LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 3
แนวต้นไม้อยู่เบื้องหน้า ถ้าไถลลงไปตามเนินอาจกลิ้งจนไปชนก็ได้ แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้วในตอนนี้ เพราะพื้นดินที่ชุ่มน้ำเละเสียจนเธอไม่สามารถควบคุมการทรงตัวได้เลย ในเสี้ยววินาทีที่กำลังทำใจนั้นก็มีท่อนแขนหนึ่งคว้าร่างเธอหมับ และมันก็แข็งแรงมากพอจะหยุดเธอได้ในทันทีด้วย
“ระวังครับ” เสียงของวีรากรสงบมั่นคง ไร้ซึ่งความตระหนกใดๆ เหมือนเคย “ดินตรงนี้คงสไลด์ลงไปเพราะฝนตก น้องปีย่าลองพยายามวางเท้าเท่าที่ทำได้หน่อยครับ เดี๋ยวพี่จะพยายามดึงเราขึ้นมา”
ดวงหน้าสวยหันไปมอง และพบว่าเขากำลังพยายามทรงตัวเพื่อประคองเธอไว้ ท่าทางบ่งบอกว่าเขากำลังใช้ประโยชน์จากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบสุดขีด เธอเลยรีบขยับขาไปมาจนเจอจุดที่คิดว่าพอจะวางเท้าได้และลองทิ้งน้ำหนักลงไป ซึ่งดูเหมือนเขาจะรับรู้อย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวพี่จะลองดึงน้องปีย่าขึ้นมา อย่าเกร็งนะ”
หญิงสาวพยักหน้าเร็วๆ แล้วอึดใจถัดมาเธอก็รับรู้ถึงแรงรั้งจากท่อนแขนที่โอบรัดอยู่รอบลำตัว พอเหลือบมองก็พบว่าอีกฝ่ายใช้ร่มปักลงพื้นเป็นหลักยึดช่วยในการดึงเธอขึ้นไป ปริยากรรับรู้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งของเขาขณะที่ร่างถูกยกลอย สัญชาตญาณบอกให้สองเท้าขยับหาพื้นดินที่มั่นคงและเธอก็ทำตามนั้น จนในที่สุดก็กลับขึ้นไปยืนบนเนินที่มั่นคง พอทรงตัวได้แล้วเธอก็รีบหันกลับไปหาร่างสูงใหญ่ ครั้นเห็นว่าขายาวๆ ข้างหนึ่งของเขายังปักอยู่ด้านล่างของเนิน เธอเลยรีบเอื้อมมือไปช่วยดึงเขาขึ้นอีกแรง
“ขอบคุณครับ” วีรากรพ่นลมหายใจเบาๆ เมื่อกลับมายืนบนเนินได้สำเร็จ
“ปีย่าสิคะต้องขอบคุณพี่วี ไม่งั้นเมื่อกี้ปีย่าต้องกลิ้งตกลงไปข้างล่างแน่ๆ” หญิงสาวบอกแล้วเหลือบมองลงไปทางด้านล่างเนินด้วยสายตาสยดสยอง
“ถอยห่างออกมาหน่อยดีกว่า ดินตรงนี้อาจสไลด์ลงไปอีกก็ได้” สถาปนิกหนุ่มดึงร่างโปร่งให้เดินถอยลึกเข้าไปด้านใน ขณะที่อีกมือยกร่มขึ้นดูไปด้วย “ร่มน้องปีย่าเปื้อนหมดเลย โทษทีนะ”
“ช่างมันเถอะค่ะ” เธอรีบโบกไม้โบกมือ ก่อนจะเหลือบไปเห็นรอยโคลนบนกางเกงยีนของอีกฝ่าย “โอ๊ะ กางเกงพี่วีก็เปื้อนนี่ ตอนช่วยปีย่าเมื่อกี้แน่เลย ขอโทษนะคะ”
“แค่นี้เอง บางทีเวลาพี่ไปไซต์งานก็เปรอะๆ เปื้อนๆ เป็นปกติ วันนี้พี่เตรียมตัวมาเปื้อนอยู่แล้วด้วย” เขาสะบัดร่มเบาๆ เพื่อไล่เศษโคลน “น้องปีย่าจะเดินดูต่อไหม หรือยังไง”
“กลับรถกันเลยก็ได้ค่ะ”
“โอเค” วีรากรดึงร่มกลับมาดู พอเห็นว่ายังมีน้ำโคลนไหลปะปนน้ำฝนลงมาตามแนวโค้งของร่มก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆ “ถ้าใช้ร่มเดี๋ยวเสื้ออาจจะเปื้อนตามไปด้วย เรารีบเดินเอาแล้วกันนะ…น้องปีย่านำไปเลยครับ เผื่อเกิดอะไรอีกพี่จะได้ช่วยทัน”
ถ้อยคำของชายหนุ่มทำให้ปริยากรถึงกับต้องผินหน้าไปหาเขา ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมา…ว่าเขาไม่ได้เสียด้วยที่พูดแบบนี้ ในเมื่อเขาช่วยเธอในลักษณะคล้ายๆ กันเอาไว้ถึงสองครั้งสองคราแล้ว
“ปกติปีย่าไม่ใช่คนซุ่มซ่ามโก๊ะกังเลยนะ แต่มาเหวอโชว์พี่วีสองรอบแล้ว”
“น้องปีย่าไม่ได้ซุ่มซ่ามนี่ครับ เมื่อกี้ก็เป็นอุบัติเหตุ”
“จริงที่สุดค่ะ” เธอพยักหน้า ตีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง “ปีย่าเดินไปพร้อมกับพี่วีดีกว่า พี่วีน่าจะช่วยปีย่าได้ง่ายสุดแล้ว”
วีรากรยกมุมปากเป็นรอยยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะก้าวขาเดินเคียงข้างไปกับร่างโปร่ง ขณะที่หญิงสาวเดินมองทัศนียภาพรอบๆ อย่างสบายอกสบายใจ
ดูเหมือนวีรากรจะไม่เปลี่ยนไปจากตอนที่ปีนขึ้นไปเก็บกระดาษให้ปภาวรินท์สมัยเรียนเท่าไหร่เลย…เป็นผู้ชายใจดีที่อยู่ด้วยแล้วชวนให้รู้สึกอุ่นใจดีจัง
น่าเบื่อชะมัด…อยากกลับไปนอน…
มีไม่กี่ประโยคที่วนเวียนอยู่ในหัวของปริยากรในชั่วโมงที่ผ่านมา ค่ำนี้เธอมาร่วมงานเลี้ยง แม้จะน่าเบื่อแต่ช่วยไม่ได้ เพราะหากเธอไม่มาบันลือก็ต้องมา ดังนั้นเธอจึงเลือกจะเป็นคนมาร่วมงานนี้เอง
หญิงสาวฉีกยิ้มส่งให้ตะวัน หนุ่มไฮโซที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ครอบครัวของอีกฝ่ายทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ช่วงหลังเขาหายหน้าไปดูแลธุรกิจที่ต่างประเทศ เพิ่งกลับมาไทยเมื่อไม่นานนี้เอง ก่อนหน้าไปต่างประเทศชายหนุ่มคอยมาวนเวียนรอบตัวเธออยู่บ้าง และพอกลับมารอบนี้ก็กลับสู่สภาพเดิม
ปริยากรเฉยๆ กับตะวัน คือถือว่าเขาเป็นเพื่อนที่พอคบหาได้ แต่บางทีเธอก็รู้สึกว่าเขาทำตัวน่าเบื่อและน่ารำคาญ ติดที่คุณหญิงโสภาแม่ของเขาคุ้นเคยกับบันลือ และครอบครัวของเขาก็ถือเป็นคอนเน็กชั่นชั้นยอด แถมเขาก็ไม่เคยทำอะไรแย่ๆ กับเธอ ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากประคองความสัมพันธ์เอาไว้ต่อไป
“ไปทักพวกที่อยู่ตรงนู้นกันไหม”
“ฉันขอแวบไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวตามไปสมทบนะ” หญิงสาวโบกไม้โบกมือน้อยๆ จากนั้นก็บ่ายหน้าเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง
น่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละ…ปริยากรระบายลมหายใจเบาๆ เมื่อพ้นออกมาจากห้องจัดเลี้ยง ใจนึกอยากกลับบ้านไปนอนกลิ้งเล่นบนเตียง แต่จะกลับตอนนี้ก็อาจเร็วไปหน่อย
หญิงสาวใช้เวลาระหว่างเข้าห้องน้ำในการชั่งใจ แล้วจึงตัดสินใจว่าจะเลี่ยงตะวันด้วยการไปเกาะอยู่กับเพื่อนคนอื่น ซึ่งเพื่อนที่ว่าเธอหาไม่ยากอยู่แล้วเพราะในงานก็คนคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น เพียงแต่อาจจะต้องเลือกคนที่ตะวันไม่ค่อยอยากยุ่งด้วยสักหน่อย
ปริยากรเกือบจะเลี้ยวเข้าห้องจัดเลี้ยงแล้วถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นร่างในชุดสูทร่างหนึ่งที่กำลังยืนกดโทรศัพท์มือถือเข้าเสียก่อน ดวงตาที่ได้รับการตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างงดงามเบิกกว้าง ก่อนที่เธอจะหันเปลี่ยนทิศทันใด
“พี่วี ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ หรือว่ามางานเลี้ยงเดียวกับปีย่าด้วย”
“อ้าว” คิ้วของวีรากรเลิกขึ้นเล็กน้อยแสดงถึงความประหลาดใจ “พี่มางานเลี้ยงครับ แต่มาทำงานน่ะ”
“ทำงาน?”
“พ่อพี่ทำบริษัทด้านรักษาความปลอดภัยครับ วันนี้ในงานมีของมีค่าที่ยืมมาโชว์ เจ้าของงานเลยจ้างบริษัทของพ่อพี่มา แต่พอดีวันนี้อยู่ดีๆ เขาก็เดินไปสะดุดแล้วขาพลิกน่ะ พี่เลยช่วยคุมพนักงานของพ่อมางานแทน”
“แบบนี้นี่เอง” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก ขณะเดียวกันก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมที่ผ่านมาเขาถึงช่วยเธอได้อย่างว่องไว รวมถึงดูแข็งแรงเอาเรื่อง…เป็นลูกชายก็คงได้รับการฝึกมาด้วยนั่นแหละ