มู่ไคเวยเองก็หน้าซีดขาวเช่นเดียวกับเขา แต่ในความขาวนั้นปนเขียวคล้ำปนแดงก่ำ หน้าผากเต้นตุบราวกับถั่วผัดในหม้อร้อน โมโหศิษย์พี่ตนเองที่ความรู้สึกช้าและถูกหญิงสาวเอาใจจนเสียนิสัย
“ศิษย์พี่ ท่าน…ที่แท้ท่านโง่งมได้ถึงเพียงใดกัน! แต่ละเรื่องของท่านล้วนมีบิดาข้าเป็นแบบอย่าง เขาไม่ได้แต่งงานใหม่…เรื่องใหญ่เช่นการแต่งงานนี้ท่านก็จะเอาอย่างบิดาข้าหรือ” มู่ไคเวยเอ่ยเสียงต่ำอย่างข่มกลั้น มีความรู้สึกแค้นใจเหล็กที่มิอาจหลอมเป็นเหล็กกล้า*
เมิ่งอวิ๋นเจิงตกตะลึง อ้าปากแต่ไม่มีคำพูดใดออกมา เห็นได้ชัดว่าถูกแทงใจดำ
“เฮ่อ…” มู่ไคเวยระบายลมหายใจร้อนออกมาหนักๆ กุมมือจนนิ้วพันกันยุ่งเหยิง
จากนั้นนางก็คลายมือออกช้าๆ ลูบบ่าของบุรุษอย่างช้าๆ สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าวอีกว่า “ประสกท่านนี้ ข้าผู้เป็นศิษย์น้องไม่อาจช่วยท่านได้ ท่านต้องดูแลตนเอง โปรดถนอมตัวด้วย แต่เรื่องของแม่นางที่ขายโจ๊กในตรอกซงเซียง ผู้น้อยว่าผู้น้อยยังพอจะช่วยเหลือได้”
หมายความว่าอย่างไร
ลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นในใจ เมิ่งอวิ๋นเจิงหรี่ตามอง
มู่ไคเวยกล่าวอีกว่า “ในเมื่อศิษย์พี่บอกไปอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่ได้สนใจนาง เช่นนั้นก็ไม่ต้องยืนกรานแล้ว และหน่วยประตูหกบานของข้าก็มีแต่คนดีๆ ไฉนจึงไม่ให้ปุ๋ยดีไปตกที่นาคนอื่น* บ้างเล่า ระหว่างพวกเขากับแม่นางมีท่านจับจองหลุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย มิสู้แบ่งปุ๋ยเข้านาเขาบ้าง กลับไปข้าจะช่วยเป็นธุระผูกด้ายแดงให้ ดูว่าใครจะมีวาสนา ได้รับความชื่นชมจากแม่นาง”
เปรี้ยง…เมิ่งอวิ๋นเจิงรู้สึกเหมือนเบื้องหน้ามีสายฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยง สว่างจ้าจนสองตาเขาพร่ามัว ในหูดังลั่นอึงอล!
“เจ้ากล้า?” คำถามโกรธเกรี้ยวดุจสายอสนีบาต บนหน้าผากกว้างปรากฏเส้นเลือดดำ
ฉายา ‘อสุราหน้าหยกแห่งเมืองหลวง’ ไม่ได้ได้มาโดยบังเอิญ นางไม่กลัวเกรงความพิโรธดั่งสายฟ้าฟาด
“เหตุใดจะไม่กล้าเล่า” นางหัวเราะร่า “วาจาออกจากปาก สี่อาชายากตามทัน ต้องดูว่าศิษย์พี่จะตามทันหรือไม่”
พอเอ่ยคำพูดทิ้งท้าย มู่ไคเว่ยก็ก้าวเท้าวิ่ง ใช้วิชาตัวเบาอย่างคล่องแคล่วว่องไว แต่ก่อนจะออกวิ่งไปข้างหน้า ยังจงใจเล่นลูกไม้ นางใช้ฝ่ามือกดลงบนไหล่ของบุรุษโดยแรง หยิบยืมพลังมาใช้ เหินคราเดียวไปไกลหลายจั้ง แต่กลับกดหน้าแข้งของบุรุษให้จมลึกลงในแอ่งโคลน
สำหรับเมิ่งอวิ๋นเจิงแล้ว ศิษย์น้องป่าวประกาศความตั้งใจไว้ชัดเจนมาก ในเมื่อนางพูดออกมาเช่นนั้น นางก็จะทำให้ถึงที่สุด
แต่ว่าขอเพียงไล่ตามให้ทัน…ขอเพียงตามให้ทัน วาจาของนางเมื่อครู่นี้ เรื่องเช่น ‘เป็นธุระผูกด้ายแดง’ เหล่านั้น นางก็จะทำเหมือนไม่เคยกล่าวมาก่อน หักลบกลบล้างไป
จะปล่อยให้นางชนะได้ตัวแม่นางขายโจ๊กไปได้อย่างไรกันเล่า!
ต่อให้แม่นางผู้นั้นเป็นน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ก็ต้องไหลเข้านาดินโคลนอย่างเขา ไม่ว่าใครก็ห้ามแซงหน้าแม้แต่ก้าวเดียว!
เมิ่งอวิ๋นเจิงกู่ร้องคราหนึ่งและจ้องอย่างแน่วแน่ ฝ่ามือใหญ่ทุบลงบนดิน เรือนร่างสูงใหญ่พลันลุกขึ้นจากพื้น เหินขึ้นไปบนยอดไม้
ไม่ง่ายเลยกว่าเหตุการณ์วุ่นวายในป่าจะสงบลงได้ แล้ววิหคก็แตกตื่นส่งเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง