ภาพฟ้ากับเทพบุตรวิ่งลัดเลาะซอยเรื่อยมายังสวนสาธารณะขนาดย่อมไม่ใกล้ไม่ไกลจากคฤหาสน์ปกรณ์เกียรติมากนัก การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้น้อยใหญ่ และได้รับอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดทำให้ทั้งคู่รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก เทรนเนอร์สาวมองไปยังผู้คนที่มาออกกำลังกายประปราย บ้างก็มาวิ่งจ๊อกกิ้งเหมือนกันกับเธอ บ้างก็มาปั่นจักรยาน หรือบางคนก็พกหนังสือพิมพ์รายวันมาอ่าน มานั่งฟังเพลงชมบรรยากาศของเช้าวันใหม่
โฮ่งๆ โฮ่งๆ โฮ่งๆ
เสียงเห่าติดต่อกันของสุนัขทำให้ภาพฟ้าชะลอฝีเท้าพลางคิดในหัวว่ากฎของสวนสาธารณะแห่งนี้ห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้ามามิใช่หรือ เหตุไฉนยังมีคนกล้าพาสุนัขมาวิ่งเล่นอยู่อีก ทว่าพอหันหน้ากลับไปมอง ภาพที่เห็นทำเอาหญิงสาวเลิกหัวคิ้วสูง ถึงขั้นชะงักเท้าหยุดยืนอยู่ตรงนั้นทันที
ปอมเมอเรเนียนขนฟูตัวน้อยกับมนุษย์ร่างยักษ์กำลังใช้ภาษาตาฟาดฟันใส่กันอยู่
ภาพฟ้ายืนมองเทพบุตรกับเจ้าหมาตัวเล็กแต่ท่าทางเกรี้ยวกราดอย่างพิจารณา เธอสังเกตเห็นตัวสุนัขมีสายรัดอก เป็นไปได้ว่ามันอาจจะพลัดหลงจากเจ้าของและกำลังเสียขวัญอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคนของเธอจะขวัญเสียมากกว่า ขาขาวก้าวเข้าไปหาคนตัวสั่นเทิ้มที่ยังจับจ้องเจ้าขนฟูอย่างไม่ละสายตา ไม่ขยับตัวไปไหน
เทพบุตรกลัวหมางั้นเหรอ
“คุณเทพ”
เสียงเรียกของภาพฟ้าปลิวหายไปกับสายลม สงสัยว่าคนกลัวจับจิตจะปิดการรับรู้ทุกอย่างของตัวเองแล้วเรียบร้อย พลันนั้นหญิงสาวก็หันไปเห็นคุณยายท่านหนึ่งทำท่าก้มๆ เงยๆ อยู่แถวพุ่มไม้กลางสวนเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง และเธอคิดว่าสิ่งที่คุณยายท่านนั้นกำลังตามหาน่าจะอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละ
ในจังหวะที่ภาพฟ้าเอี้ยวตัวหมายจะตะโกนบอกคุณยายว่าเจ้าหมาตัวน้อยอยู่ตรงนี้ มืออวบชุ่มเหงื่อก็คว้ามือของเธอหมับ เขาจับมือเธอแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไปไหน ทีแรกหญิงสาวตกใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นเม็ดเหงื่อผุดพรายตามขอบหน้ากลมเป็นตัวบ่งบอกว่าเขาหวาดกลัวมันจริงๆ เธอเลยเลือกจะจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมทั้งกระชับให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอจะยังอยู่ข้างๆ เขา ไม่หนีไปไหนแน่นอน
“คุณยายคะ หมาอยู่นี่ค่ะ”
ภาพฟ้าหันไปทางเดิมแล้วส่งเสียง พอคุณยายท่านนั้นได้ยินก็รีบเดินลัดสนามมาทางที่เธอกับเทพบุตรยืนอยู่ทันที
ทำผิดกฎอีกแล้วนะคุณยาย
“ไอ้ฟักเหลือง เอ็งนะเอ็ง ชอบสร้างความเดือดร้อนให้ข้าอยู่เรื่อย”
พอสุนัขเห็นเจ้าของปอมเมอเรเนียนตัวน้อยก็หยุดเห่าราวกับมีคนกดปุ่มสต็อป หางของมันตกลงพื้น ค่อยๆ เดินหงอยเข้าไปนั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างขาของคุณยาย
“ขอบใจมากนะอีหนู เจ้านี่มันวิ่งเร็ว ยายแก่แล้ววิ่งตามมันไม่ไหว” คุณยายบ่นพึมพำพลางก้มลงไปหยิบสายจูงเจ้าขนฟูมาคล้องแขนตัวเองไว้แล้วหันไปข่มขู่หมาต่อ “ถ้าเอ็งดื้อนักข้าจะจับเอ็งไปปล่อยวัดเสียให้เข็ด”
เจ้าสุนัขตัวน้อยแหงนมองหน้าเจ้านายตัวเองตาแป๋ว แถมยังส่งเสียงเห่าเบาๆ คล้ายกับกำลังบอกว่า ‘หนูขอโทษ’ ภาพนั้นทำให้เทรนเนอร์สาวอมยิ้มไปกับความฉลาดแสนรู้ของมัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แต่หนูแนะนำว่าคุณยายรีบพาเจ้าฟักเหลืองออกจากที่นี่ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาเห็นดีกว่านะคะ เดี๋ยวโดนเรียกค่าปรับสองพันบาทเอานะ อย่าหาว่าหนูไม่เตือน” หญิงสาวพูดไม่พอยังใช้นิ้วชี้เน้นไปยังป้ายข้อห้ามต่างๆ ในสวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก ยังพอเห็นตัวเลขราคาค่าปรับต่างๆ ได้ชัดเจน
“โอ้ว เอ็งเกือบจะทำข้าเสียตังค์แล้วไหมล่ะไอ้ฟักเหลือง” คุณยายหันไปตำหนิเจ้าหมาน้อยอีกครั้งแล้วหันมากล่าวขอบคุณเธออีกรอบ “ถ้าอย่างงั้นยายรีบไปก่อนนะ รักกันนานๆ ล่ะ”
“ระ…รักอะไรคะคุณยาย”
“อ้าว ก็หนูกับพ่อหนุ่มนี่ไง” คุณยายใช้สายตาชี้มาทางอวัยวะที่เรียกว่า ‘มือ’ ของภาพฟ้ากับเทพบุตรที่ยังคงจับกันคาเอาไว้อยู่ “เป็นแฟนกันไม่ใช่รึ”
“มะ…!”
“โอ๊ย…ยายว่ายายเห็นเจ้าหน้าที่เดินมาโน่นแล้ว ไปไอ้ฟักเหลือง รีบตามข้ามา”
คนที่เคยพูดว่าตัวเองอายุมากแล้ววิ่งไม่ไหวกำลังสับขาฉับๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอุ้มเจ้าขนฟูวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ออกจากสวนสาธารณะไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจฟังคำแก้ตัวใดๆ ของหญิงสาวที่ยังคงอ้าปากค้างเติ่งเตรียมจะพูดปฏิเสธ
ตึกๆ…
เสียงหัวใจของภาพฟ้าที่จู่ๆ ก็เต้นรัวแรงอยู่ในอกอย่างไม่ทราบสาเหตุ อีกทั้งใบหน้าที่อุ่นซ่านนับตั้งแต่ได้ยินประโยคที่ว่า ‘เป็นแฟนกันไม่ใช่รึ’ ทำให้เจ้าตัวไม่กล้าหันไปสบตากับคนข้างกาย มือของเธอยังคงจับกับมือของเทพบุตรอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าควรจะปล่อยมันตอนไหนดี