“ข้า ข้า…ท่าน…” นี่เป็นครั้งแรกที่กู้เจี้ยนหลีผู้สุขุมใจเย็นเกิดอาการติดอ่างขึ้นมา
ทันใดนั้นนางพลันรู้สึกตัวว่าตนเองนั่งอยู่มุมเตียง จึงรีบร้อนลุกขึ้นกล่าวเสียงสั่นเครือ “ข้าจะไปตามหมอมาให้…”
นางอยากหนีไปจากตรงนี้เต็มที
ทว่าเพิ่งจะสาวเท้าไปได้ก้าวหนึ่งข้อมือกลับถูกจีอู๋จิ้งคว้าไว้เสียก่อน
มือของเขาเย็นมาก แม้จะเป็นคนป่วยใกล้ตายที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา ทว่าแรงกลับไม่น้อย เพียงออกแรงดึงกู้เจี้ยนหลีก็ถลาเข้าไปในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ขาข้างหนึ่งของหญิงสาวยังคงยืนอยู่ข้างเตียงใหญ่ ส่วนอีกข้างงอลงยันเข่ากับขอบเตียง ร่างเพรียวบางนุ่มนิ่มล้มลงในอ้อมแขนของจีอู๋จิ้ง คางมนกระแทกกับไหล่เขาอย่างแรงทีหนึ่ง ข้อมือข้างหนึ่งยังคงถูกเขายึดไว้ ส่วนอีกข้างชะงักค้างตรงข้างกายของเขา ไม่รู้ว่าควรวางลงตรงที่ใด
จีอู๋จิ้งยังคงนั่งขัดสมาธิเช่นเดิม ไม่ขยับเปลี่ยนอิริยาบถแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งรั้งกู้เจี้ยนหลีเอาไว้มั่น จากนั้นวางมืออีกข้างลงบนเอวของนางก่อนจะลูบไปมา
ต่อให้กำลังเกร็ง เอวของสตรีก็ยังคงนุ่มนิ่มอยู่ดี
กู้เจี้ยนหลีรู้สึกว่าเสียงของคนตรงหน้าเย็นเยียบดั่งอสรพิษ มือของเขาก็เช่นกัน อสรพิษตัวนั้นกำลังเลื้อยไปตามข้างเอวนาง นางได้แต่อดกลั้นสุดชีวิต ทว่าร่างกายกลับสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุม ตอนที่กำลังเกร็ง สติก็ยิ่งแจ่มใส นางรู้สึกได้ว่านิ้วมือเรียวยาวของเขากำลังรุกล้ำสาบเสื้อของตนเอง
ชั่วขณะนั้นกู้เจี้ยนหลีมิได้คิดว่าตนเองกำลังถูกล่วงเกิน แต่กลับไพล่ไปคิดถึงโคมไฟหนังมนุษย์
จีอู๋จิ้งพลันปล่อยมือ
กู้เจี้ยนหลียืนได้ไม่มั่นคงจึงเอนล้มลงตรงข้างกายเขา สองมือยันเตียง หงายหลังไปเล็กน้อย หอบหายใจโดยไร้เสียงอยู่สองทีก่อนมองไปทางจีอู๋จิ้งอย่างระมัดระวัง
จีอู๋จิ้งถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวพื้นหนึ่งจ่อไว้ตรงริมฝีปากพลางไอโขลก ผ้าสีขาวราวหิมะค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีแดง โลหิตสดๆ อาบย้อมจนเปียกชุ่มไปครึ่งผืน
ผ้าผืนนั้นเป็นผ้าเช็ดหน้าของกู้เจี้ยนหลี
กู้เจี้ยนหลีอึ้งงัน เข้าใจแจ่มแจ้งในตอนนี้เองว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายรั้งนางเข้าใกล้เพื่อจะหยิบผ้าเช็ดหน้าไปจากข้างเอวนาง
กู้เจี้ยนหลีเริ่มสงบจิตสงบใจได้ในที่สุด ยามนี้เปิดปากถามอีกฝ่ายเสียงเบาว่า “ท่าน…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
จีอู๋จิ้งหยุดไอแล้ว เขาใช้ท้องนิ้วปาดคราบเลือดตรงมุมปากทิ้งไป จากนั้นก้มลงมองผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดแวบหนึ่งก่อนพับผ้าผืนนั้นแล้วค่อยๆ วางลงข้างกายอย่างไม่รีบร้อน กล่าวตอบเสียงแหบแห้ง “ตอนนี้เวลาใดแล้ว ผ่านปีใหม่ไปหรือยัง”
“วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนสิบสอง” กู้เจี้ยนหลีตอบเสียงเบา
มือที่กำลังวางผ้าเช็ดหน้าชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่เจ้าของมือข้างนั้นขมวดคิ้วโดยที่นางไม่ทันสังเกต “เร็วเกินไป”
กู้เจี้ยนหลีไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงสิ่งใด นางค่อยๆ ขยับนั่งหลังตรงพลางถาม “ท่านจะดื่มน้ำหรือไม่ หิวหรือไม่ ข้าจะไปตามหมอมาให้เดี๋ยวนี้”
จีอู๋จิ้งขยับตัวเล็กน้อย ช้อนตาขึ้นจ้องหน้ากู้เจี้ยนหลีด้วยท่าทีเกียจคร้าน พลันรู้สึกว่าคุ้นเคยอยู่บ้าง ในดวงตาปรากฏแววประหลาดใจแวบหนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปจับคางหญิงสาวให้เงยหน้าขึ้นมาแล้วหรี่ตาพินิจใบหน้านางอยู่เช่นนั้น “เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับหลีกุ้ยเฟย”
กู้เจี้ยนหลีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนตอบ “นางเป็นน้าหญิงของข้า”
ปลายนิ้วของจีอู๋จิ้งลูบคางของอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิดก่อนเอ่ยต่อ “บุตรสาวคนเล็กของกู้จิ้งหยวน?”
“เจ้าค่ะ”
ใบหน้านี้ของกู้เจี้ยนหลีถอดแบบมาจากมารดา ซ้ำยังคล้ายคลึงกับหลีกุ้ยเฟยไม่น้อย
บนนิ้วมือของจีอู๋จิ้งมีหนังด้านบางๆ อยู่ สัมผัสเพียงแผ่วเบาก็ทำให้คางของหญิงสาวเกิดรอยแดง กู้เจี้ยนหลีใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ตัวสั่นเทายามถูกนิ้วมืออีกฝ่ายลูบคลำ
จีอู๋จิ้งร้อง “อ้อ” ออกมา แย้มยิ้มอย่างกระจ่างแจ้งก่อนจะเอ่ยถามอีก “บิดาเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“ท่านพ่อยังสบายดี!” ยามกล่าวถึงบิดาเสียงของกู้เจี้ยนหลีคล้ายจะดังขึ้นเล็กน้อย ทว่าเมื่อคิดถึงอาการของบิดานางในยามนี้แววตาก็พลันเศร้าสร้อย
จากนั้นนางคล้ายนึกบางอย่างได้จึงเงยหน้ามองจีอู๋จิ้งอีกคราอย่างตกตะลึง เขาไม่ได้สติไปครึ่งปี แล้วรู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อเกิดเรื่อง
กู้เจี้ยนหลีอยากจะถามเขา ทว่าด้านนอกกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงของหลินหมัวมัว “ฮูหยิน เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ”
จีอู๋จิ้งปล่อยนางพลางเปลี่ยนมาลูบคางตนเองแทน “ปลา”
“หา?” กู้เจี้ยนหลีฟังไม่เข้าใจ
“ข้าบอกว่าข้าอยากกินปลา” จีอู๋จิ้งเอนพิงด้านหนึ่งของเตียงอย่างเกียจคร้าน ท่าทางคล้ายจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ได้ ข้าจะไปบอกให้” กู้เจี้ยนหลีรีบลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว จึงเจอเข้ากับหลินหมัวมัวที่กำลังจะเคาะประตูพอดี
“นายท่านห้าฟื้นแล้ว ไปตามหมอมาเถิด”
หลินหมัวมัวอึ้งงันไปครู่หนึ่งก่อนตบเข่าฉาด “ดีเหลือเกิน! บ่าวจะรีบบอกให้เรือนชั้นนอกเชิญหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”
หญิงสูงวัยจากไปอย่างยินดีปรีดา กู้เจี้ยนหลีที่รั้งอยู่ใต้ชายคากลับไม่ยินดีสักเท่าไร นางเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟที่แขวนอยู่อย่างเหม่อลอย ยามนั้นลมเย็นหอบหนึ่งพลันพัดผ่าน ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงค่อยรู้สึกหนาวเหน็บ นางมุ่นคิ้วพลางยกมือขึ้นลูบตนเอง ทว่าความเย็นจากปลายนิ้วกลับแพร่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 ก.ย. 68