จะว่าไป…เท่าที่จำได้กิ๊กเก่าแต่ละคนของจิรวดีก็มาทรงเดียวกับวีรากรทั้งนั้นเลย ดังนั้นก็เป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นสเป็กของยายนี่ สงสัยวางแผนจะใช้หน้าที่การงานเป็นข้ออ้างแน่ๆ
พนักงานถือถาดอาหารมาเสิร์ฟ ฝ่ายเจ้าของร้านจึงเบี่ยงตัวเปิดทางให้ลูกน้องวางจานอาหารลงบนโต๊ะ ขณะเดียวกันก็ออกปากยิ้มแย้ม
“ไหนๆ ก็บังเอิญเจอกัน มื้อนี้จ๋าขอเลี้ยงนะคะ เป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์แวะมา”
“ขอบคุณมากครับ แต่ความจริงพวกเราควรอุดหนุนคุณจ๋ามากกว่านะ”
“เอาเป็นครั้งหน้าก็ได้ค่ะ แค่คุณวีกลับมาอีกหนก็ได้อุดหนุนจ๋าแล้ว” จิรวดีบอกทั้งรอยยิ้ม “เอาล่ะ อาหารน่าจะมาครบแล้วใช่ไหมคะ ยังไงหวังว่าจะชอบอาหารนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้ตลอดเลย”
ปริยากรหยิบช้อนส้อมโดยไม่พูดอะไร รอจนเจ้าของร้านสาวผละจากไปแล้วจึงค่อยเปิดปาก
“โชคดีที่มากับพี่วี ได้กินฟรีเลย”
คิ้วเข้มยกสูงเล็กน้อย แต่นอกไปจากนั้นแล้วสีหน้าท่าทางของเขาก็ไม่เปลี่ยนสักนิด
“น้องปีย่าก็เป็นเพื่อนคุณจ๋าไม่ใช่เหรอครับ”
“เรียกว่าคนรู้จักแบบที่ไม่ตีกันก็ถือว่าดีแล้วเถอะค่ะ” หญิงสาวหัวเราะ ก่อนจะเริ่มส่งสเต็กที่สั่งมาเข้าปาก “อืม รสชาติใช้ได้เหมือนกันนะ แต่เพราะฟรีเลยยิ่งอร่อยคูณสอง…แล้วก่อนหน้านี้จ๋าจะให้พี่วีออกแบบอะไรให้เหรอ”
“คาเฟ่ครับ คาเฟ่ที่เขาใหญ่…ก็น่าจะที่นี่แหละ”
“พี่วีเสียดายไหมคะ” ปริยากรแกล้งทำตาใส
“ถ้าพูดถึงงานก็เสียดายครับ ปกติไม่ค่อยได้ออกแบบคาเฟ่ด้วย น่าสนุกดีเหมือนกัน”
ถ้าพูดถึง ‘งาน’ ด้วยนะ…เธอแทบจะหลุดหัวเราะออกมาทีเดียว หากแปลไม่ผิดวีรากรน่าจะพอรู้ตัวอยู่หรอกว่าจิรวดีอาจไม่ได้เข้ามาโดยหวังผลแค่เรื่องงาน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่แปลก อย่างเขาแค่หน้าตาก็ดึงดูดผู้หญิงได้แล้ว การที่เขาไม่จีบใครไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครมาจีบนี่นะ
“งั้นเดี๋ยวพี่วีออกแบบคาเฟ่ให้ปีย่าก็ได้”
“สรุปว่าน้องปีย่าจะทำคาเฟ่ด้วยเหรอ” เขาเลิกคิ้ว เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหญิงสาวยังบอกว่าขอคิดดูก่อนอยู่เลย
“ค่ะ ปีย่าคิดเมื่อกี้ ตอนนี้ตัดสินใจได้ละ” สาวสวยบอกหน้าตาย อันที่จริงเธอคุยกับบันลือไว้แล้วว่าหลังจากทำหมู่บ้านเสร็จอาจใช้ที่ดินรอบๆ ทำอย่างอื่น เช่น โรงแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยว คาเฟ่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือก เพียงแต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจอย่างชัดเจนเด็ดขาด ทว่าถ้าเธอจะตัดสินใจตอนนี้เลยพ่อก็คงไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว
“งั้นก็ตกลงครับ เดี๋ยวน้องปีย่าลองไปดูจุดที่อยากตั้งคาเฟ่แล้วคุยรายละเอียดกัน” วีรากรรับคำง่ายๆ เดาว่าการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของเธออาจเกี่ยวข้องกับการพบจิรวดีก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรเขาก็มีหน้าที่ต้องทำงานตามที่ลูกค้าต้องการอยู่แล้ว
ปริยากรพยักหน้ารับทั้งรอยยิ้ม…การมีผู้ชายหล่อทำตามใจเรานี่มันดีจริงๆ
ฝนยังตกปรอยๆ อยู่ตอนที่สองหนุ่มสาวกลับไปถึงที่ดินของบันลือ แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนก่อนไปกินข้าว หลังจากปรึกษากันครู่หนึ่งจึงตกลงกันว่าวีรากรจะขับรถพาเธอดูวนรอบที่ดินส่วนที่ได้รับการตระเตรียมสำหรับการก่อสร้างแล้ว
“ตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่เพื่อนพี่มาดูแล้วแนะนำว่าวิวดี” สถาปนิกหนุ่มบอกหลังจากเหลือบเช็กตำแหน่งของที่ดินที่เพื่อนบอกไว้จากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ตรงนี้เหมือนดินจะเละกว่าจุดก่อนหน้านี้หน่อย น้องปีย่าจะลงไปไหมครับ”
“ลงดีกว่าค่ะ ไหนๆ ก็มาถึงที่แล้ว” ปริยากรฉวยหมวกที่อยู่บนตักมาสวม จากนั้นก็คว้าร่มแล้วเปิดประตูออกไป
ลมเย็นที่เจือด้วยไอชื้นของฝนพัดมาวูบหนึ่ง แต่หญิงสาวไม่ใส่ใจแล้วหันมองไปรอบตัวอย่างสนใจ ดูเหมือนตรงนี้จะเป็นเนินที่สูงกว่าจุดอื่นเล็กน้อย ทำให้วิวดีกว่าจุดอื่นจริงอย่างที่มีการแนะนำเอาไว้
“ข้างล่างนั่นเหมาะจะขุดทะเลสาบเหมือนกัน”
ปริยากรหันมองตามการชี้นิ้วของสถาปนิกหนุ่ม ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าเขาใส่แค่หมวกใบเดียวโดยไม่ได้ถือร่มมาด้วย เธอเลยยืดแขนเพื่อให้เขาได้อยู่ใต้ร่มอีกคน
“แปลว่าพี่วีก็สนับสนุนให้ปีย่าเลือกที่ดินตรงนี้เหมือนกันใช่ไหม”
“ถือเป็นตัวเลือกที่ดีครับ” เขาหันมาส่งยิ้มเล็กๆ ให้เธอพร้อมกับดึงร่มไปถือเอง
“แล้วพี่วีมีแผนเกี่ยวกับแบบแปลนหมู่บ้านบ้างหรือยังคะ ถ้าปีย่าเลือกตรงนี้มันจะต่างกับที่ดินตรงอื่นเยอะไหม” ปริยากรเริ่มก้าวเท้า อีกฝ่ายก็ถือร่มเดินตามมา
“ตำแหน่งบ้านไม่ส่งผลมากครับ ที่มีผลมากหน่อยคือทะเลสาบกับคลองนี่ล่ะ”
“ปีย่าให้พี่วีเลือกตำแหน่งทะเลสาบเลยดีกว่า เพราะมันมีเรื่องทางน้ำอะไรต่างๆ ด้วย” หญิงสาวหันไปแหงนหน้ายิ้มให้สถาปนิกหนุ่ม แต่ไม่ทันไรก็ต้องร้องวี้ดออกมาเพราะเท้าเหยียบลงบนพื้นที่ไม่มั่นคงจนไถลลื่น หนำซ้ำไม่ใช่เพียงการเสียหลักลงไปกองกับพื้น ทว่าตัวของเธอทำท่าจะไถลลื่นลงเนินไปด้วย