ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 3 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 3

4 of 4หน้าถัดไป

“วันนี้น้องปีย่ามาคนเดียวเหรอครับ”

“ค่ะ มาแทนคุณพ่อ ไม่มีเพื่อนด้วยเพราะปินไม่ได้มา งานนี้พี่ชายของปินมาแค่คนเดียว” เธอให้ข้อมูลเป็นเชิงบ่น “เอ้อ แล้วนี่พี่วีไม่ต้องเข้าไปในงานเหรอคะ ก่อนหน้านี้ปีย่าไม่เห็นเลย”

“พี่แค่พาคนมาเฉยๆ ครับ พี่เป็นสถาปนิกไง” วีรากรยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็คิดว่างานนี้บันลือน่าจะส่งคนตามมาดูแลลูกสาวเอง

“งั้น…แปลว่าพี่วีแค่อยู่แถวๆ นี้ก็พอใช่ไหม ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น”

“ครับ” ชายหนุ่มแปลกใจกับคำถาม แต่ก็ยอมตอบโดยดี

“งั้นขอปีย่าอยู่ด้วยสักพักได้ไหม ปีย่าเบื่อๆ ขี้เกียจกลับเข้างานตอนนี้”

แววประหลาดใจยิ่งฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเขาก็เพียงพยักพเยิดไปทางชุดโซฟาที่อยู่ไม่ไกล

“ไปนั่งตรงนั้นกันไหม”

“ได้ค่ะ” ปริยากรตอบรับทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด จากนั้นก็เดินตามร่างสูงไป

“อันที่จริงได้เจอน้องปีย่าก็ดีเหมือนกัน พี่มีอะไรจะให้ดู เดี๋ยวส่งให้ทางแชตนะครับ” วีรากรพึมพำขณะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา นิ้วของเขากดไปบนหน้าจอสามสี่ที แล้วโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา

“เอ๊ะ นี่แบบบ้านที่เขาใหญ่เหรอคะ ทำไมเร็วจัง” สาวสวยร้องเมื่อเห็นภาพแบบแปลนที่ถูกส่งมา

“เมื่อวานตอนเราคุยกันพี่ก็มีภาพในหัวแล้ว กลับมานั่งทำเลยใช้เวลาไม่มากครับ แบบสามมิติต้องรอหน่อย น่าจะได้พรุ่งนี้…ส่วนแบบบ้านไทป์ต่างๆ ที่จะขายต้องรอวิน ถ้าช้าก็เป็นความผิดหมอนั่น” วีรากรพูดหน้าตายแม้จะรู้แก่ใจว่าทั้งเขาและอาชวินต่างก็เร่งทำงานกันแม้กระทั่งในวันหยุดเพื่อไม่ให้กระทบกับงานอื่น ที่สำคัญคือบันลืออยากให้ลูกสาวเดินทางไปเขาใหญ่โดยเร็วด้วย

หญิงสาวแอบอมยิ้มกับการพาดพิงถึงเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วขยายภาพเข้าออกเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ…เมื่อวานนี้หลังจากเกือบไถลลงเนินดินแล้วเธอกับเขาก็ไม่ได้ลงจากรถไปเดินดูอะไรอีก แค่ขับรถวนดูให้ทั่วแล้วกลับไปที่บ้านสำเร็จรูป จากนั้นใช้เวลาตลอดบ่ายที่เหลือในการนั่งคุยกันและตัดสินใจรายละเอียดต่างๆ กว่าจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ค่ำทีเดียว เธอชวนวีรากรกินข้าวเย็นที่บ้านแต่เขาปฏิเสธ บอกว่ากำลังมีภาพงานในหัวเลยอยากรีบกลับไปจัดการ ไม่นึกว่าแปลนบ้านจะเสร็จรวดเร็วขนาดนี้

“ลำพังสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองไม่นานและไม่ยากครับ แต่การสร้างหมู่บ้านต้องใช้เวลา กว่าจะพัฒนาแบบหมู่บ้านเรียบร้อยเผลอๆ บ้านของน้องปีย่าอาจใกล้เสร็จแล้วก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบเรื่อย ย้ำสิ่งที่เคยบอกกับเธอไว้ก่อนหน้านี้แล้วอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวไม่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน

ปกติแล้วในการสร้างหมู่บ้านต้องมีการพัฒนาผังหมู่บ้าน แบ่งโฉนดเพื่อทำบ้านจัดสรร เมื่อรวมกับการขออนุญาตทางกฎหมายต่างๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้บันลือเลือกสร้างบ้านให้ลูกสาวก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะขั้นตอนมันง่ายกว่ามาก แต่การสร้างบ้านหลังหนึ่งก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเผลอๆ ถ้าหลังจากนี้สืบจนเจอความจริงเกี่ยวกับแผนการปองร้ายปริยากรได้ก่อนบ้านสร้างเสร็จ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะล้มแผนสร้างหมู่บ้านขายไปเลยก็ได้

“พูดตรงๆ นะคะ ปีย่ายังนึกภาพไม่ออกเท่าไหร่เลย แต่ในเมื่อจำนวนห้องและรายละเอียดตรงตามที่เราคุยกันไว้ก็โอเคค่ะ” หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ในที่สุด

“ไม่แปลกหรอกครับ เดี๋ยวถ้าภาพสามมิติเสร็จน่าจะเห็นภาพมากขึ้น”

“มานึกดู ปีย่าเพิ่งคุยกับคุณพ่อ แล้วก็มาคุยกับพี่วินพี่วีแค่ไม่กี่วันเอง มันเร็วแบบไม่น่าเชื่อเลย” หญิงสาวหัวเราะ ถึงตอนนี้ถ้าเกิดบ้านจะพร้อมขายในเดือนหน้าเธอก็ไม่แปลกใจแล้ว

“พูดถึงเรื่องเร็ว…เนื่องจากการสร้างบ้านและหมู่บ้านครั้งนี้ค่อนข้างต่างจากงานทั่วไป ปกติแล้วพี่จะแค่ออกแบบแล้วไปไซต์งานตามกำหนด แต่ครั้งนี้พี่น่าจะต้องไปใช้เวลาอยู่ที่เขาใหญ่พอสมควรเลย น้องปีย่าคงพอมีเวลาไปอยู่ที่นั่นเหมือนกันใช่ไหม เพราะถ้ามีคนมีอำนาจตัดสินใจอยู่ด้วยกันเลยน่าจะดีกว่า”

“อันที่จริงเมื่อเช้าคุณพ่อเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย คงต้องเป็นวันธรรมดาใช่ไหมคะ สัปดาห์ละวันสองวันพอไหม เสาร์อาทิตย์ปีย่าก็มีพวกงานเลี้ยงต้องไปบ้างเหมือนกัน” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด “หรืออันที่จริงเราควรนัดกันเป็นครั้งๆ ไปดี งานบางอย่างของปีย่าพอจะทำแบบออนไลน์ทางไกลได้ แต่พี่วีเองก็ต้องเข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ”

“เดี๋ยวค่อยๆ ลองหาเวลาที่ตรงกันก็ได้ครับ ช่วงแรกน่าจะวุ่นวายหน่อย แต่ตอนนี้ยังไม่มีแบบก็ยังทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว” มุมปากของวีรากรยกขึ้น เป็นยิ้มจากความโล่งใจมากกว่าอารมณ์ดี…เขาคิดเรื่องนี้อยู่นานทีเดียว พอดีเมื่อวานกลับบ้านไปเจอทรงพล ครั้นเล่าเรื่องนี้พ่อก็บอกว่าให้ใช้งานเป็นข้ออ้างแล้วโยนกลับไปเป็นภาระของบันลือเสียเลย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเปิดทางไว้เองแล้วก็ค่อยยังชั่ว เพราะช่วยให้เรื่องง่ายขึ้นไม่น้อย

“พรุ่งนี้ปีย่าจะเช็กตารางงานแล้วติดต่อไปหาพี่วีอีกทีนะ”

สถาปนิกหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งลอยมาเสียก่อน

“ปีย่า…”

ปริยากรหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นตะวันกำลังเดินตรงมา

“ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ”

“พอดีเจอพี่ที่รู้จักน่ะ” หญิงสาวตอบ ขณะเดียวกันก็สังเกตว่าสายตาของผู้มาใหม่จับจ้องไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างเธอมากกว่า “เอ้อ นี่พี่วี…”

“พวกเราเคยรู้จักกัน” ตะวันโพล่งแทรก พอเห็นสีหน้างุนงงของสาวสวยก็ยิ้มออกมา “เราเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันนะ ลืมแล้วเหรอ”

“จริงด้วย…เอ๊ะ! แต่ที่พูดว่ารู้จักกันเมื่อกี้คือรู้จักกันเป็นส่วนตัวเหรอ” ปริยากรเพิ่งนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ตะวันเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ มันน่าตลกตรงที่ตอนนั้นเธอกับเขารู้จักกันเพียงผิวเผิน ขณะที่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเสียอย่างนั้น ทั้งที่วิถีชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องกันไปมากกว่าการเจอกันตามงานสังคม

“ไม่เชิง” ตะวันเหลือบมองวีรากร แต่อีกฝ่ายก็นิ่งเหมือนเดิม “แล้วนี่ปีย่ารู้จักกับพี่เขาได้ไงล่ะ”

“พี่วีเป็นเพื่อนสนิทของแฟนยายปินไง พี่วินน่ะ ถ้านายรู้จักพี่วีก็คงรู้จักพี่วินใช่ไหม”

“รู้จักสิ…ว่าแต่พี่จำผมได้ใช่ไหม” ประโยคหลังหนุ่มไฮโซหันไปหาวีรากร

“จำได้สิ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

ท่าทีของสถาปนิกหนุ่มดูปกติ ทว่าที่ปริยากรคิดว่าไม่ปกติคือท่าทีของตะวัน สัญชาตญาณบอกว่าระหว่างสองคนนี้น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไร…

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วพี่วีเข้าไปในงานกับปีย่าหน่อยไหม”

“หืม?” วีรากรเลิกคิ้วประหลาดใจ

“พอตะวันมาพูดแล้วปีย่าถึงนึกขึ้นได้ เราเรียนมหา’ลัยเดียวกัน ในงานมีศิษย์เก่าร่วมมหา’ลัยของเราเยอะอยู่นะคะ ยิ่งถ้าเป็นรุ่นใกล้พวกเราน่าจะพอรู้จักพี่วินกับพี่วีกันบ้างแหละ หรือถึงไม่รู้จักก็จะได้รู้จักกันไว้ไง” หญิงสาวชักแม่น้ำทั้งห้าไปยิ้มไป

ถ้าอยู่กันตามลำพังวีรากรคงปฏิเสธโดยยกงานขึ้นมาอ้าง แต่เขาไม่อยากพูดเรื่องงานต่อหน้าตะวัน ไม่ว่าจะงานไหน เพราะมันต้องมีเหตุผลที่เมื่อครู่ปริยากรแนะนำเขาในฐานะเพื่อนของอาชวินแทนที่จะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นเขาจึงลงความเห็นว่าควรตามน้ำไป

เขาน่าจะต้องใช้เวลากับลูกสาวของบันลืออีกพักใหญ่ พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ย่อมดีกว่า

สาวสวยฉีกยิ้มกว้างทันทีที่วีรากรพยักหน้ารับ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่งเสียงร่าเริง ทำเป็นไม่เห็นว่าตะวันจ้องเขม็งมา

“งั้นไปกันค่ะ มีหลายคนเหมือนกันที่ปีย่าคิดว่าพี่วีน่าจะทำความรู้จักไว้”

สถาปนิกหนุ่มสบตากับบุรุษอีกคน ก่อนจะสาวเท้าตามหญิงสาวไปเงียบๆ…ช่วงนี้อย่างกับงานรวมรุ่น อยู่ดีๆ ก็ได้เจอเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเก่าเยอะแยะไปหมด อาชวินได้เจอปริยากรจนพบรักกับปภาวรินท์ แล้วนี่ตัวเขายังอุตส่าห์ได้ย้อนกลับมาเจอตะวันอีก

เอาเถอะ ถึงไม่ได้อยากเจอแต่ในเมื่อวนมาเจอกันแล้วจะทำไงได้ หวังว่าหมอนี่จะไม่ทำตัวน่าเบื่อนักแล้วกัน

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 มี.. 65 เวลา 12.00 .

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com