หลังจากการประชุมที่ยุ่งยากยาวนานผ่านพ้นไป ปริยากรก็ออกมาเจอคู่ค้าตามกำหนด ขากลับต้องผ่านแถวบริษัท Archwin เธอเลยคิดว่าจะลองแวะไปดูเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้คิดจะโทรหาใครก่อน เพราะคิดว่าแค่ผ่านมาและมันกระทันหัน ถ้าไม่ได้เจอใครก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวยังไงเธอก็มีนัดกับวีรากรในอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามแค่เดินถือถุงขนมตรงไปยังประตูทางเข้าตึก เธอก็สังเกตเห็นภาพอันน่าประหลาดใจผ่านทางประตูกระจกแล้ว…
จิรวดีมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไง!
สองหนุ่มเจ้าของบริษัท Archwin หันมาโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อเธอผลักประตูเข้าไป ทั้งสองดูแปลกใจพอกัน ขณะที่เธอส่งรอยยิ้มสดใสไปพร้อมกับคำทักทาย
“สวัสดีค่า ปีย่าผ่านมาเลยหิ้วขนมมาฝากอีกแล้ว ไม่นึกว่าจะเจอพี่ๆ ทั้งสองคนนะเนี่ย”
“สวัสดีครับน้องปีย่า ถือเป็นโชคดีของพวกพี่ใช่ไหม ไม่งั้นก็อดขนมเลย” อาชวินลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งอยู่
“โชคดีของปินด้วยค่ะ” ปริยากรหัวเราะเสียงใส จากนั้นก็หันไปส่งยิ้มให้จิรวดี “พี่ๆ ยุ่งกันอยู่ใช่ไหม งั้นปีย่ากลับเลยดีกว่า ไม่รบกวน…”
“เดี๋ยวครับ” วีรากรร้องเรียก พลอยลุกขึ้นจากโซฟาด้วยอีกคน “งานของน้องปีย่าเสร็จแล้ว ไหนๆ ก็มาแล้วจะคุยเลยไหม เผื่อจะใช้เวลาระหว่างนี้ปรับแก้และทำให้งานเร็วขึ้นได้”
“พี่วีทำงานเร็วจัง” เธอทำตาโต
“พี่มีแรงงานชั้นดี” วีรากรพยักพเยิดไปทางเพื่อนสนิทแบบหน้าตาย อาชวินกลอกตา ขณะที่หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมา
“งั้นเดี๋ยวปีย่าหาที่รอแถวนี้แล้วกัน กำลังหิวเลย”
“น้องปีย่าจะไปร้านอาหารใช่ไหม พี่ไปด้วยเลยก็ได้”
“อ้าว แล้ว…” ปริยากรเหลือบมองจิรวดี
“วินอยู่” วีรากรบุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนสนิทอีกรอบ
“ยังไงพี่ต้องเป็นคนทำงานให้คุณจ๋าอยู่แล้วครับ วีโดนน้องปีย่าจองตัวยาวไปแล้วนี่” อาชวินบอกแล้วหันไปยิ้มกับจิรวดี
ปริยากรสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าแม้จิรวดีจะส่งยิ้มตอบกลับให้สถาปนิกหนุ่ม ทว่าดวงตาของอีกฝ่ายกลับดูไม่ค่อยรื่นรมย์นัก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่อีกฝ่ายเดินทางมาถึงออฟฟิศใหม่ของ Archwin วันนี้มีจุดประสงค์แอบแฝงหรือเปล่า
“วันนี้จ๋ามาคุยกับพี่ๆ เขาเรื่องคาเฟ่ใหม่เหรอ” พอส่งถุงขนมให้วีรากรเดินถือขึ้นไปข้างบนแล้ว ปริยากรก็เดินไปหย่อนกายนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวที่สถาปนิกหนุ่มครอบครองก่อนหน้านี้
“อืม”
“รอไปเที่ยวเลย งานพี่วินดีแน่ๆ อยู่แล้ว” ลูกสาวของบันลือพูดน้ำเสียงร่าเริง “เอ้อ ขอโทษด้วยนะที่มาขัดจังหวะการคุยงาน”
“จะทำไงได้ล่ะ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่เหรอ” จิรวดียกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“อืม ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เจอใครด้วยซ้ำ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นโชคดีเจอทั้งคู่เลย” ปริยากรหันไปยิ้มให้อาชวินบ้าง “ถ้ายังไงขอยืมตัวพี่วีสักพักนะคะพี่วิน เดี๋ยวจะรีบปล่อยกลับมาช่วยงานพี่วิน”
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ตามสบายเถอะ ตอนนี้วีเป็นของน้องปีย่าแล้ว อีกอย่างหมอนั่นก็เต็มใจแหละ พี่แน่ใจ”
หญิงสาวมองรอยยิ้มแฝงความนัยของสถาปนิกหนุ่มแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป เธอแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องรู้จุดประสงค์แอบแฝงของจิรวดี พอเธอโผล่มาได้จังหวะแถมทำท่าว่าจะให้ความร่วมมือดี เขาก็รับโอกาสนี้ไว้แบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย
แต่เอาเถอะ เรื่องนี้จะโทษอาชวินก็คงไม่ได้ในเมื่อเธอเองก็คันมือคันไม้ตั้งแต่ตอนอยู่เขาใหญ่เสียด้วย
“น้องปีย่า พี่พร้อมแล้วครับ” วีรากรเดินกลับลงมาจากชั้นบนอีกรอบ คราวนี้มีข้าวของติดมือเพิ่มมาด้วย
“โอเคค่ะ” หญิงสาวฉวยกระเป๋าสะพายลุกขึ้นทันใด “งั้นปีย่าขอตัวเลยนะทั้งสองคน…พี่วีมีร้านแนะนำไหมคะ”
ประโยคหลังเธอหันไปพูดกับวีรากร…นี่ถ้าเขาเป็นพวกรุ่นพี่ที่เธอสนิทล่ะก็ ป่านนี้เธอคล้องแขนเขาเป็นอย่างน้อยแล้วแน่นอน แต่ก็นั่นแหละ เธอแค่จะก่อกวนจิรวดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้อยากหาศัตรูเพิ่ม
“น้องปีย่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
อาชวินได้ยินคำตอบไม่ชัดนัก เพราะปริยากรพูดหงุงหงิง ผิดจากปกติที่เธอมักจะพูดเต็มเสียงด้วยความสดใสมั่นใจ เขาเหลือบมองจิรวดีที่ยังคงจ้องตามสองหนุ่มสาว มุมปากยกเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะส่งเสียงออกไป
“เรามาคุยกันต่อเถอะครับ”
อย่างน้อยดูเหมือนว่าวีรากรจะไม่อึดอัดหรือลำบากที่ต้องทำงานกับปริยากรล่ะนะ