LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 4
ปริยากรเลือกคาเฟ่เล็กๆ แห่งหนึ่ง จากนั้นก็สั่งของกินเล่นมาสองสามอย่าง เพราะความจริงแล้วเธอไม่ได้หิวอย่างที่ออกปากไว้สักนิด แค่พูดไปตามบทบาทที่ควรจะเป็นเท่านั้น
“เอาล่ะ ก่อนอื่น…จุดประสงค์จริงๆ ที่ปีย่าแวะมาเผื่อเจอพี่วีเพราะมีเรื่องอยากคุยค่ะ เกี่ยวกับตะวัน”
“ตะวัน?”
สถาปนิกหนุ่มมีทีท่างุนงงในทีแรก กระทั่งผ่านไปอึดใจจึงทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หญิงสาวเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะนั่นแปลว่าเขาลืมตะวันไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“ขอเท้าความก่อนนะคะ ปีย่ากับตะวันรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน ตะวันเป็นพวกหมาหยอกไก่ไปเรื่อย ปีย่ารำคาญนิดหน่อยแหละ แต่ก็คบเขาเป็นเพื่อนมาเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลด้านคอนเน็กชั่น และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้จีบปีย่าจริงจัง ปัญหาคือช่วงหลังๆ ตะวันดันนึกสนุกมาวอแวกับปีย่า เมื่อคืนวันงานเลี้ยงปีย่าเห็นว่าตะวันน่าจะไม่ถูกชะตากับพี่วีเท่าไหร่ ปีย่าเลยอยากมาบอกเอาไว้ว่าถ้าเกิดปัญหาอะไรกับ Archwin แบบแปลกๆ หรือเป็นไปได้ว่ามันอาจเกี่ยวกับตะวัน พี่วีบอกปีย่าได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”
“น้องปีย่าเชื่อว่าเขาจะเล่นงานพี่เพราะเข้าใจว่าเราสนิทกันใช่ไหม” วีรากรสบตากับอีกฝ่าย ตระหนักดีว่าคืนนั้นเธอใช้เขาเป็นไม้กันหมากลายๆ ทว่าตอนนี้เขาเองก็ใช้ประโยชน์จากเธออยู่บ้างเหมือนกัน
“อันที่จริงตะวันก็ไม่เคยมายุ่มย่ามกับผู้ชายคนอื่นที่อยู่รอบตัวปีย่านะ” สาวสวยวางแขนพาดลงบนโต๊ะคล้ายท่ากอดอก บนดวงหน้าปรากฏรอยยิ้มหวานหยด “แต่ใครจะไปรู้เนอะ ตะวันอาจหมั่นไส้พี่วีเป็นกรณีพิเศษก็ได้ แบบว่าหมั่นไส้ที่พี่วีหล่อกว่าอะไรงี้…ไม่รู้สิ ปีย่าว่าวันนั้นตะวันดูแปลกๆ กับพี่วีอยู่ คิดไปคิดมาปีย่าเลยอยากมาบอกพี่วีเผื่อไว้ กันไว้ดีกว่าแก้น่ะค่ะ มีเรื่องคราวปินกับพี่วินเป็นตัวอย่างมาแล้วด้วย”
ชายหนุ่มมองดวงหน้าสวยอีกครู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับ เดาว่าปริยากรจะต้องรู้เรื่องสมัยมหาวิทยาลัยบ้างไม่มากก็น้อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณที่เธอมาพูดตรงๆ แบบนี้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับตะวันจริงๆ เขาจะได้ขอความช่วยเหลือจากเธอแบบไม่ต้องเกรงใจ
“ขอบคุณมากครับ”
“อันที่จริง…คืนนั้นปีย่าตั้งใจหาเรื่องให้พี่วีอยู่ด้วยกันต่อเพราะกำลังรำคาญตะวัน แต่พอหลังจากคืนนั้นปีย่าก็รู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยและเห็นแก่ตัวไปหน่อย มันเสี่ยงจะทำให้ตะวันเขม่นพี่วี ดังนั้นมันเลยเป็นความรับผิดชอบของปีย่า และปีย่าต้องขอโทษพี่วีด้วยนะคะ ต่อไปปีย่าจะระวัง”
หญิงสาวไม่พูดเปล่าทว่ายกสองมือประนมไหว้ขอโทษด้วย วีรากรนึกไม่ถึง รีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกอึดใจกว่าจะตั้งตัวติด
“ถ้าเป็นปกติทั่วไป ต่อให้น้องปีย่าทำแบบนี้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกครับ ถ้ามันมีปัญหาคนผิดก็ไม่ใช่น้องปีย่าอยู่ดี เหมือนคราวเรื่องของวินกับน้องปิน คนผิดก็ไม่ใช่น้องปิน”
“ขอบคุณนะคะที่ไม่ถือโทษโกรธกัน” ปริยากรฉีกยิ้ม
วีรากรใช้เวลาหลังจากนั้นในการนำเสนอความคืบหน้าของงานให้หญิงสาว เธอฟังไปกินไป ขณะเดียวกันหลายคำถามที่ส่งกลับมาหาเขาบ่งบอกว่าช่วงที่ผ่านมาเธอกลับไปทำการบ้าน หาข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างหมู่บ้านเพิ่มเติม หลังจากที่คราวก่อนเธอยังงุนงงในบางเรื่องจนต้องพึ่งพาให้เขาอธิบาย ถือว่าน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาเขาเจอผู้บริหารที่ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่จะทำบ่อยขนาดไหน ทำเอาพนักงานระดับปฏิบัติการรวมถึงเพื่อนร่วมงานอย่างเขาปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่เนืองๆ
“ขอปีย่าดูให้ละเอียดๆ แป๊บนึงนะคะ”
“ตามสบายเลยครับ” สถาปนิกหนุ่มยกแก้วน้ำมาจิบ จากนั้นก็ทิ้งแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้เงียบๆ เฝ้าดูคนที่เคี้ยวของว่างตุ้ยๆ ไปลากนิ้วดูภาพบนหน้าจอไป เรื่องที่เธอดูเอาการเอางานนั้นเขาเห็นมาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ทว่าการที่เธอขอโทษเขาอย่างตรงไปตรงมา กระทั่งถึงขั้นยกมือไหว้ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เกินคาดอย่างแท้จริง
วีรากรเคยคิดอยู่หรอกว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิทของปภาวรินท์นิสัยก็น่าจะไปทางเดียวกันไม่มากก็น้อย ปรากฏว่าเป็นไปตามนั้น เธอนิสัยดีและไม่มีวี่แววของ ‘ลูกคุณหนู’ แบบที่เขามักจะรำคาญ พูดง่ายๆ คือต้องบอกว่าเธอน่ารักกว่าที่คิดมากนั่นแหละ
“พี่วีคะ ตรงนี้ถ้าปรับสักนิดได้ไหมคะ จะส่งผลถึงพวกเรื่องกฎหมายไหม”
ชายหนุ่มยื่นหน้าไปดูบนหน้าจอที่อีกฝ่ายเลื่อนมาให้ ครั้นเห็นจุดที่เธออยากแก้ก็พยักหน้ารับ
“ถ้าตรงนี้แก้ได้ครับ ไม่ได้มีกฎหมายกำกับไว้ น้องปีย่าอยากแก้อะไร”
หญิงสาวอธิบายสั้นๆ แต่ชัดเจน เขาจึงสามารถตอบรับและหยิบปากกาขึ้นมาจดโน้ตได้ทันที
“ขอบคุณค่ะ คุยงานกับพี่วีนี่สบายจัง”
ริมฝีปากที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีสวยคลี่ตัวเป็นรอยยิ้มสดใสส่งให้ และมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มตามก่อนจะทันรู้ตัวเสียอีก…ทำงานกับลูกค้าน่ารักมันก็ดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ
“ไง วันนี้กลับเร็วนี่”
ทรงพลส่งเสียงทักเมื่อเห็นลูกชายก้าวเข้าสู่ตัวบ้าน วีรากรหอบอุปกรณ์การทำงานกลับมาด้วยเต็มสองมือ เขาเลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนจะเลี้ยวไปยังชุดรับแขก
“เมื่อเย็นผมออกไปคุยงานกับลูกค้าน่ะ พอเสร็จก็กลับเลย” ชายหนุ่มหย่อนข้าวของในมือลงบนโซฟา “อ้อ มีขนมไข่ที่พ่อชอบด้วย…”
“หืม นี่แกซื้อของฝากมาให้พ่อด้วยเรอะ” ผู้เป็นพ่อทำท่าไม่เชื่อขณะมองถุงขนมไข่ที่อีกฝ่ายยื่นให้
“เปล่า มีคนให้มา…น้องปีย่าแวะมาที่บริษัทแล้วซื้อมาฝาก เห็นเป็นขนมไข่ที่พ่อชอบผมเลยแบ่งกลับมาด้วย”
“ว่าแล้วเชียว พ่อก็ตกใจหมด” ทรงพลหัวเราะขณะเปิดถุงดู แต่แล้วก็ทำท่านึกขึ้นได้ “แกดูสนิทกับลูกสาวคุณบันลือดีนะ”
“เขาเป็นเพื่อนน้องปิน” วีรากรหยุดนิดหนึ่ง “…เป็นเด็กดีด้วยนั่นแหละ ตอนแรกคิดว่าอาจทำงานด้วยลำบากกว่านี้ แต่เอาเข้าจริงก็ดีกว่าที่คิด”
“งั้นก็ดีแล้ว เห็นตอนแรกแกทำท่าเหมือนไม่ค่อยเต็มใจทำงานนี้เท่าไหร่ แกชอบเขาก็ดีแล้ว…โฮ่ หนูเขาซื้อขนมไข่ร้านดังมาด้วย ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ”
คนเป็นลูกชายสะดุดหูกับประโยค ‘แกชอบเขาก็ดีแล้ว’ ทว่าพอหันไปพ่อก็เปลี่ยนเรื่องเสียแล้ว ครั้นเห็นอีกฝ่ายเริ่มแกะขนมไข่กิน ท่าทางถูกอกถูกใจ เขาจึงเปลี่ยนไปคุยอีกเรื่อง
“พ่อตามเรื่องครอบครัวน้องปีย่าไปถึงไหนแล้ว”
“มีข้อมูลใหม่มาเรื่อยๆ แต่ข้อมูลพื้นฐานก็ได้มาจากทางคุณบันลือ เขาไม่ไว้ใจใครสักคนจริงๆ นั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นญาติสนิทแค่ไหนก็เถอะ”
“คงว่าไม่ได้ ในเมื่อพ่อก็เช็กแล้วว่าดูเหมือนจะมีคนพยายามทำร้ายน้องปีย่าจริงๆ”
“นั่นสิ” ทรงพลถอนหายใจออกมา
เขาหาข้อมูลจากเครือข่ายเส้นสายที่มี กระทั่งได้รับการยืนยันว่าบันลือไม่ได้หวาดระแวงเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวไปเอง แม้ยากจะระบุว่าอีกฝ่ายเป็นคนใกล้ตัวจริงไหม แต่ในเมื่อพ่อของปริยากรเองยังสงสัยทุกคนรวมไปถึงเครือญาติ เขาเองก็คงต้องยึดตามนั้น
“แล้วในข้อมูลใหม่นั่นมีอะไรน่าสนใจบ้างไหม”
“น้าชายของหนูเขา คนที่แกเคยเจอน่ะ เท่าที่เช็กประวัตินี่เขาผลาญเงินไปกับการทำธุรกิจแล้วเจ๊งเยอะมาก แถมล่าสุดก็ทำท่าจะไปลงทุนกับธุรกิจแปลกๆ อีกแล้ว”
“ถ้าน้องปีย่าไม่อยู่ เขามีสิทธิ์ได้รับมรดกใช่ไหม” วีรากรทำท่าครุ่นคิด เรื่องเงินๆ ทองๆ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุพื้นฐานของความบาดหมางสำหรับคนทุกกลุ่ม อย่าว่าแต่ญาติสนิท ต่อให้เป็นพ่อแม่พี่น้องหรือฝาแฝดก็ฆ่ากันได้เพราะเหตุนี้
“นั่นขึ้นอยู่กับคุณบันลือ…แต่สำหรับนายฉัตรชัยคนนี้คุณบันลือเขาออกปากเองว่าที่ยังพัวพันกันอยู่เพราะคำสั่งเสียของภรรยา มันยังไม่มีอะไรบ่งชี้หรอกว่าเขาคิดร้ายกับหลานสาว แต่ยังไงก็ต้องจับตาดูเอาไว้นั่นแหละ” ทรงพลสรุป “เออ แล้วแกจะขึ้นไปเขาใหญ่กับหนูปีย่าอีกทีเมื่อไหร่”
“วันศุกร์นี้ ค้างคืนนึง วันอาทิตย์น้องปีย่าต้องไปงานเลี้ยง” ช่วงเริ่มโครงการมีเรื่องให้เจ้าของต้องตัดสินใจหลายอย่าง ยิ่งเป็นโครงการที่ดำเนินไปในขั้นตอนไม่ค่อยปกติแบบนี้ด้วย ทว่าหลังจากนี้น่าจะหาข้ออ้างเพื่อให้ปริยากรไปเขาใหญ่ยากขึ้น…แต่นั่นก็อีกพักใหญ่ เอาไว้ค่อยคิดหาทางแก้ไขอีกที
“เดี๋ยวพ่อไปด้วย”
คำพูดของทรงพลทำเอาความคิดของลูกชายสะดุดทันใด ใบหน้าหล่อเหลาหันขวับไปทันที
“พ่อต้องไปดูพื้นที่ตรงนั้นด้วยตัวเอง อีกอย่างให้หนูปีย่ารู้จักพ่อไว้ในฐานะพ่อของแกด้วยก็น่าจะดี เผื่อวันไหนแกไม่อยู่”
วีรากรเข้าใจเหตุผลแรก ทว่าไม่ค่อยแน่ใจนักสำหรับเหตุผลหลัง…แต่เมื่อเหตุผลแรกดีพอเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะโต้แย้งนอกจาก…
“พ่อหาเหตุผลไปอธิบายกับน้องปีย่าเองแล้วกันว่าทำไมถึงติดสอยห้อยตามไปด้วย ผมขี้เกียจคิด”
“เออ แกนี่จริงๆ เลย หาเหตุผลเก่งแค่ตอนจะช่วยวินเท่านั้นแหละ” ทรงพลส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ปากกัดขนมไข่ไปพร้อมกัน “อย่างแกนี่ใครได้เป็นแฟนก็สบายไปตลอดชาติ ไม่ต้องระแวงเลยว่าจะโดนโกหก ปัญหาคือทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาแกเป็นแฟนสักทีวะ”
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องหาเหตุผลเก่ง” ชายหนุ่มลุกขึ้น รวบรวมข้าวของที่กองอยู่บนโซฟาอีกหน
“อย่างน้อยแกก็ควรหาแฟนนะ”
“เอาน่า ตอนนี้ไอ้วินก็มีน้องปินแล้วไง”
ทรงพลมองลูกชายที่เดินหอบข้าวของขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอีกรอบด้วยความเหนื่อยหน่ายใจสุดแสน…พูดเรื่องแฟนทีไรวีรากรต้องหนีทุกทีสิน่า ไม่รู้จะโสดจนโลกแตกเลยหรือไง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 15 มี.ค. 65 เวลา 12.00 น.