อ้าว…
ปริยากรชะงักเท้าเมื่อเปิดประตูเข้าสู่บ้านซึ่งใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ตอนกลับมาถึงที่ดินแดดกำลังแรง บวกกับเธอยังมีงานของบริษัทที่ต้องจัดการ หญิงสาวเลยขอผัดการคุยงานออกไป เธอบอกกับเขาว่าขอให้ความอบอ้าวลดน้อยถอยลงสักนิดก่อน ซึ่งวีรากรเองก็เห็นดีด้วย เขาบอกจะนั่งเล่นรอในห้องกลาง เธอเลยแวบไปนั่งตอบอีเมลในบ้านของตัวเองเพราะอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันทำงาน แต่รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว อากาศด้านนอกยังร้อนอยู่แต่แดดร่มลงเยอะแล้วเนื่องจากมีเมฆ เธอจึงกลับมาหาชายหนุ่ม แต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอเขานอนเหยียดยาวหลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่กินพื้นที่ครึ่งค่อนห้อง
หญิงสาวมองร่างบนโซฟาอย่างลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม่มีพนักเข้าชุดกัน จำได้ว่าเมื่อคืนเขานอนน้อย ดังนั้นปล่อยให้เขานอนต่ออีกสักหน่อยคงไม่เสียหาย…ดวงหน้าสวยหันมองไปรอบตัว คราวก่อนที่มาที่นี่มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นกว่านี้ บันลือบอกว่าให้ใช้งบประมาณซื้อข้าวของได้เต็มที่ เนื่องจากอย่างไรเธอก็คงต้องวนเวียนมาพำนักที่นี่หลายเดือนหรืออาจเป็นปี แต่เธอไม่อยากสิ้นเปลือง วีรากรเลยเสนอว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์มือสองสภาพดีมาให้ ปริยากรวางใจให้เขาจัดการ ซึ่งปรากฏว่าผลออกมาไม่เลวเลย โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเพิ่งผ่านมาแค่สัปดาห์เดียว แถมเท่าที่เห็นตัวเลขก็อยู่ในเรตที่รับได้ด้วย
แล้วไหนจะเรื่องที่วีรากรดูยุ่งมากอีก…ปริยากรหันกลับมามองคนหลับ ความสงสัยผุดขึ้นมาในใจอย่างช่วยไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างไหมที่เขาทำไม่ได้ แล้วที่โกงแบบสุดๆ ก็คือเขาหล่อด้วยนี่สิ
อืม แต่หน้าตาตอนหลับดูเด็กกว่าตอนตื่นแฮะ…ว่าแต่ทั้งหล่อ เก่ง นิสัยเท่าที่รู้จักกันก็ออกจะดี ทำไมยังโสดมาถึงป่านนี้ได้ล่ะเนี่ย จะว่าไปก็ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงสนใจเขา จิรวดีนั่นก็คนหนึ่งแล้ว พูดตามตรงอีกฝ่ายโพรไฟล์ดีมากด้วย ทว่าเขากลับไม่มีทีท่าสนใจสักนิด
หรือว่าเขาจะมีความหลังฝังใจที่ไม่ดีเกี่ยวกับความรัก…
หญิงสาวนั่งเท้าคางเอียงคอพินิจวีรากรด้วยความสงสัย กระทั่งรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ใกล้ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบทรงพลยืนลูบคางอยู่โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาชายสูงวัยจับจ้องอยู่ที่ลูกชายคล้ายกำลังครุ่นคิด แล้วจู่ๆ เขาก็หันขวับหันมาฉีกยิ้มถาม
“กำลังคิดว่าจะเล่นงานเจ้าวียังไงดีเหรอ”
“เอ๊ะ” ทีแรกปริยากรงงกับคำถาม แต่พอสมองเรียบเรียงตีความให้เรียบร้อยแล้วก็รีบส่ายหน้าหวือ “ไม่ใช่ค่ะ คือ…ปีย่านัดพี่วีไว้ แต่มาเจอว่าพี่วีหลับอยู่”
“ถ่ายรูปไว้แบล็กเมล์ได้นะ”
หญิงสาวอ้าปากหวอ ขณะที่ทรงพลหัวเราะร่า เธอทั้งมึนทั้งตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ตอนคนบนโซฟาขยับตัว
“พ่อเสียงดังอีกแล้ว” ในกระแสเสียงของชายหนุ่มเจือไว้ด้วยแววรำคาญ
“ไม่ดังแล้วแกจะตื่นเรอะ หนูปีย่ามานั่งรอตั้งนานแล้ว”
“อ้าว” วีรากรตะแคงศีรษะไปมองสาวสวยทันใด “อ้อ จริงด้วย พี่เผลอหลับไป โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ ปีย่าก็เพิ่งมาไม่นาน…” เธอรีบโบกมือ
“วันหลังปลุกเจ้าวีเลยก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ทรงพลบอก
“อืม วันหลังปลุกพี่ได้เลย” สถาปนิกหนุ่มยันตัวขึ้นมานั่ง มือใหญ่เสยผมแรงๆ สองสามทีแล้วตามด้วยการปิดปากหาวอีกวอด
“ถ้าพี่วียังง่วงจะงีบต่ออีกนิดก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร พี่ตื่นแล้ว” ชายหนุ่มผินหน้าออกไปมองด้านนอกบ้าน “แดดร่มแล้วด้วย ถ้าเสร็จงานวันนี้พรุ่งนี้ก็จะตื่นสายได้…ขอพี่ไปล้างหน้าล้างตาแป๊บเดียว”
ปริยากรไม่คัดค้านอีก เธอเพียงนั่งมองวีรากรลุกเดินไปยังห้องน้ำ กระทั่งประตูปิดลงแล้วหันกลับมาเธอก็ต้องสะดุ้งอีกรอบด้วยพบสายตาของทรงพลกำลังจ้องมา พอได้สบตากันอีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มส่งมาให้
“เย็นนี้หนูอยากกินอะไร ตอนนี้ว่างๆ เดี๋ยวลุงขับรถออกไปซื้อให้เอง…ตอนแรกก็ลืมซื้อมาตั้งแต่เมื่อกลางวันนะ”
“เอ้อ ปีย่าเอาของสดมาด้วยค่ะ กะว่าจะทำอาหารง่ายๆ กิน”
“หืม หนูจะทำมื้อเย็นเองเหรอ” ทรงพลเลิกคิ้ว ท่าทางประหลาดใจ
“ตั้งใจไว้อย่างนั้นค่ะ เพราะเห็นที่นี่อยู่ไกล…ไม่รู้จะคุยงานเสร็จกี่โมง แต่ถึงไม่มีเวลาก็น่าจะพอทำอาหารง่ายๆ อย่างข้าวผัดหรือผัดกะเพราได้” หญิงสาวหยุดนิดหนึ่งแล้วทำท่านึกขึ้นได้ “แต่ถ้าคุณลุงจะออกไปซื้ออาหาร เดี๋ยวปีย่ากินกับคุณลุงได้ค่ะ”
“โอ๊ย ลุงกินได้ ไข่เจียวไข่ดาวฟองเดียวก็กินได้ ไม่มีปัญหา” พ่อของวีรากรโบกไม้โบกมือ “เจ้าวีก็เหมือนกัน พวกเรากินง่ายอยู่ง่าย ตอนแรกลุงเสนอเพราะกลัวว่าจะไม่มีอะไรกินเท่านั้นแหละ ถ้าเป็นแบบนี้ก็วานหนูปีย่าหน่อยแล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ ยังไงขอดูเวลาก่อน ถ้ากลับมาเร็วปีย่าจะพยายามทำอะไรที่สิ้นคิดน้อยกว่าข้าวผัดหรือผัดกะเพราให้”
ทรงพลมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าสวยแล้วส่งยิ้มตอบกลับไป ก่อนที่เขาจะเหลือบมองลูกชายซึ่งเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำในสภาพผมเผ้าเปียกชื้น วีรากรส่งสายตาสงสัยมา แต่ผู้เป็นพ่อก็เพียงส่งรอยยิ้มกวนๆ กลับไปให้
คิดถูกจริงๆ ที่อาทิตย์นี้ตามมาด้วย…