ก็แค่นี้?
ผู้บัญชาการโจวไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
ขณะกำลังไม่สบอารมณ์ จู่ๆ ได้ยินเสียงด้านนอกมีคนเคาะประตู โจวเวินหรานประสาทตึงเครียดฉับพลัน มาแล้วๆ พูดถึงเฉาเชา เฉาเชาก็มา!*
ประตูถูกผลักเปิดออก
ผู้ที่เดินเข้ามาคือซูเจ๋อหลันบุตรชายคนโตสกุลซู…โจวเวินหรานท้อแท้ใจอยู่บ้าง เหมือนพลังที่สะสมมาเนิ่นนาน สุดท้ายกลับคล้ายกำหมัดชกใส่ปุยนุ่นอย่างนั้น
แม้ว่าในเวลานี้จะนอนพักรักษาตัวเงียบๆ อยู่บนเตียงไปที่ใดไม่ได้ ทว่าสุดท้ายแล้วผู้บัญชาการโจวก็มีฐานะเป็นคนทำงานด้านข่าวกรอง เขาทำความเข้าใจทุกเรื่องที่จำเป็นต้องรู้จากศิษย์ฝึกหัดตัวน้อยซึ่งคอยมาส่งข้าวส่งยาเรียบร้อยแล้ว
เรื่องที่ทำให้เขาฉงนสนเท่ห์ที่สุดคือ…ศิษย์ฝึกหัดคนนั้นบอกว่าจ้าวฉงอีคือคุณหนูรองของสกุลซูนามว่าซูเสี่ยวหม่าน
ซูเจ๋อหลันทำหน้าตึงเดินเข้ามา ถึงเขาจะเป็นวิญญูชน แต่พอคิดว่าบุรุษที่ล้มหมอนนอนเสื่อผู้นี้อาศัยเพียงหน้าตาก็ล่อลวงหัวใจน้องสาวของเขาไปได้แล้วก็ยังคงรักษาสีหน้าปกติไว้ไม่ได้อยู่ดี เขายื่นมือส่งหยกประดับที่นำกลับมาจากที่ว่าการให้อีกฝ่ายตรงๆ พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา
“นี่คือหยกประดับของเจ้า”
โจวเวินหรานมองเห็นหยกประดับ สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาไม่ลืมว่าตอนนี้ตนเองต้องสูญเสียความทรงจำ จึงรับหยกชิ้นนั้นมาด้วยสีหน้างุนงง
“หยกประดับ…ของข้า?”
พอเห็นคนเจ็บมีสีหน้างุนงง ใบหน้าซูเจ๋อหลันก็ไม่บึ้งตึงเท่าเดิมแล้ว อย่างไรเสีย…หน้าตาดูดีก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าตัวสักหน่อย
เขากระแอมเบาๆ “หัวหน้ามือปราบหลี่ที่ที่ว่าการฝากข้าเอามาคืนเจ้า เขาบอกว่าตอนนายพรานบนภูเขาพบเจ้า ร่างกายเจ้าบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติ คงเป็นเพราะเจอกับโจรภูเขาเข้า ตอนนั้นบนร่างเจ้าห้อยหยกประดับชิ้นนี้ เขากลัวว่าจะหล่นหายจึงดึงมาเก็บไว้ก่อน พอรู้ว่าเจ้าได้สติแล้วก็ฝากข้าเอากลับมาให้” เขาอธิบายแล้วหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยเตือนอีกว่า “บนหยกประดับชิ้นนี้มีตัวอักษรด้วย เจ้าลองดูว่าจะนึกอะไรออกบ้างหรือไม่”
“ขอบคุณมาก” โจวเวินหรานหลุบสายตาลงมองตัวอักษรบนหยก ท่าทางคล้ายพยายามนึกถึงบางสิ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “…ข้ายังนึกอะไรไม่ออกเลย”
ซูเจ๋อหลันเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าหดหู่ก็แข็งใจตำหนิอย่างรุนแรงไม่ลง ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ช่างเถิด เจ้าก็พักรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสบายใจไปแล้วกัน อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก”
“รบกวนท่านแล้ว” โจวเวินหรานเอ่ย
ซูเจ๋อหลันส่ายหน้าแล้วหมุนกายเดินออกไป
โจวเวินหรานมองส่งซูเจ๋อหลันจากไป มือลูบไล้หยกประดับที่ได้กลับคืนหลังทำหายไป บนหยกสลักตัวอักษรสองตัวคือ ‘หรูอวี้’
คนในครอบครัวนี้เป็นคนดีกันทั้งนั้น โจวเวินหรานคิดอย่างสุขุม แต่ซูเสี่ยวหม่านผู้นั้นดูแปลกๆ นิดหน่อย…ตกลงนางใช่จ้าวฉงอีหรือไม่กันแน่ หากนางคือจ้าวฉงอี ต่อให้ก่อนหน้านี้ไม่อาจยืนยันว่าข้าคือใคร ตอนนี้เห็นหยกประดับชิ้นนี้ก็น่าจะรู้ฐานะของข้าแล้วกระมัง
นาง…จะทำอย่างไร
โจวเวินหรานส่งเสียง ‘จิ๊’ เบาๆ สีหน้ากลัดกลุ้มบูดบึ้งอยู่บ้าง เขาไม่ได้ลิ้มรสชาติในยามที่อำนาจชี้เป็นตายอยู่ในมือผู้อื่น ส่วนตนเป็นเพียงเนื้อบนเขียงมานานแล้ว
น่าอึดอัดจริงๆ