‘หนึ่งปีมีเทศกาลตักจันทร์เพียงหนเดียว เจ้าเอาแต่อุดอู้อยู่ในบ้านไม่ออกไปหาความสุข แต่คงไม่ห้ามโม่เอ๋อร์ไม่ให้ออกไปด้วยใช่หรือไม่ แต่จะว่าก็ว่าเถิด เจ้ายอมให้นางออกไป แล้วไม่ไปเสียเองนั่นจะได้อย่างไร’
วันนั้นโม่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างจ้องมองนาง ดวงตาที่สุกใสส่องประกายดูไร้เดียงสาและคาดหวังรอคอย เปี่ยมไปด้วยแวววิงวอนร้องขอ…เฮ่อ พ่ายแพ้ราบคาบ นางหักใจปฏิเสธไม่ลงจริงๆ สุดท้ายจึงตอบรับคำเชิญของท่านยายเฉียว ไปล่องเรือในทะเลสาบเยาเยวี่ย เข้าร่วมกิจกรรม ‘ตักจันทร์’ อันดีงาม
‘การตักจันทร์’ มีเรื่องที่กำหนดไว้โดยไม่มีลายลักษณ์อักษรประการหนึ่งก็คือกล่องไม้ที่ลอยอยู่บนผิวทะเลสาบเป็นของที่ให้สตรีไปเก็บขึ้นมา บุรุษก็สามารถไปร่วมล่องทะเลสาบด้วยได้ แต่หากไป ‘ตักจันทร์’ ตามอย่างสตรี ใครรู้เข้าก็จะถูกหัวเราะเยาะ
เจียงหุยเสวี่ยคิดในใจว่าโม่เอ๋อร์กับหนิวนิวอยู่กับปั้งโถว เด็กสาวทั้งสองย่อมต้องมีหน้าที่ ‘ตักจันทร์’ ส่วนนางกับท่านยายเฉียว…แม้ท่านยายเฉียวจะเป็นสตรี แต่ก็ไม่ใช่หญิงสาวแล้ว นางกลัวว่าหญิงชราจะไม่กล้าเอื้อมมือไปเก็บ จึงลงแรงเก็บเผื่อท่านยายเฉียวด้วย
กล่องไม้ที่ลอยอยู่รอบเรือยาวของพวกนาง นางไม่ปล่อยให้หลุดรอดแม้สักชิ้น ทั้งยังขอไม้พายด้ามยาวจากนายเรือมาทั้งตัก ทั้งยก ทั้งเกี่ยว และพาย ตั้งอกตั้งใจจนใบหน้าเล็กแดงระเรื่อ ดวงตาเป็นประกาย
เอ๊ะ มีคนใช้ไม้ถ่อเรือกวาดเอากล่องไม้ที่อยู่ไกลมาให้นาง
เจียงหุยเสวี่ยช้อนตาขึ้น เห็นเรือเล็กลำหนึ่งอยู่ไม่ไกล ผู้ที่ยืนอยู่บนหัวเรือและใช้ไม้ถ่อช่วยนาง เป็นบุรุษหนุ่มท่าทางเหมือนบัณฑิต กำลังส่งยิ้มบางๆ ให้นาง
“ขอบคุณคุณชาย” เพื่อตอบรับตามมารยาท นางก็ยิ้มให้เล็กน้อย
“ข้าน้อยหลัวอี้ซิน หลัวที่มีอักษรเหวย อี้ซินที่มาจากคำว่ารักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนแปลง พื้นเพเป็นคนเมืองหลวง อายุยี่สิบสาม ชอบอ่านหนังสือ ไม่มีนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ บ้านอาศัยอยู่ตรอกหย่งชุนแห่งเฉิงตง ชื่นชมในตัวแม่นาง” แล้วก็คารวะหนึ่งครา
…หา? เจียหุยเสวี่ยตะลึงงัน
เพราะเป็นครั้งแรกของการมา ‘ตักจันทร์’ ที่ทะเลสาบเยาเยวี่ย นางคิดว่าการทำเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เมื่อเรือในทะเลสาบพายมาเจอกัน ดูจากมารยาทหรือขนบธรรมเนียมแล้ว คนหนุ่มสาวจะบอกชื่อและพูดคุยกันก็เป็นเรื่องสมควร อย่างไร…อย่างไรเสียท่านยายเฉียวก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย แล้วยังเงยหน้าชมจันทร์ ก้มหน้าวักน้ำอย่างมีความสุข ไม่ได้มองมาทางนางแม้แต่ครั้งเดียว
ผนวกกับนางเปิดกิจการขายโจ๊กในตรอกซงเซียง คุ้นเคยกับการพบปะผู้คนตั้งนานแล้ว ท่ามกลางผู้คนมีการคบหาแลกเปลี่ยน ให้พูดคุยกับชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง สำหรับนางไม่ใช่เรื่องยากอะไร
นางขบริมฝีปาก กล่าวทักทายบัณฑิตเช่นกัน “ข้าน้อยเจียงหุยเสวี่ย อายุล่วงยี่สิบ เกิดที่เผ่าในชายแดนตะวันตก หนังสือตำราชั้นสูงเคยอ่านไม่มาก แต่ชอบอ่านหนังสือข้างทาง และ…และไม่มีนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ บ้านอาศัยอยู่ในตรอกซงเซียงแห่งเฉิงเป่ย…”
“ข้าน้อยทราบ ข้าน้อยทราบ” บัณฑิตหนุ่มฉีกยิ้มสว่างไสว
หืม…เขาทราบหรือ เจียงหุยเสวี่ยในใจสับสน แต่ก็ไม่ได้ถามมากความ หลังจากเช็ดกล่องไม้ที่บัณฑิตผู้นั้นกวาดมาให้แห้งแล้ว เรือยาวก็เปลี่ยนทิศทาง ทำให้จิตใจนางถูกกล่องไม้กล่องอื่นที่ลอยมาดึงดูดไป
เห็นเหยื่อแล้วก็ดีใจ!
นางรู้สึกว่าน่าขัน แต่ก็เข้าใจข้อดีของการตักจันทร์ที่ทำให้หญิงสาวต่างพากันชื่นชอบ
เอ๊ะ มีคน ‘เขี่ย’ กล่องไม้ที่อยู่ไกลๆ มาทางนางอีกแล้ว