แววดุดันในดวงตาจีอู๋จิ้งเบาบางลงบ้างแล้ว เขามองดูกู้เจี้ยนหลีแวบหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เก็บซ่อนแววดุดันที่เหลืออยู่จนหมดสิ้น กลับมามีท่าทีสบายๆ อีกครา จากนั้นก็โน้มตัวมายื่นมือตบใบหน้างามเบาๆ พลางกล่าวยิ้มๆ
“พวกเรามีท่านพ่อกู้คนดีที่ดุราวกับเสือผู้เดียวก็พอแล้ว”
นี่ชมหรือว่ากันแน่
กู้เจี้ยนหลีมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ระคนหมดคำจะพูด
นางไม่อยากฟังจีอู๋จิ้งกล่าววาจาเหลวไหลต่อ คิดจะหาบางอย่างให้อีกฝ่ายทำ จึงจับมือคู่นั้นไว้ก่อนยกขึ้นโดยที่ข้อศอกทั้งสองเท้ากับโต๊ะท่ามกลางสายตาติดจะประหลาดใจของอีกฝ่าย
จีอู๋จิ้งมองนางด้วยความประหลาดใจ รอดูการกระทำของนาง
กู้เจี้ยนหลีหยิบด้ายสีสันสดใสออกมาม้วนหนึ่ง พอหาปลายด้ายเจอก็ยัดใส่มือหนึ่งของจีอู๋จิ้ง ให้เขาใช้นิ้วหัวแม่มือกดปลายด้ายไว้กับฝ่ามือ จากนั้นก็พันด้ายไปมาทีละทบๆ
อันที่จริงกู้เจี้ยนหลีไม่แน่ใจว่าจีอู๋จิ้งผู้เอาแน่เอานอนไม่ได้จู่ๆ จะระบายอารมณ์ โมโหจนไล่นางออกไปหรือไม่ ทว่านางหมดหนทางจริงๆ จึงหาเรื่องให้เขาทำส่งๆ แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจคือนางพันด้ายสีสันสดใสรอบมือเขาทบแล้วทบเล่าเขากลับยังรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เขาหลุบตามองด้ายสีสันสดใสที่พันไปมารอบมือทั้งสองของตนเอง ใบหน้าไร้ความรู้สึก บางคราวยังเหลือบตามองนางด้วยท่าทีสบายๆ
กู้เจี้ยนหลีช้อนตาขึ้นมอง ประสานสายตากับเขาพอดิบพอดี
“ทำต่อสิ” จีอู๋จิ้งกล่าวเสียงยานคาง ทั้งผ่อนคลายทั้งมีความอดทนอย่างมาก
กู้เจี้ยนหลีพันด้ายต่อไปทีละทบตามคำเขา
ทบแล้วทบเล่า พันต่อไปเรื่อยๆ
แสงอาทิตย์อบอุ่นยามตะวันรอนส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่างที่เปิดไว้ กระทบลงบนร่างของคนทั้งสอง
จีอู๋จิ้งมองดูกู้เจี้ยนหลีที่กำลังจดจ่ออย่างไม่ใส่ใจนัก แสงเงาอันอ่อนโยนทอลงบนใบหน้าของนาง ทำให้ใบหน้าขาวเนียนดุจหยกใสกระจ่างผุดผ่อง แสงเงายังทอลงกระทบแพขนตานางจนเกิดเงาทอดยาววาดโค้งสองสาย
วันนี้กู้จิ้งหยวนกลับเรือนเร็วอย่างหาได้ยาก เดิมทีอยากไปดูอาการบาดเจ็บที่ขาของบุตรสาวคนรอง ทว่ายังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็มองเห็นเงาร่างของกู้เจี้ยนหลีกับจีอู๋จิ้งผ่านทางหน้าต่างจากที่ไกลๆ เห็นทั้งสองกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันพลางพันด้ายอยู่ กู้จิ้งหยวนพลันชะงัก ยืนขมวดคิ้วมองพวกเขานิ่งค้างอยู่นาน ไม่ทันได้เข้าไปเยี่ยมบุตรสาวก็หันกายจากไป
 
ไม่เพียงกู้จิ้งหยวนที่กลับมาเร็วในวันนี้ ยังมีจีอู๋จิ้งที่ไม่หายตัวไปกลางคัน เขานอนหลับอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียงราวกับแมวตัวโตตัวหนึ่ง
กู้เจี้ยนหลีนอนอยู่ด้านใน ก่อนนี้นางเคยชินกับการนอนตะแคง ยามนี้เพราะบาดแผลที่ขาจึงทำได้เพียงนอนหงาย รู้สึกไม่ชินอย่างมาก เมื่อรวมกับความรู้สึกเจ็บแผลอยู่เนืองๆ ทำให้นอนอยู่นานก็ไม่หลับเสียที
จีอู๋จิ้งพลิกตัวมามองนางคราหนึ่ง จากนั้นก็ขยับเข้าใกล้ ซุกใบหน้าลงกับไหล่ของนางอย่างเกียจคร้านพลางพาดแขนกับเอวบาง เพราะขาของนางได้รับบาดเจ็บ จีอู๋จิ้งจึงไม่ได้พาดขากับตัวนางอีก เพียงพาดแขนไว้อย่างเดียว
ผ้าห่มแทบจะคลุมศีรษะของเขามิด
กู้เจี้ยนหลีดึงผ้าห่มลงเล็กน้อยจนเผยใบหน้าของชายหนุ่ม เขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
ท่ามกลางความมืดกู้เจี้ยนหลีมองดูเครื่องหน้าของจีอู๋จิ้งก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง
คืนนี้กู้เจี้ยนหลีหลับไม่สนิทนัก นางฝันร้าย ฝันเห็นตนเองตกน้ำ นางพยายามดิ้นรน ทว่ากลับมีบางสิ่งกดทับร่างเอาไว้ ทับเสียจนนางขยับตัวไม่ได้ ตัวนางในความฝันคล้ายจะรู้ตัวรางๆ ว่าสิ่งที่อยู่บนร่างนางคือแขนของจีอู๋จิ้ง นางลองผลักดูทว่ากลับผลักไม่ออก ซ้ำยังรู้ตัวท่ามกลางความสะลึมสะลือว่าตนเองพลิกตัวไม่ได้เพราะจะกระแทกโดนขา นางจึงคลายมือที่จับข้อมือจีอู๋จิ้งไว้ ไม่ผลักเขาอีก เพียงวางมือไว้เบาๆ แล้วหลับต่อ
ตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างนักกู้เจี้ยนหลีรู้สึกเจ็บจนตื่น เป็นความเจ็บที่ทั้งแปลกประหลาดและคุ้นเคยไปพร้อมกัน นางมองม่านมุ้งเหนือศีรษะด้วยดวงตาสะลึมสะลืออยู่พักใหญ่จึงค่อยตื่นเต็มตา