บทที่ 9 คำว่าหรูอวี้
เมื่อรถม้าจอดหน้าประตูบ้านสกุลซู จ้าวฉงอีก้าวลงจากรถม้าก็มองเห็นเงาร่างดูลับๆ ล่อๆ ของใครบางคน หากไม่ใช่ซูปั้นซย่าที่น่าจะหันหน้าเข้าผนังสำนึกผิดอยู่แล้วจะเป็นใครได้
ซูปั้นซย่าสังเกตเห็นว่าตนเองถูกพบตัวแล้วก็ไม่ร้อนรนสักนิด ทั้งยังมองนางด้วยสายตายั่วยุอีกด้วย
จ้าวฉงอีเลิกคิ้วขึ้น นึกในใจว่าเป็นไปได้แปดส่วนที่เจ้าเด็กเกเรนี่ไปฟ้องอีกแล้ว
เป็นไปตามคาดจริงๆ พอเงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นท่านแม่ซูยืนทำหน้าดุอยู่ในลานบ้าน
ซูเจ๋อหลันลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง สุดท้ายก็…ถูกจับได้อย่างที่คิดไว้เลย
ทั้งที่พยายามกลับมาให้เร็วที่สุดแล้วเชียว
“ซูเจ๋อหลัน เจ้าไม่รู้หรือไรว่าน้องสาวเจ้าสุขภาพไม่ดี เหตุใดถึงพานางออกไปตะลอนๆ ข้างนอก” ท่านแม่ซูก้าวมาข้างหน้าก็บิดหูซูเจ๋อหลัน
ซูเจ๋อหลันที่น่าสงสารรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง เวลาอยู่ต่อหน้ามารดากลับหวาดกลัวจนแทบจะขดเป็นก้อนกลม
จ้าวฉงอีก้าวออกไปหนึ่งก้าว ขัดขวางท่านแม่ซูไว้
“ข้าเป็นฝ่ายขอให้พี่ใหญ่พาออกไปเองเจ้าค่ะ” จ้าวฉงอีอธิบายอย่างมีคุณธรรมน้ำใจยิ่ง
“เสี่ยวหม่านยังเด็กไม่รู้ความ ซูเจ๋อหลัน หรือเจ้าก็พลอยไม่รู้ความไปด้วย? เจ้าไม่รู้หรือว่าสภาพร่างกายน้องสาวเจ้าเป็นเช่นไร” ท่านแม่ซูยังถลึงตาใส่บุตรชายคนโต
จ้าวฉงอีรู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาบ้างแล้ว ท่านแม่ซูผู้นี้จะลำเอียงจนเกินไปหน่อยแล้วนะ…ซูเสี่ยวหม่านไม่เคยเป็นฝ่ายทำผิดตลอดกาล ถ้าหากมีความผิดก็เป็นความผิดของคนอื่นใช่หรือไม่
“ข้าอายุสิบเก้าแล้ว” จ้าวฉงอีตอบสีหน้าจริงจัง
ใช่สิ ซูเสี่ยวหม่านอายุเท่ากับนาง ตอนนี้ก็อายุสิบเก้าแล้ว จะว่าอย่างไรก็ตามอายุสิบเก้าก็ไม่นับว่าเป็นเด็กเล็ก สามารถแต่งงานได้แล้ว
พอเอ่ยประโยคนี้ออกไป ซูเจ๋อหลันพลันคิดถึงเรื่องที่น้องสาวเริ่มมีใจใฝ่หาความรักก็ดึงตัวนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านแม่พูดถูกแล้ว เจ้ายังเด็ก”
“…”
อย่างไรก็ตามหลังมีเรื่องชวนขบขันนี้แทรกเข้ามา ท่านแม่ซูก็เพียงตำหนิเบาๆ เรื่องที่ซูเจ๋อหลันพาน้องสาวออกไปนอกบ้าน
จ้าวฉงอีแย้มยิ้มก่อนปรายตามองไกลๆ ไปยังซูปั้นซย่าที่ซ่อนอยู่หลังประตูแวบหนึ่ง
สายตาของจ้าวฉงอีมองจนบั้นท้ายซูปั้นซย่าปวดแปลบขึ้นมาอีกครั้ง และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูปั้นซย่ายังรู้สึกถึงความหนาวยะเยือกที่คุ้นเคยนั่นด้วย นางรีบเผ่นหนีไปไม่กล้ารั้งรออยู่อีก
ณ เรือนหน้า โจวเวินหรานประสาทตึงเครียดอยู่ตลอด เฝ้ารอให้จ้าวฉงอีมาหาเขาอีกครั้ง และยังนึกจำลองสถานการณ์ในสมองซ้ำไปซ้ำมาว่าถ้านางมาหา เขาสมควรมีท่าทีตอบสนองเช่นไร
ปรากฏว่าจ้าวฉงอีกลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด ราวกับลืมไปแล้วว่ามีคนเช่นเขาผู้นี้อยู่ พอเห็นว่าท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้วผู้บัญชาการโจวจึงอดขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ สายตาที่มองเขาก่อนเดินออกจากห้องไปวันนั้นบอกเป็นนัยว่านางจะกลับมาหาเขาอีกชัดๆ
ผลสุดท้ายน่ะหรือ…