“ท่าน…ท่านน้าห้าจะตายอยู่แล้ว ไม่รับรู้สิ่งใดหรอก ต่อให้ข้าถอดกางเกงถ่ายเบารดหน้าเขาสักยกเขาก็…อึก!”
จ้าวเฟิ่งเสียนพูดใหม่อีกครั้งโดยไม่ลืมเติมเสียงสะอึกจากฤทธิ์สุราในตอนท้าย
มุมปากของจีอู๋จิ้งยกขึ้นน้อยๆ หางตาที่ชี้ขึ้นเจือรอยยิ้มอยู่สามส่วนยามหัวเราะอย่างพึงพอใจ “เช่นนี้จึงจะถูกต้อง”
จีอู๋จิ้งหัวเราะแล้ว จ้าวเฟิ่งเสียนกลับร้องไห้แทบไม่ออก ทำได้เพียงกระแอมก่อนร้องเรียกซ้ำๆ “ท่านน้าห้า…ท่านน้าห้า ท่านน้า…”
“รู้หรือไม่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่หลานพูดผิดไป”
จ้าวเฟิ่งเสียนกล่าวเสียงสะอื้น “ใช่ขอรับๆ ท่านน้าพูดถูกทั้งหมด”
จีอู๋จิ้งเอื้อนเอ่ยเชื่องช้า “เทียบกับคนเป็นแล้วข้าชมชอบคนตายมากกว่า แต่ที่ชอบที่สุด…คือคนตายที่ข้าฆ่าเองกับมือ”
เสียงสะอื้นแหบๆ ของจ้าวเฟิ่งเสียนพลันหยุดชะงัก เขารีบนึกย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว
‘ตอนท่านน้าห้ายังแข็งแรงดีชมชอบคนตายเกลียดชังคนเป็นที่สุด เรือนของเขาอยู่ลับตาคน ท่านเรียกใครมาไม่ได้หรอก’
นี่เป็นคำพูดที่เขากล่าวตอนลอบมาหากู้เจี้ยนหลีเมื่อช่วงกลางวัน
น้ำมูกของชายหนุ่มไหลยืดยาว สะอึกสะอื้นพูดขึ้นว่า “ท่านน้า…”
จีอู๋จิ้งมุ่นคิ้ว ดวงตาที่เหลือบมองอีกฝ่ายฉายแววรังเกียจ “ช่างเถิด ไสหัวไปเสีย”
“ขอรับๆๆ เฟิ่งเสียนจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” จ้าวเฟิ่งเสียนราวกับได้รับอภัยโทษ ตะเกียกตะกายลุกขึ้นพร้อมทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ ลนลานวิ่งออกนอกเรือน ขณะข้ามธรณีประตูเขายังล้มคะมำหน้าทิ่มพื้น แต่ก็รีบลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว
“ปิดประตู”
เสียงแหบพร่าของจีอู๋จิ้งดังมาจากด้านหลัง พอจ้าวเฟิ่งเสียนได้ยินก็ก้มหน้าวิ่งกลับมา ใช้มือที่สั่นระริกปิดบานประตูจนสนิท จากนั้นก็รีบหันหลังวิ่งจากไป ระหว่างทางเพราะลนลานจนลืมดูทางจึงล้มลงอีกรอบ พอลุกขึ้นได้ก็ออกวิ่งต่ออีกครั้ง…
สมองเขาคงมีปัญหาแล้วจริงๆ ถึงกำเริบเสิบสานตอนจีอู๋จิ้งยังเหลือลมหายใจสุดท้ายอยู่ เหตุใดไม่รออีกฝ่ายตายสนิทก่อนค่อยก่อเรื่องกันนะ…
ภายในห้อง แผ่นหลังกู้เจี้ยนหลียังคงพิงเสาเตียง สองมือกุมมีดสั้นไว้แน่น เพราะออกแรงมากเกินไป เล็บที่ฉีกก่อนหน้านี้จึงคล้ายจะมีเลือดซึมออกมาอีก ทว่านางกลับไม่รู้สึกเจ็บ
รอดพ้นคราวเคราะห์มาได้ครั้งหนึ่งเดิมทีก็ควรจะดีใจ แต่เมื่อมองไปทางจีอู๋จิ้งกลับคล้ายตกอยู่ในวังวนแห่งความหวาดกลัวอีกขุมหนึ่ง หญิงสาวเครียดเกร็งไปทั้งร่าง ไหล่บอบบางสั่นสะท้านอยู่เนืองๆ
ยามนี้จีอู๋จิ้งค่อยหันมามองนางพลางเลิกคิ้ว ดวงตาเย็นชาสำรวจผ่านๆ ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ยังถือมีดสั้นไว้ด้วยเหตุใด เมื่อครู่แทงสุนัขต่ำช้าไม่ได้จึงอยากแทงข้าชดเชยอย่างนั้นหรือ”
ตอนเริ่มพูดเขาไม่แสดงสีหน้าใดแท้ๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดยามพูดจบถึงได้คล้ายผุดยิ้มขึ้นมาเสียได้
“ไม่ ไม่ใช่…” กู้เจี้ยนหลีปล่อยมืออย่างลนลาน มีดสั้นเล่มนั้นพลันร่วงลงไปอยู่ที่พื้นเสียงดัง
กู้เจี้ยนหลีรู้สึกตื่นตระหนกไปหมด นางเคยนึกภาพจีอู๋จิ้งฟื้นขึ้นมาในสักวันก็จริงอยู่ แต่ถึงเคยนึกอย่างไรก็มิได้คาดคิดว่ายามที่เขาฟื้นขึ้นมาจะเป็นเช่นนี้
ใจเย็น…ใจเย็นๆ
กู้เจี้ยนหลีไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี หรือควรจะบอกเขาว่าตนเองคือภรรยาที่จวนก่วงผิงป๋อหามาตบแต่งให้เขาระหว่างที่ไม่ได้สติ ทว่านี่กลับไม่จริงเสียทั้งหมด สายสนกลในมากมายไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ในไม่กี่ประโยคเสียหน่อย