บทที่ 141
ปีนี้กู้จิ้งหยวนเพิ่งจะอายุสี่สิบ ตามหลักแล้วมิใช่ช่วงอายุที่ควรจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดใหญ่โต แต่เนื่องเพราะเหตุการณ์เมื่อปีกลาย คนไม่มากก็น้อยต้องการถือโอกาสในวันนี้ประจบประแจงและดึงเขาเข้าเป็นพวก หรือไม่ก็กล่าวว่าต้องการชดเชยต่อความเงียบเหงาในยามที่กู้จิ้งหยวนตกยาก ยิ่งกว่านั้นจีหลันยังได้สั่งให้กรมพิธีการเป็นผู้จัดงาน และเขาก็จะมาร่วมงานด้วยตนเอง เรื่องนี้ยิ่งเป็นข่าวสารแจ้งแก่ขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วราชสำนักว่าถึงแม้กู้จิ้งหยวนจะส่งมอบอำนาจทางการทหารส่วนใหญ่ไปแล้วก็ยังคงเป็นขุนนางคนสำคัญที่ฝ่าบาททรงพึ่งพาอาศัยและไว้วางพระทัย
มิหนำซ้ำสิ้นปีใกล้มาเยือน ชินอ๋องจากที่ต่างๆ และคนจากต่างแคว้นก็จะทยอยกันเดินทางเข้าเมืองหลวง พวกเขาได้รับข่าว จากเดิมไม่มีแผนจะมาอวยพรวันเกิดแก่กู้จิ้งหยวนก็ต้องเปลี่ยนความคิด มุ่งหน้ามายังจวนอู่เสียนอ๋อง
งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดในวันนี้จะต้องมีแขกเหรื่อมารวมตัวกันคลาคล่ำเป็นแน่แท้ ทั้งยังล้วนเป็นแขกผู้สูงศักดิ์ทั้งสิ้น
รถม้าแล่นไปยังจวนอ๋อง กู้เจี้ยนหลีนั่งอยู่ในรถม้า ตรวจดูของขวัญที่เตรียมไปให้บิดาอย่างละเอียด ในนั้นมีงาแกะสลักรูปกวางเซียน หยกแกะสลักรูปกระเรียนคู่ และยังมีเสื้อผ้าครบชุดที่นางเย็บเองกับมือ แม้จะตรวจสอบหลายรอบแล้ว แต่นางอยู่ในรถม้าไม่มีอะไรทำ จึงรื้อเสื้อผ้าออกมาตรวจดูฝีเข็มอีกรอบ
จีอู๋จิ้งเท้าคางมองนางได้ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว เอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “กู้เจี้ยนหลี กระโปรงที่เจ้าเย็บให้ข้าเล่า”
กู้เจี้ยนหลีนึกอยู่ครู่หนึ่งถึงนึกออกว่าตอนแรกนางเคยรับปากจะเย็บกระโปรงให้จีอู๋จิ้งจริงๆ นางเตรียมผ้าไหมแดงสำหรับตัดกระโปรงไว้แล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่…
นางกล่าวอย่างร้อนตัวอยู่บ้าง “ข้าไม่เคยเย็บกระโปรง ทำไม่ค่อยเป็น ซ้ำท่านก็ไม่มีกระโปรงพอดีตัวให้ข้าเทียบขนาด จึง…จึงวางทิ้งเอาไว้” นางชิงพูดขึ้นอีกครั้งต่อหน้าบึ้งตึงของจีอู๋จิ้ง “รอกลับบ้านไปข้าจะวัดสัดส่วนท่านแล้วทำออกมาให้ท่านแน่นอน”
จีอู๋จิ้งหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง ก่อนจะพิงผนังรถม้าแล้วหลับตาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ท่าทางเหมือนไม่อยากสนใจนางแล้ว
กู้เจี้ยนหลีมุ่นคิ้ว
นางรู้ว่าบิดาไม่ชอบจีอู๋จิ้งเสมอมา และยิ่งต้องการพานางกลับบ้าน หนีไปให้ไกลจากจีอู๋จิ้งอยู่ทุกเมื่อ ซึ่งสาเหตุที่บิดาเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเขาคิดว่าจีอู๋จิ้งไม่ใช่คนดี ไม่มีทางดีต่อนาง เป็นเพราะเขารักนาง รู้สึกว่านางได้รับความไม่เป็นธรรม ที่เมื่อวานนางโน้มน้าวจีอู๋จิ้งให้ตามมาด้วยก็เพราะหวังให้บิดาเห็นว่านางกับจีอู๋จิ้งอยู่ร่วมกันด้วยดี จะได้เป็นห่วงน้อยลง
จีอู๋จิ้งไปถึงงานโดยที่ใบหน้าดำทะมึนมิใช่เรื่องดี
กู้เจี้ยนหลีรู้ดีเช่นกันว่าจีอู๋จิ้งมิใช่คนที่จะแยแสกาลเทศะ หากเขาอารมณ์ไม่ดีก็ไม่สนใจใครหน้าไหนรวมถึงเวลาและสถานที่ใดทั้งนั้น เรื่องประเภทยิ้มแย้มเอาใจมิใช่เรื่องที่เขาจะทำ
กู้เจี้ยนหลีคิดเล็กน้อยก่อนเก็บชุดที่ทำให้บิดาเข้ากล่อง นางกระเถิบตัวไปนั่งข้างชายหนุ่ม คล้องแขนเขาด้วยท่าทางสนิทชิดเชื้อแล้วร้องเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ท่านอา ท่านอา?”
จีอู๋จิ้งแค่นหัวเราะพลางชักแขนกลับ
กู้เจี้ยนหลีได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของเด็กน้อยแว่วๆ นางเปิดหน้าต่างบานน้อยชะเง้อมองก็เห็นเด็กสองสามคนเล่นสนุกกันอยู่ไกลๆ บนทางน้ำที่แข็งเป็นน้ำแข็ง นั่งบนไม้กระดานแผ่นยาวแล้วไถลลงจากที่สูง
“ฉางเซิง หยุดรถ!”
“หยุด…” ฉางเซิงจอดรถม้าเข้าข้างทาง หันหน้ามารอรับคำสั่งพร้อมกับจี้ซย่า
กู้เจี้ยนหลีเปิดประตูรถม้า จี้ซย่ารีบประคองนางแล้วสอบถาม “ฮูหยิน มีอะไรหรือเจ้าคะ”
กู้เจี้ยนหลีกระซิบสั่งไปหลายคำ
จีอู๋จิ้งที่อยู่ในตัวรถม้าลืมตาด้วยความประหลาดใจ เขามีโสตประสาทยอดเยี่ยม ครั้นได้ยินเรื่องที่กู้เจี้ยนหลีพูดกับจี้ซย่าและฉางเซิงชัดเจน สีหน้าก็พิกลขึ้นมาทันควัน
กู้เจี้ยนหลีหันหน้ามายิ้มหวาน
จีอู๋จิ้งปรายตามองนางปราดหนึ่งด้วยท่าทางเดียดฉันท์ จากนั้นก็ลงรถม้าตามนางไป
เด็กไม่กี่คนนั้นถูกฉางเซิงไล่ไปแล้ว ทว่าทิ้งไม้กระดานของพวกเขาไว้