LOVE
ทดลองอ่าน วีรปริยา บทที่ 5
ปริยากรเดินวนไปมาในบ้านพักของตัวเอง ดวงตาสอดส่ายมองหาโทรศัพท์มือถือคู่ใจไปทั่ว แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งเธอเลยเปิดประตูเดินกลับไปยังบ้านหลังกลาง ปรากฏว่าได้เจอร่างสูงของวีรากรยืนอยู่หน้าอ่างล้างจานตรงครัว เขารับรู้ถึงการมาของเธออย่างรวดเร็ว ครั้นได้สบตากันเขาก็เลิกคิ้ว
“น้องปีย่าจะเอาอะไรหรือเปล่า”
“กำลังตามหามือถือน่ะค่ะ เจอพี่วีก็ดีเลย วานพี่วีโทรเข้าเครื่องปีย่าหน่อยได้ไหม”
“มือถือ…” ใบหน้าหล่อเหลาผินไปทางชุดโซฟา จากนั้นก็พยักพเยิดไป “เครื่องที่วางอยู่ข้างเครื่องพี่ใช่ไหม”
หญิงสาวหันมองตาม จากนั้นก็ทำตาโต ถลาไปหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองทันที
“โอ๊ย ปีย่าวางไว้ตั้งแต่ก่อนกินข้าวแน่เลย มิน่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน”
“ตอนแรกพี่เห็นผ่านๆ นึกว่าพ่อพี่วางไว้ ไม่งั้นคงเอาไปให้น้องปีย่าแล้ว” วีรากรวางจานลงบนตะแกรงพักจาน จากนั้นเขาก็หันไปฉวยผ้ามาเช็ดคราบน้ำที่กระเด็นจากตอนล้างจาน
“พี่วีดูโปรด้านล้างจานจริงๆ ด้วย” ปริยากรอดกระเซ้าไม่ได้
เมื่อเย็นนี้พอกลับจากการไปดูที่ดินและคุยงานกับชายหนุ่ม เธอก็มาทำมื้อเย็นตามที่ลั่นวาจาไว้ สถาปนิกหนุ่มแปลกใจมากทีเดียว ตอนแรกเขาจะมาช่วยเธอด้วย แต่พอได้คุยกันแล้วรู้ว่าเธอเกลียดการเก็บล้าง เขาเลยบอกว่าจะล้างถ้วยโถโอชามทั้งหมดให้เองเพราะตอนอยู่บ้านก็รับหน้าที่นี้มาแต่ไหนแต่ไร เป็นอันว่าตกลงแบ่งหน้าที่กันได้ลงตัว
“ขอบคุณอีกทีที่อุตส่าห์ทำมื้อเย็นให้พวกพี่กินนะ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันด้วย”
“ถ้าพรุ่งนี้เช้าพี่วียังล้างจานได้ เดี๋ยวปีย่าทำมื้อเช้าให้อีกก็ได้นะ…อเมริกันเบรกฟาสต์ได้ไหมคะ หรืออยากกินอะไรอย่างอื่น ถ้าไม่ยากและมีวัตถุดิบพอ ปีย่าน่าจะทำให้ได้”
“เอาที่น้องปีย่าสะดวกเลยครับ พี่กับพ่อกินได้หมดแหละ” มุมปากของชายหนุ่มยกเป็นรอยยิ้มกับท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย เธอเล่าว่าบันลือชอบให้ทำอาหารให้กิน นัยว่าเป็นกิจกรรมในครอบครัว แต่ใครจะไปนึกว่าเธอจะมาทำอาหารให้เขากับทรงพลกินด้วย “จริงสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว น้องปีย่าพอจะมีเวลาสักนิดไหม พี่อยากชวนออกไปดูข้างนอกด้วยกันหน่อย”
“ข้างนอก? ตอนนี้เหรอคะ” ปริยากรมองคนถามแบบงงๆ เพราะตอนนี้ข้างนอกนั่นยังแทบไม่มีอะไรเลย พื้นที่ซึ่งจะสร้างบ้านพักตากอากาศของเธออยู่ไกลออกไป ซ้ำกลางป่าเขาแบบนี้มันก็มืดมากเสียด้วย
“ครับ แค่ข้างหน้าบ้านพักนี่แหละ”
ครั้นได้ยินอย่างนั้นสาวสวยก็พยักหน้ารับแม้จะยังไม่เข้าใจนัก จากนั้นเธอก็ก้าวตามร่างสูงออกไปด้านนอก…บ้านสำเร็จรูปทุกหลังที่สั่งมามีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด ด้านหน้าของทุกหลังเป็นเฉลียง เมื่อนำบ้านมาตั้งเรียงจึงกลายเป็นทางเดินยาวเชื่อมต่อกัน อากาศด้านนอกร้อนอ้าวแต่ก็มีลมพัดอยู่บ้างทำให้ไม่แย่นัก ปริยากรหันมองไปรอบตัว แต่ไม่พบอะไรนอกจากความมืด มีจุดแสงขนาดเล็กอยู่ไกลๆ ซึ่งคงเป็นแสงไฟจากแคมป์คนงานก่อสร้าง
“ดูบนท้องฟ้าสิ” วีรากรบุ้ยใบ้ไปด้านบน เธอเลยเงยหน้ามองตามก่อนจะร้องออกมา
“โห วันนี้ดาวสวยจัง”
“วันนี้ฟ้าเปิด พี่เลยอยากให้น้องปีย่ามาดูดาวสักหน่อยน่ะ ตรงนี้ยังไม่ค่อยมีแสงอื่นรบกวน ต่อไปถ้าสร้างหมู่บ้านแล้วอาจไม่ได้เห็นดาวชัดขนาดนี้ก็ได้” เขาอธิบายเสียงเรียบเรื่อย สองแขนยกขึ้นกอดอกขณะทิ้งน้ำหนักพิงเสาเหล็กของเฉลียง
“มิน่าเมื่อเย็นพี่วีถึงถามปีย่าว่าอยากทำศาลาบนเนินสูงไว้ดูดาวไหม”
“มีท้องฟ้าแบบนี้ น่าเสียดายนะถ้าไม่มีที่เหมาะๆ ไว้ชื่นชมมัน”
“ปีย่าโชคดีที่ได้พี่วีมาเป็นสถาปนิกให้ พี่วีใส่ใจรายละเอียดตลอดเลย” ปริยากรหันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม “ยังไงพี่วีลุยได้เต็มที่เลยนะคะ ปีย่าเชื่อใจพี่วี”
“ขอบคุณครับ ต้องขอบคุณทางน้องปีย่าด้วยที่ช่วยให้พี่ทำงานง่ายมาก” สถาปนิกหนุ่มผินหน้ากลับไปส่งยิ้มตอบกลับ…นอกจากหญิงสาวจะเป็นลูกค้าที่คุยง่ายและไม่เรื่องมากแล้ว เธอยังดูแลให้คนของเธอทำวิจัยเกี่ยวกับตลาดหมู่บ้านแถบเขาใหญ่ไว้ชัดเจนครบถ้วน ที่สำคัญคือสามารถส่งข้อมูลมาให้เขาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังกำชับฝ่ายประสานงานให้คอยติดต่อกับเขา นั่นทำให้การพัฒนาแบบบ้านที่จะสร้างขายเป็นไปอย่างราบรื่น
“ปีย่าไม่อยากเป็นภาระของพี่วี เพราะตอนเริ่มงานคุณพ่อก็โยนโครงการนี้ใส่ ปีย่าแทบไม่รู้อะไรเลย จนถึงตอนนี้ปีย่ายังงงๆ ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ไง” เธอหัวเราะน้อยๆ
วีรากรมองหญิงสาวซึ่งเวลานี้อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นแค่เข่า เป็นธรรมดาที่เธอจะยังติดใจกับความแปลกประหลาดของโครงการนี้ แต่ก็นั่นแหละ เมื่อเป็นบัญชาของบันลือเธอก็ต้องทำตาม ความสงสัยต่างๆ กลายเป็นเรื่องรอง ทว่ามันคงไม่เลือนหายไปเฉยๆ แน่ ซึ่งเขาก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เธอต้องยกความสงสัยกลับมาเป็นเรื่องหลัก
แมลงบินโฉบไปมาอยู่เหนือศีรษะของปริยากร ชายหนุ่มเห็นแล้วก็อดยื่นมือไปปัดไล่มันไม่ได้ เธอช้อนสายตาขึ้นมามองคล้ายจะถาม
“อยู่ในป่าแบบนี้แมลงเยอะ อาจจะมียุงด้วยก็ได้ พี่ได้ยินพวกคนงานบ่นว่ายุงที่นี่ดุ ยังไงน้องปีย่าเข้าบ้านก่อนดีกว่า”
“จริงด้วย…” หญิงสาวพึมพำ จากนั้นก็หมุนกายกลับเข้าไปยังบ้านพักของตนเองอย่างรวดเร็ว
วีรากรมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วหันกลับไปยังบ้านหลังกลาง ตั้งใจว่าจะไปเก็บข้าวของปิดไฟ ทว่าขณะที่กำลังเดินวนเช็กความเรียบร้อยภายในบ้านอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกหน
“ปีย่าเอาสเปรย์กันแมลงมาด้วย กะว่าจะเอามาทิ้งไว้ที่นี่ วันนี้ปีย่าลืมเอาให้พี่วี”
“ขอบคุณครับ” เขารับสเปรย์มา ทว่าดวงตายังจับจ้องใบหน้าสวย…เธอทำให้เขาแปลกใจได้ไม่หยุดจริงๆ “เดี๋ยวพี่ทิ้งสเปรย์ไว้ในบ้านกลางแล้วกัน ทุกคนจะได้ใช้ได้”
“ดีเหมือนกันค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก “เอ้อ เดี๋ยวปีย่าปิดบ้านให้ก็ได้นะ พี่วีจะได้ไปพัก”
“ไม่เป็นไร พี่แค่กำลังเช็กพวกล็อกหน้าต่าง น้องปีย่าไปได้เลย…ถ้าตอนกลางคืนมีอะไรก็เรียกพี่ได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“โอเคค่ะ งั้นก็กู๊ดไนต์ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า” ปริยากรยกมือขึ้นโบกบ๊ายบาย