เวลาสามวันผ่านไปในชั่วพริบตา
กู้เจี้ยนหลีลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาหงส์ ทอประกายใสกระจ่าง ปราศจากร่องรอยเซื่องซึมเช่นคนเพิ่งตื่นนอน ทุกคืนที่ผ่านมานางข่มตาหลับแทบไม่ลง
นางนั่งเงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อนอยู่สักพัก ก่อนหยิบจดหมายที่ซ่อนไว้ใต้หมอนมาเปิดออกช้าๆ ด้วยท่าทีลังเล
ฟ้ายังไม่สว่าง นางเองก็ตัดใจจุดเทียนไม่ลง ท่ามกลางความมืดมิดในห้อง กู้เจี้ยนหลีอ่านอักษรบนจดหมายไม่ถนัดนัก ทว่ากลับจำเนื้อหาได้ขึ้นใจ นางไล้ปลายนิ้วเนียนละเอียดไปตามกระดาษ ริมฝีปากขยับอ่านคำกลอนบนนั้นโดยไร้เสียง
นี่เป็นจดหมายที่จีเสวียนเค่อลอบส่งมาให้หลังจากที่นางกับเขาตกลงหมั้นหมายกันได้สองวัน
กู้เจี้ยนหลีนั่งนิ่งไม่ไหวติง เหม่อลอยเช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน
สามเดือนมานี้นางได้รู้ซึ้งถึงความไร้น้ำใจของผู้คน ขนาดเครือญาติยังซ้ำเติมเมื่อตกระกำลำบาก นางกับจีเสวียนเค่อยังไม่ทันได้เป็นสามีภรรยา เขาจะตีตัวออกหากเพื่อตนเองก็นับเป็นเรื่องธรรมดา จะมีสิ่งใดให้ถือสาคิดแค้นกัน
กู้เจี้ยนหลีจุดเทียนด้วยรอยยิ้มไร้กังวล จากนั้นดวงไฟสีเหลืองหม่นก็ค่อยๆ กลืนกินกระดาษจดหมาย กลืนกินทุกถ้อยคำที่ประดับบนจดหมายฉบับนั้น เผาผลาญทุกสิ่งเกี่ยวกับจีเสวียนเค่อจนหมดสิ้น
ชุดแต่งงานสีแดงสดวางอยู่บนโต๊ะ กู้เจี้ยนหลีไล้มือสัมผัสเนื้อผ้าหยาบๆ นั้นสักครู่ก็สวมใส่แล้วเดินออกไปยังห้องด้านนอก ยามนี้มารดาเลี้ยงกับน้องชายอยู่ที่ลานเรือน ในห้องจึงเหลือเพียงบิดาที่นอนอยู่บนเตียง
กู้เจี้ยนหลีนั่งลงข้างเตียงของบิดาอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาฉายแววเศร้าสร้อยระคนอาลัยอาวรณ์ นางมองบิดานิ่งนาน ไม่ยอมเบนสายตาไปทางอื่นแม้แต่น้อย
จวบจนได้ยินเสียงจากด้านนอกนางถึงค่อยกุมมือบิดาตนเองไว้ โน้มตัวลงเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหูว่า “ท่านพ่อ เจี้ยนหลีจะแต่งงานแล้ว แต่ชุดแต่งงานที่ท่านเตรียมไว้ให้ถูกผู้อื่นแย่งไป ท่านรีบตื่นขึ้นมาช่วยลูกนำกลับมาได้หรือไม่เจ้าคะ”
กู้เจี้ยนหลีไม่ทันสังเกตเห็นว่ามือข้างลำตัวผู้เป็นบิดากระตุกเล็กน้อย
ยามนี้เถาซื่อก้าวเข้ามาภายในห้องแล้วยัดบะหมี่ชามหนึ่งใส่มือกู้เจี้ยนหลี นอกจากเส้นบะหมี่ในชามยังมีไข่ต้มที่ปอกเปลือกเรียบร้อยอยู่ด้วย
กู้เจี้ยนหลีประคองชามบะหมี่ร้อนลวกมือไว้พลางมองเถาซื่ออย่างงุนงง นางรู้สึกเสียดายเงินอยู่เล็กน้อย อยากจะเก็บเงินทั้งหมดไว้รักษาอาการป่วยของบิดา
“รีบกินเสีย บะหมี่อายุยืน ของเจ้า”
กู้เจี้ยนหลีชะงักไป จากนั้นรีบก้มหน้าปล่อยน้ำตาร่วงลงในชาม ยามกินบะหมี่เข้าไปทีละคำก็พยายามเบิกตาไว้ไม่ให้น้ำตาไหลอีก
สตรีในแคว้นต้าจีโดยทั่วไปจะออกเรือนเมื่ออายุสิบหกถึงสิบเจ็ดปี หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องสิบห้าปี หากอายุน้อยกว่าสิบห้าปีจะไม่ได้รับอนุญาต จวนก่วงผิงป๋อกลัวว่านายท่านห้าจะจากไปเร็ว ไม่กล้าปล่อยให้ยืดเยื้อจึงรอเพียงสามวัน นั่นเป็นเพราะวันนี้คือวันเกิดปีที่สิบห้าของกู้เจี้ยนหลี
จากนั้นเถาซื่อยังยัดเงินสองก้อนเข้ามาในอ้อมอกของลูกเลี้ยง
“ข้าคงไม่ได้ใช้ ท่านเก็บไว้เองเถิดเจ้าค่ะ” กู้เจี้ยนหลีดันเงินเหล่านี้กลับคืนไป
เถาซื่อตบหลังมืออีกฝ่ายแรงๆ ทีหนึ่ง “ไม่เอาไหนเลยจริงๆ ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะหมดอาลัยตายอยากเสียหน่อย ข้าให้เจ้าเก็บไว้ก็เก็บไว้เถอะ!”
กู้เจี้ยนหลีเม้มปากยิ้ม รู้ดีว่าเถาซื่อปลอบด้วยความหวังดีจึงไม่ดึงดันต่อ นางหันกลับไปมองบิดาที่ไม่ได้สติบนเตียงอย่างลึกซึ้งก่อนตบไหล่น้องชายที่อายุยังน้อยคราหนึ่ง จากนั้นปล่อยผ้าคลุมหน้าสีแดงลงแล้วก้าวผ่านธรณีประตู