เขาได้รู้จากปากจี้จิ้งอี้แล้วว่าจีอู๋จิ้งใช้ยาแก้พิษแลกเอายารักษาใบหน้ามาให้กู้เจี้ยนหลี คิดไม่ถึงว่ารูปโฉมของนางจะกลับมางดงามปานนี้ ทั้งยังงามกว่าเดิมด้วยซ้ำไป!
จีหลันอึ้งงันอยู่เพียงพริบตาเดียวก็ได้สติอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลับมาเป็นฮ่องเต้ผู้สุภาพอ่อนโยนสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง เขาสาธยายถึงความเป็นเสาหลักแห่งแคว้นต้าจีของกู้จิ้งหยวนเสร็จถึงได้ก้าวเดินเคียงไปกับกู้จิ้งหยวน
กู้เจี้ยนหลีกับพี่สาวและเถาซื่อตามหลังอยู่หนึ่งก้าว เดินไปพร้อมกับซุนอิ่นจู๋
ครั้นเห็นว่ากำลังจะเดินผ่านแขกเหรื่อทั้งหมดไปยังโถงหลักแล้ว ซุนอิ่นจู๋ก็พลันแย้มยิ้มมีเสน่ห์พลางเอ่ยปาก “ข้าได้นำขนมไหมบงกชติดมาด้วย รสเลิศทีเดียว ปี้เถา เจ้านำไปแบ่งสักหน่อย”
ประกายรังเกียจวาบผ่านในดวงตาจีหลัน เขาดูถูกการกระทำที่ทึกทักไปเองว่าตนไร้เดียงสาจิตใจงาม แต่กลับโง่เขลาไม่สมฐานะ ทั้งยังดูต่ำต้อยเช่นนี้ของซุนอิ่นจู๋เหลือจะกล่าว
นางกำนัลสองคนยกขนมไหมบงกชสองกล่องมาแบ่งเหล่าสตรีที่อยู่ใกล้ๆ
หลินเซ่าถังเบียดกลุ่มคนเข้ามาอยู่เบื้องหน้าหลงอวี๋จวิน ยิ้มกว้างเผยฟันเขี้ยวพลางเอ่ยว่า “พี่หญิงคนดี ท่านให้ข้าชิมสักชิ้นเถิด!”
หลงอวี๋จวินรู้สึกอ่อนใจอยู่บ้าง แต่ยังคงมอบให้เขา
“พี่หญิงเอ็นดูข้าโดยแท้!” หลินเซ่าถังยิ้มจนตาโค้ง กัดขนมไปหนึ่งคำ
หวานยิ่ง เพราะเป็นของที่นางทำเอง
…แต่ก็ขมยิ่งเช่นกัน
ได้ยินเสียงของหลินเซ่าถัง ซุนอิ่นจู๋ก็หลุบตาลง ภายนอกไม่แสดงออก แต่ในใจกลับอ่อนยวบ ขณะกำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู นางหันกลับไปมองก็เห็นหลินเซ่าถังจากท่ามกลางฝูงชนได้ในแวบเดียว เขามองนางเงียบๆ โดยตลอด ดวงตาทั้งสี่สบประสาน เพียงพริบตาเดียวคนทั้งสองก็ละสายตาจากกันอย่างรวดเร็ว
เฉินเหอสบโอกาสที่รอบข้างไม่มีใครสนใจ หาข้ออ้างประคองซุนอิ่นจู๋ ขยับเข้าใกล้แล้วลดเสียงลงพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “เรียกได้ว่าฮองเฮาทุ่มเทพระทัยเสียนี่กระไร”
ซุนอิ่นจู๋มองเขาด้วยท่าทางบริสุทธิ์ใจ ส่งเสียงตอบรับในลำคอสองคำแล้วพยักหน้ากล่าวอย่างเบิกบานใจ “ข้าก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจเมตตาในฐานะมารดาของแผ่นดินของข้าได้อย่างดีเช่นกัน!”
เสียงนางไม่เบาไม่ดัง ลอยไปเข้าหูจีหลันพอดิบพอดี จีหลันขมวดคิ้วมุ่น แววไม่ชอบใจในดวงตายิ่งฉายชัด เขามองไปยังกู้เจี้ยนหลีอย่างห้ามตนเองไม่ได้ นัยน์ตาค่อยๆ มีสีเข้มขึ้น
ทุกคำพูดที่กู้เจี้ยนหลีพูดไว้ในคืนนั้น ทุกสีหน้าของนางปรากฏขึ้นตรงหน้าจีหลันอีกครั้ง ในตอนแรกเขาเพียงชื่นชมนาง แต่กาลเวลาได้บ่มเพาะจนความชื่นชมนี้กลายเป็นสิ่งเร้าชนิดหนึ่ง ค่อยๆ เพาะตัวเป็นความเสียดายที่ไม่ได้มาครอง ยิ่งกว่านั้นทุกเรื่องล้วนกลัวการเปรียบเทียบที่สุด เมื่อมีซุนอิ่นจู๋ที่โง่เขลาเป็นตัวเปรียบเทียบ ความเสียดายในใจเขายิ่งค่อยๆ เพิ่มขึ้น นึกภาพครั้งแล้วครั้งเล่าว่าหากกู้เจี้ยนหลีได้นั่งในตำแหน่งมารดาของแผ่นดินจะดีมากเพียงใด
หลังถวายบังคมเสร็จกู้เจี้ยนหลีกับพี่สาวรวมถึงเถาซื่อก็ถอยออกไป กู้จิ้งหยวนกับจีหลันรวมถึงผู้สูงศักดิ์ทรงอำนาจอีกสองสามคนสนทนาสัพเพเหระกันอยู่ในโถง
กู้ไจ้หลียังต้องไปดูแลแขกเหรื่อต่อ ไม่มีเวลาอยู่คุยกับกู้เจี้ยนหลีมากนัก นางเพียงดึงตัวน้องสาวไปด้านข้างแล้วเอ่ยถามง่ายๆ ประโยคเดียว
“ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”
กู้เจี้ยนหลีไม่ได้ตอบอย่างรวดเร็ว นางย้อนนึกอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มตาโค้ง ตอบด้วยท่าทางจริงจัง แววตาสุกใสแวววาว
“สบายดีเจ้าค่ะ ดีหมดทุกอย่าง หลังพวกข้าย้ายออกจากจวนป๋อก็อิสระสบายใจขึ้นมาก ใบหน้าข้าหายดีแล้ว นายท่านห้าก็กำลังค่อยๆ แก้พิษอยู่ เด็กทั้งสองคนว่านอนสอนง่ายขึ้นทุกวัน ทุกอย่างล้วนดียิ่ง”
“นายท่านห้าแก้พิษแล้ว?” กู้ไจ้หลีเพิ่งจะได้ยินเรื่องนี้จึงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ใช่แล้ว เพียงแต่พิษค้างอยู่ในกายเขามาสี่ห้าปี ยาที่ค้นคว้าออกมาใหม่ไม่อาจแก้พิษได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะหายเป็นปกติได้” กู้เจี้ยนหลีชะงักเล็กน้อย “ทว่า…เขาน่าจะยังไม่อยากให้ผู้อื่นรู้เรื่อง”
กู้ไจ้หลีพยักหน้า เข้าใจความหมายของน้องสาว นางย่อมไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใครอื่นแน่นอน
กู้เจี้ยนหลีจึงถามบ้าง “แล้วพี่หญิงเล่า สบายดีหรือไม่”
กู้ไจ้หลียิ้มแล้ว ยิ้มได้ผ่อนคลายสบายใจนัก “สบายดี อิสรเสรีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาหลายปี เพราะว่าปีนี้ได้ประสบเรื่องราวเหล่านั้น ข้าถึงได้รู้ว่าสตรีออกจากเรือนหลังแล้วก็ยังสามารถมีชีวิตอิสระผ่อนคลายได้ปานนี้”
แขกเหรื่อมีมากเกินไป ต้องคอยต้อนรับขับสู้ พวกนางไม่อาจหลบซ่อนคุยกันอยู่ตรงนี้ได้อีก กู้เจี้ยนหลีคล้องแขนพี่สาวเดินลงบันไดมุ่งหน้าไปเรือนหลังด้วยกัน