LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 3
“วันนี้น้องปีย่ามาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ มาแทนคุณพ่อ ไม่มีเพื่อนด้วยเพราะปินไม่ได้มา งานนี้พี่ชายของปินมาแค่คนเดียว” เธอให้ข้อมูลเป็นเชิงบ่น “เอ้อ แล้วนี่พี่วีไม่ต้องเข้าไปในงานเหรอคะ ก่อนหน้านี้ปีย่าไม่เห็นเลย”
“พี่แค่พาคนมาเฉยๆ ครับ พี่เป็นสถาปนิกไง” วีรากรยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็คิดว่างานนี้บันลือน่าจะส่งคนตามมาดูแลลูกสาวเอง
“งั้น…แปลว่าพี่วีแค่อยู่แถวๆ นี้ก็พอใช่ไหม ไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น”
“ครับ” ชายหนุ่มแปลกใจกับคำถาม แต่ก็ยอมตอบโดยดี
“งั้นขอปีย่าอยู่ด้วยสักพักได้ไหม ปีย่าเบื่อๆ ขี้เกียจกลับเข้างานตอนนี้”
แววประหลาดใจยิ่งฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลา ทว่าเขาก็เพียงพยักพเยิดไปทางชุดโซฟาที่อยู่ไม่ไกล
“ไปนั่งตรงนั้นกันไหม”
“ได้ค่ะ” ปริยากรตอบรับทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด จากนั้นก็เดินตามร่างสูงไป
“อันที่จริงได้เจอน้องปีย่าก็ดีเหมือนกัน พี่มีอะไรจะให้ดู เดี๋ยวส่งให้ทางแชตนะครับ” วีรากรพึมพำขณะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา นิ้วของเขากดไปบนหน้าจอสามสี่ที แล้วโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความถูกส่งเข้ามา
“เอ๊ะ นี่แบบบ้านที่เขาใหญ่เหรอคะ ทำไมเร็วจัง” สาวสวยร้องเมื่อเห็นภาพแบบแปลนที่ถูกส่งมา
“เมื่อวานตอนเราคุยกันพี่ก็มีภาพในหัวแล้ว กลับมานั่งทำเลยใช้เวลาไม่มากครับ แบบสามมิติต้องรอหน่อย น่าจะได้พรุ่งนี้…ส่วนแบบบ้านไทป์ต่างๆ ที่จะขายต้องรอวิน ถ้าช้าก็เป็นความผิดหมอนั่น” วีรากรพูดหน้าตายแม้จะรู้แก่ใจว่าทั้งเขาและอาชวินต่างก็เร่งทำงานกันแม้กระทั่งในวันหยุดเพื่อไม่ให้กระทบกับงานอื่น ที่สำคัญคือบันลืออยากให้ลูกสาวเดินทางไปเขาใหญ่โดยเร็วด้วย
หญิงสาวแอบอมยิ้มกับการพาดพิงถึงเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ใช้นิ้วขยายภาพเข้าออกเพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ…เมื่อวานนี้หลังจากเกือบไถลลงเนินดินแล้วเธอกับเขาก็ไม่ได้ลงจากรถไปเดินดูอะไรอีก แค่ขับรถวนดูให้ทั่วแล้วกลับไปที่บ้านสำเร็จรูป จากนั้นใช้เวลาตลอดบ่ายที่เหลือในการนั่งคุยกันและตัดสินใจรายละเอียดต่างๆ กว่าจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ค่ำทีเดียว เธอชวนวีรากรกินข้าวเย็นที่บ้านแต่เขาปฏิเสธ บอกว่ากำลังมีภาพงานในหัวเลยอยากรีบกลับไปจัดการ ไม่นึกว่าแปลนบ้านจะเสร็จรวดเร็วขนาดนี้
“ลำพังสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองไม่นานและไม่ยากครับ แต่การสร้างหมู่บ้านต้องใช้เวลา กว่าจะพัฒนาแบบหมู่บ้านเรียบร้อยเผลอๆ บ้านของน้องปีย่าอาจใกล้เสร็จแล้วก็ได้” เขาพูดเสียงเรียบเรื่อย ย้ำสิ่งที่เคยบอกกับเธอไว้ก่อนหน้านี้แล้วอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวไม่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน
ปกติแล้วในการสร้างหมู่บ้านต้องมีการพัฒนาผังหมู่บ้าน แบ่งโฉนดเพื่อทำบ้านจัดสรร เมื่อรวมกับการขออนุญาตทางกฎหมายต่างๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือน นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้บันลือเลือกสร้างบ้านให้ลูกสาวก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะขั้นตอนมันง่ายกว่ามาก แต่การสร้างบ้านหลังหนึ่งก็ยังต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเผลอๆ ถ้าหลังจากนี้สืบจนเจอความจริงเกี่ยวกับแผนการปองร้ายปริยากรได้ก่อนบ้านสร้างเสร็จ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะล้มแผนสร้างหมู่บ้านขายไปเลยก็ได้
“พูดตรงๆ นะคะ ปีย่ายังนึกภาพไม่ออกเท่าไหร่เลย แต่ในเมื่อจำนวนห้องและรายละเอียดตรงตามที่เราคุยกันไว้ก็โอเคค่ะ” หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ในที่สุด
“ไม่แปลกหรอกครับ เดี๋ยวถ้าภาพสามมิติเสร็จน่าจะเห็นภาพมากขึ้น”
“มานึกดู ปีย่าเพิ่งคุยกับคุณพ่อ แล้วก็มาคุยกับพี่วินพี่วีแค่ไม่กี่วันเอง มันเร็วแบบไม่น่าเชื่อเลย” หญิงสาวหัวเราะ ถึงตอนนี้ถ้าเกิดบ้านจะพร้อมขายในเดือนหน้าเธอก็ไม่แปลกใจแล้ว
“พูดถึงเรื่องเร็ว…เนื่องจากการสร้างบ้านและหมู่บ้านครั้งนี้ค่อนข้างต่างจากงานทั่วไป ปกติแล้วพี่จะแค่ออกแบบแล้วไปไซต์งานตามกำหนด แต่ครั้งนี้พี่น่าจะต้องไปใช้เวลาอยู่ที่เขาใหญ่พอสมควรเลย น้องปีย่าคงพอมีเวลาไปอยู่ที่นั่นเหมือนกันใช่ไหม เพราะถ้ามีคนมีอำนาจตัดสินใจอยู่ด้วยกันเลยน่าจะดีกว่า”
“อันที่จริงเมื่อเช้าคุณพ่อเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย คงต้องเป็นวันธรรมดาใช่ไหมคะ สัปดาห์ละวันสองวันพอไหม เสาร์อาทิตย์ปีย่าก็มีพวกงานเลี้ยงต้องไปบ้างเหมือนกัน” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด “หรืออันที่จริงเราควรนัดกันเป็นครั้งๆ ไปดี งานบางอย่างของปีย่าพอจะทำแบบออนไลน์ทางไกลได้ แต่พี่วีเองก็ต้องเข้าออฟฟิศใช่ไหมคะ”
“เดี๋ยวค่อยๆ ลองหาเวลาที่ตรงกันก็ได้ครับ ช่วงแรกน่าจะวุ่นวายหน่อย แต่ตอนนี้ยังไม่มีแบบก็ยังทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว” มุมปากของวีรากรยกขึ้น เป็นยิ้มจากความโล่งใจมากกว่าอารมณ์ดี…เขาคิดเรื่องนี้อยู่นานทีเดียว พอดีเมื่อวานกลับบ้านไปเจอทรงพล ครั้นเล่าเรื่องนี้พ่อก็บอกว่าให้ใช้งานเป็นข้ออ้างแล้วโยนกลับไปเป็นภาระของบันลือเสียเลย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเปิดทางไว้เองแล้วก็ค่อยยังชั่ว เพราะช่วยให้เรื่องง่ายขึ้นไม่น้อย
“พรุ่งนี้ปีย่าจะเช็กตารางงานแล้วติดต่อไปหาพี่วีอีกทีนะ”
สถาปนิกหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งลอยมาเสียก่อน
“ปีย่า…”
ปริยากรหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นตะวันกำลังเดินตรงมา
“ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ”
“พอดีเจอพี่ที่รู้จักน่ะ” หญิงสาวตอบ ขณะเดียวกันก็สังเกตว่าสายตาของผู้มาใหม่จับจ้องไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างเธอมากกว่า “เอ้อ นี่พี่วี…”
“พวกเราเคยรู้จักกัน” ตะวันโพล่งแทรก พอเห็นสีหน้างุนงงของสาวสวยก็ยิ้มออกมา “เราเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันนะ ลืมแล้วเหรอ”
“จริงด้วย…เอ๊ะ! แต่ที่พูดว่ารู้จักกันเมื่อกี้คือรู้จักกันเป็นส่วนตัวเหรอ” ปริยากรเพิ่งนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ตะวันเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ มันน่าตลกตรงที่ตอนนั้นเธอกับเขารู้จักกันเพียงผิวเผิน ขณะที่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเสียอย่างนั้น ทั้งที่วิถีชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องกันไปมากกว่าการเจอกันตามงานสังคม
“ไม่เชิง” ตะวันเหลือบมองวีรากร แต่อีกฝ่ายก็นิ่งเหมือนเดิม “แล้วนี่ปีย่ารู้จักกับพี่เขาได้ไงล่ะ”
“พี่วีเป็นเพื่อนสนิทของแฟนยายปินไง พี่วินน่ะ ถ้านายรู้จักพี่วีก็คงรู้จักพี่วินใช่ไหม”
“รู้จักสิ…ว่าแต่พี่จำผมได้ใช่ไหม” ประโยคหลังหนุ่มไฮโซหันไปหาวีรากร
“จำได้สิ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
ท่าทีของสถาปนิกหนุ่มดูปกติ ทว่าที่ปริยากรคิดว่าไม่ปกติคือท่าทีของตะวัน สัญชาตญาณบอกว่าระหว่างสองคนนี้น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไร…
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วพี่วีเข้าไปในงานกับปีย่าหน่อยไหม”
“หืม?” วีรากรเลิกคิ้วประหลาดใจ
“พอตะวันมาพูดแล้วปีย่าถึงนึกขึ้นได้ เราเรียนมหา’ลัยเดียวกัน ในงานมีศิษย์เก่าร่วมมหา’ลัยของเราเยอะอยู่นะคะ ยิ่งถ้าเป็นรุ่นใกล้พวกเราน่าจะพอรู้จักพี่วินกับพี่วีกันบ้างแหละ หรือถึงไม่รู้จักก็จะได้รู้จักกันไว้ไง” หญิงสาวชักแม่น้ำทั้งห้าไปยิ้มไป
ถ้าอยู่กันตามลำพังวีรากรคงปฏิเสธโดยยกงานขึ้นมาอ้าง แต่เขาไม่อยากพูดเรื่องงานต่อหน้าตะวัน ไม่ว่าจะงานไหน เพราะมันต้องมีเหตุผลที่เมื่อครู่ปริยากรแนะนำเขาในฐานะเพื่อนของอาชวินแทนที่จะบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นเขาจึงลงความเห็นว่าควรตามน้ำไป
เขาน่าจะต้องใช้เวลากับลูกสาวของบันลืออีกพักใหญ่ พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้ย่อมดีกว่า
สาวสวยฉีกยิ้มกว้างทันทีที่วีรากรพยักหน้ารับ จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วส่งเสียงร่าเริง ทำเป็นไม่เห็นว่าตะวันจ้องเขม็งมา
“งั้นไปกันค่ะ มีหลายคนเหมือนกันที่ปีย่าคิดว่าพี่วีน่าจะทำความรู้จักไว้”
สถาปนิกหนุ่มสบตากับบุรุษอีกคน ก่อนจะสาวเท้าตามหญิงสาวไปเงียบๆ…ช่วงนี้อย่างกับงานรวมรุ่น อยู่ดีๆ ก็ได้เจอเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเก่าเยอะแยะไปหมด อาชวินได้เจอปริยากรจนพบรักกับปภาวรินท์ แล้วนี่ตัวเขายังอุตส่าห์ได้ย้อนกลับมาเจอตะวันอีก
เอาเถอะ ถึงไม่ได้อยากเจอแต่ในเมื่อวนมาเจอกันแล้วจะทำไงได้ หวังว่าหมอนี่จะไม่ทำตัวน่าเบื่อนักแล้วกัน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.