทีไรท่านต้องเหนื่อยใจทุกที เธอหวังว่าคราวนี้จะไม่แย่นักแล้วกัน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.