หว่างคิ้วของกู้เจี้ยนหลียับย่นเล็กน้อย แสดงท่าทีไร้เดียงสาเฉกเช่นเด็กสาวอายุย่างสิบห้าออกมาอย่างหาได้ยาก
เถาซื่อพลันชะงัก ก่อนเอ่ยถามว่า “เจ้ากลัวเขาหรือ”
กู้เจี้ยนหลีจึงย้อนถามนาง “มีใครไม่กลัวเขาด้วยหรือ”
“นี่…”
พอนึกถึงสิ่งที่นายท่านห้าจวนก่วงผิงป๋อผู้ใกล้หมดลมหายใจเคยกระทำ ฉับพลันนั้นเถาซื่อก็อับจนหนทางจะปลอบประโลมกู้เจี้ยนหลีต่อแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลี้ยงที่อายุใกล้จะสิบห้าปีของนางเลย ต่อให้เป็นนางเองหากพบเจอนายท่านห้าผู้นั้นซึ่งหน้าเข้าก็คงขาสั่นพั่บๆ เช่นกัน
กู้เจี้ยนหลีคล้ายจะคิดสิ่งใดออก จู่ๆ ก็ตัวสั่นระริก แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็สั่นเครือไปเล็กน้อย “ข้าเคยได้ยินว่าหากฆ่าคนมามากมาย ตายไปแล้วจะถูกผีร้ายตามรังควาน เขาฆ่าคนมาไม่น้อย หากตายไปแล้วข้าต้องฝังรวมกับเขาจริงๆ จะถูกผีร้ายนับไม่ถ้วนตามรังควานไปด้วยหรือไม่”
ใบหน้างดงามขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีอาการกระสับกระส่าย ความสุขุมเยือกเย็นในตอนแรกเลือนหายไปหมดสิ้น
เถาซื่อรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้ทำสิ่งใดล้วนไม่เกรงกลัว แต่กลับกลัวผียิ่งกว่าอะไร นางกำลังคิดว่าจะปลอบอย่างไรดี นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ กู้เจี้ยนหลีก็ผ่อนลมหายใจคราหนึ่ง
“ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน! เขาฆ่าคนไปมากเพียงนั้น ตายไปก็ต้องกลายเป็นผีร้ายที่เฮี้ยนที่สุดอยู่แล้ว ผีตนอื่นต้องไม่กล้ารังควานเขาแน่…” กู้เจี้ยนหลีเอ่ยเสียงเบาลงเรื่อยๆ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความลังเลระคนหวาดหวั่น
“เจี้ยนหลี อย่าพูดเหลวไหลไปเลย โลกนี้มีผีเสียที่ใดกัน!”
พอเห็นกู้เจี้ยนหลีมิได้ตอบรับ ยังคงตกอยู่ในภวังค์สมมติของตนเอง เถาซื่อจึงรีบพูดต่อเพื่อไม่ให้นางคิดฟุ้งซ่านจนเก็บเอาไปฝันร้ายตื่นมาร้องไห้โฮกลางดึก
“เจี้ยนหลี เรายังไม่ได้เดินถึงทางตันเสียหน่อย ขอแค่มีชีวิตอยู่อย่างไรก็ยังมีหวัง อย่าว่าแต่นายท่านห้าสกุลจีจะรีบร้อนป่วยตายไปหรือไม่เลย ต่อให้เขาป่วยตายไปจริงๆ ก็ใช่ว่าเจ้าจะต้องฝังรวมกับเขาแน่นอนเสียเมื่อไร หนทางรอดมีไว้ให้คนเดิน วิธีการมีไว้ให้คนเสาะหา สกุลกู้ของเราไม่มีทางเอาแต่ก้มหัวหมดอาลัยตายอยาก สูญเสียจิตวิญญาณที่จะดิ้นรนต่อสู้ไปง่ายๆ หรอก”
กู้เจี้ยนหลีพยักหน้ารับเล็กน้อยด้วยไม่อยากให้มารดาเลี้ยงของตนเป็นกังวลมากเกินไป ทว่าในใจนางยังคงคิดฟุ้งซ่านอยู่เช่นเดิม
ไม่ว่าอย่างไรข้าก็นับว่าแต่งเป็นภรรยานายท่านห้าสกุลจี หลังจากแต่งเข้าไปแล้วไม่แน่ว่าก่อนเขาจะตายยังคงได้ดูแลสักวันสองวัน เมื่อลงไปปรโลกแล้วเห็นแก่ที่ข้าดูแลซ้ำยังต้องถูกฝังรวม บางทีอาจจะช่วยปกป้องไม่ให้ผีร้ายพวกนั้นมารังควานข้ากระมัง
ทว่าบุรุษเลือดเย็นอำมหิตเช่นนายท่านห้าสกุลจีน่ะหรือจะซาบซึ้งบุญคุณผู้อื่น ไม่แน่ว่าผีตนแรกที่จะจับข้ากินคงมิใช่ใครอื่น แต่เป็นผีเฮี้ยนเช่นเขานั่นล่ะ!
คืนนั้นกู้เจี้ยนหลีนอนฝันร้ายทั้งคืน ฝันเห็นตนเองตายตกไปอยู่ปรโลก รอบกายมีแต่ผีร้ายน่าเกลียดน่ากลัว นางวิ่งหนีไปเรื่อยๆ ไม่ทันระวังจึงสะดุดล้มเข้า พอเงยหน้าก็พบนายท่านห้าสกุลจีที่มีสามเศียรหกกร นายท่านห้าผู้นั้นคว้านางขึ้นมาก่อนอ้าปากมหึมาของตนเอง กัดกร้วมคำหนึ่งกลืนนางลงท้องไปในคำเดียว!
เด็กสาวสะดุ้งตื่น เหงื่อเย็นเปียกชุ่มทั่วเสื้อผ้า “ปรโลกน่ากลัวเกินไปแล้ว…”
นางประนมมือตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่
ขอให้นายท่านห้าสกุลจีมีชีวิตอยู่ต่อไปนานสักหน่อย อยู่ต่ออีกสักหน่อยเถิด แต่อย่าได้ฟื้นขึ้นมาเชียว จะให้ดีก็ขอให้ใกล้ตาย เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายเช่นนี้เรื่อยๆ นี่ล่ะ
กู้เจี้ยนหลีขบริมฝีปากเบาๆ ตำหนิตนเองที่ไม่คาดหวังให้นายท่านห้าสกุลจีกลับมาแข็งแรงว่าไร้น้ำใจอยู่สักหน่อย ทว่าพอคิดถึงชื่อเสียงฉาวโฉ่ของคนผู้นั้นแล้วนางก็ได้แต่กัดฟันให้อภัยตนเองอย่างเห็นแก่ตัว