บทที่ 9
ชั่วขณะแรกที่กู้เจี้ยนหลีตื่นขึ้นมานางรู้สึกงุนงงไม่ทราบว่าตนเองอยู่ที่ใด ตรงหน้านางขมุกขมัวไปหมด มองสิ่งใดได้ไม่ชัดเจน นางถึงกับคิดว่าตนเองมิได้ตื่นขึ้น แต่กำลังฝันถึงแดนเซียนอยู่ด้วยซ้ำ
เมื่อสติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับมา ความทรงจำสุดท้ายก็ค่อยๆ ย้อนกลับมาเช่นเดียวกัน
กู้เจี้ยนหลีพลันผุดลุกขึ้นหันมองไปทางอ่างอาบน้ำก่อนร้องเรียกเสียงเบา “นายท่านห้า?”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ทั้งห้องข้างนี้เต็มไปด้วยม่านไอน้ำ มองไปทางใดล้วนไม่ชัดเจน
กู้เจี้ยนหลีลูบความชื้นจากไอน้ำบนใบหน้าเล็กน้อยก่อนคลำทางไปยังอ่างอาบน้ำ พอเข้าใกล้จนมั่นใจว่าจีอู๋จิ้งไม่อยู่ด้านในแล้วนางจึงเดินไปผลักหน้าต่างเปิด ไอน้ำมากมายถูกพัดพาออกไปในรวดเดียว ขณะเดียวกันพอลมเย็นตีเข้ามาหญิงสาวก็ย่นคอเล็กน้อย
ยามนี้ทัศนียภาพในห้องค่อยกลับมาชัดเจน
กู้เจี้ยนหลีกวาดสายตารอบห้องอาบน้ำเล็กๆ นี้อีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าจีอู๋จิ้งมิได้เป็นลมล้มพับอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งของห้องจริงๆ จึงรวบชายกระโปรงเดินออกไปข้างนอก
กู้เจี้ยนหลีเพิ่งจะออกมาถึงก็เจอเข้ากับลี่จื่อพอดี อีกฝ่ายยิ้มซื่อๆ ให้นางและพูดขึ้นว่า “กินข้าวเช้าเจ้าค่ะ”
กู้เจี้ยนหลีมองเตียงอันว่างเปล่าแวบหนึ่ง จากนั้นออกเดินไปยังโถงชั้นนอก จีอู๋จิ้งกำลังกินอาหารอยู่ บนใบหน้าปราศจากอารมณ์ นางลอบมองสีหน้าเขาครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
หญิงสาวรับข้าวมาจากลี่จื่อก่อนจะก้มหน้ากินทีละน้อย จีอู๋จิ้งไม่เอ่ยปาก นางก็ยิ่งไม่คิดเปิดบทสนทนา แม้บรรยากาศยามกินอาหารที่เงียบงันเช่นนี้จะแปลกพิลึกอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าให้พูดคุยกับเขามากนัก
บนโต๊ะมีอาหารจานปลามากมายอีกแล้ว
กู้เจี้ยนหลีคล้ายจะค้นพบว่ายามจีอู๋จิ้งกินปลาจะจดจ่อมากเป็นพิเศษ เขากินอย่างประณีต ซ้ำยังสง่างาม ท่าทางยามใช้ตะเกียบคีบก้างปลาออกมาทีละอันทั้งไหลลื่นและน่ามอง
ระหว่างกำลังกินอยู่นั้นกู้เจี้ยนหลีพลันนึกบางอย่างออก นางเคลื่อนไหวช้าลง กินต่อแบบส่งๆ เพียงคำสองคำก็วางตะเกียบแล้วนั่งอย่างเรียบร้อยรอให้จีอู๋จิ้งกินเสร็จ
จีอู๋จิ้งรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีเรื่องจะพูดกับตนเอง ทว่าเขาไม่รีบร้อน ยังคงละเลียดกินปลาอยู่อย่างนั้น ตอนที่เขากินปลาไม่ว่าใครก็ขัดเขาไม่ได้
ในที่สุดเขาก็วางตะเกียบลง ยกนิ้วชี้ที่ยังอบอวลด้วยกลิ่นหอมของเนื้อปลาขึ้นเลียอีกเล็กน้อยแล้วค่อยเหลือบมองไปยังกู้เจี้ยนหลี “มีอะไรจะคุยกับอาหรือ”
กู้เจี้ยนหลีมุ่นคิ้ว มองข้ามคำเรียกแทนตนเองว่า ‘อา’ แล้วตรงเข้าประเด็นทันที “วันนี้แต่งงานเป็นวันที่สามต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามธรรมเนียม ข้าอยากกลับไปดูสักหน่อย…”
พอเอ่ยถึงตอนท้ายเสียงของนางกลับเบาลง
เจ้าสาวกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง เพียงแต่กู้เจี้ยนหลีตบแต่งเข้ามาด้วยเหตุผลที่ไม่ธรรมดา หากจีอู๋จิ้งไม่ฟื้นขึ้นมา แน่ชัดว่านางไม่มีโอกาสกลับไปเลยแม้แต่น้อย
แน่นอน แม้อีกฝ่ายจะฟื้นขึ้นมาแล้ว นางก็ไม่มีความคิดจะพาเขากลับไปด้วยกัน
นางจึงกล่าวต่อไปว่า “เมื่อคืนหมอหลวงบอกว่าท่านไม่ควรเดินเหินเป็นเวลานาน ยิ่งไม่อาจทนความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ดังนั้นข้ากลับไปคนเดียวก็ได้ ก่อนฟ้ามืดข้าจะรีบกลับมา…”
จีอู๋จิ้งมองนางพลางลูบคาง พูดขึ้นเสียงเรียบเรื่อยว่า “ฝากทักทายตาเฒ่ากู้จิ้งหยวนแทนข้าด้วย”
กู้เจี้ยนหลียังไม่ทันได้โมโหที่อีกฝ่ายเรียกบิดาตนเองเช่นนั้น ดวงตาก็พลันเปล่งประกาย เขาอนุญาตแล้ว!
นางกล่าวต่ออีกว่า “หลินหมัวมัวยังต้องดูแลคุณหนูสี่กับคุณชายหก ท่านให้ลี่จื่อไปกับข้าด้วยได้หรือไม่”
จีอู๋จิ้งเหลือบมองไปทางลี่จื่อที่นั่งยองๆ เล่นก้อนหินอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะเหลือบมองกู้เจี้ยนหลีอย่างนึกรังเกียจ “สกุลกู้ของเจ้าตกอับจนไม่ได้เตรียมสาวใช้ติดตามเจ้ามาเชียวหรือ”
กู้เจี้ยนหลีคิดจะอธิบาย ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากในแววตาพลันเกิดประกายบางอย่างวูบผ่าน นางกดข่มความตื่นเต้นไว้ พยายามเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สาวใช้ที่จะติดตามมาจากบ้านเดิมของข้าเกิดเรื่องที่บ้านเล็กน้อยจึงตามมาไม่ทัน ข้าจะรีบเขียนจดหมายให้นาง บอกว่าจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วให้รีบตามมา”
หญิงสาวพูดไปพลางสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายไปพลาง