จีอู๋จิ้งมือหนึ่งยังคงลูบคาง อีกมือยกตะเกียบขึ้นเขี่ยก้างปลาเล่น หลังกู้เจี้ยนหลีพูดจบเขาเพียงรับคำอย่างส่งๆ ไม่ได้ทำสิ่งใดเพิ่มเติม
“เช่นนั้นข้าไปก่อน” กู้เจี้ยนหลีบอกเขาก่อนลุกขึ้นหมุนกายเดินออกไป แผ่นหลังของนางเหยียดตรง ทุกย่างก้าวเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับวัดระยะมาแล้วอย่างดี ทั้งยังสง่างามอ่อนช้อยอยู่ในที
จีอู๋จิ้งช้อนตาขึ้น จ้องมองแผ่นหลังที่จากไปอย่างเชื่องช้าของกู้เจี้ยนหลี พลันยกมุมปากพลางหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย
ฝ่ายกู้เจี้ยนหลีแม้พยายามเก็บซ่อนความยินดีปรีดาไว้ แต่มุมปากกลับยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
เดิมทีวันนี้ได้กลับบ้านเดิมไปเยี่ยมบิดาก็นับเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งยวดแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะสามารถรับจี้ซย่ากลับมาอยู่ข้างกายได้อีกครั้ง
จี้ซย่าผู้นี้เป็นสาวใช้คนสนิทของนาง อายุเท่ากัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ตอนที่สกุลกู้เกิดเรื่อง บ่าวรับใช้ถูกยกเลิกสัญญาและแยกย้ายกันไปทั้งหมด เดิมจี้ซย่าต้องการติดตามกู้เจี้ยนหลีต่อ ทว่าที่ที่ครอบครัวของกู้เจี้ยนหลีพักอยู่กลับเล็กและคับแคบมาก ไม่สามารถเจียดให้จี้ซย่าอาศัยด้วยได้แม้แต่น้อย กู้เจี้ยนหลีจึงใจแข็งปล่อยจี้ซย่ากลับบ้านตนเองไป ภาพยามร่ำไห้ลาจากเมื่อกาลก่อนคล้ายเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า ยามนี้…นางสามารถเรียกตัวจี้ซย่ากลับมาได้แล้ว
กู้เจี้ยนหลีหยีตามองแสงอาทิตย์อบอุ่นของยามเช้า ร่างกายพลันรู้สึกอบอุ่นตาม
เดิมทียามกู้เจี้ยนหลีตบแต่งเข้ามาพิธีการใดล้วนจัดอย่างเรียบง่ายได้ ทว่ายามนี้จีอู๋จิ้งฟื้นแล้ว คนในจวนพอได้ยินว่ากู้เจี้ยนหลีจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมก็ตระเตรียมเกี้ยวและของขวัญไว้ให้พร้อมสรรพในทันที
แม้จะดูทำส่งๆ อย่างเคย แต่ยังนับว่าพอดูได้
กู้เจี้ยนหลีอยากรีบกลับไปเยี่ยมบิดา จึงมิได้นึกถือสาเรื่องนี้
เรือนเล็กที่สกุลกู้อาศัยอยู่ยามนี้ตั้งอยู่ห่างไกล ทางตรงต้นตรอกที่จะเข้าไปก็แคบมาก แม้แต่เกี้ยวก็ผ่านเข้าไปไม่ได้จึงต้องหยุดลงตรงมุมถนน พอกู้เจี้ยนหลีลงจากเกี้ยวก็รีบเดินตรงไปทางเรือน กฎระเบียบที่ห้ามมิให้เปิดเผยใบหน้าง่ายๆ ในสามเดือนที่ผ่านมาล้วนทิ้งไว้เบื้องหลังจนหมดสิ้น
“สกุลเฉินของเจ้าทำเรื่องเช่นนี้จะต้องไม่ตายดี!”
ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงตะโกนของเถาซื่อ ในใจกู้เจี้ยนหลีพลันตื่นตระหนก สกุลเฉินเป็นบ้านสามีของพี่สาวนาง สามเดือนมานี้ญาติสนิทมิตรสหายที่คอยซ้ำเติมเมื่อลำบากมีมากพอแล้ว คงมิใช่แม้แต่พี่เขยก็…
พี่สาวกับพี่เขยของนางมิใช่ว่ารักใคร่กลมเกลียวจนคนทั้งเมืองหย่งอันอิจฉาตาร้อนหรอกหรือ!
กู้เจี้ยนหลีขบริมฝีปาก รวบกระโปรงออกวิ่งไปทางเรือน หน้าประตูเรือนยังคงมีคนมารอชมความครึกครื้นมากมายเช่นเคย ภาพนี้ดูแล้วช่างคุ้นตาเสียนี่กระไร
ลี่จื่อที่ตามมาด้วยช่วยผลักคนที่บังทางข้างหน้าออกไป จากนั้นหันมาส่งยิ้มโง่งมให้กู้เจี้ยนหลี
กู้เจี้ยนหลีไม่ทันคิดสิ่งใดให้มากความ นางรีบเปิดประตูเรือนเข้าไปพลางเอ่ยทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว “ลี่จื่อ ไล่คนด้านนอกออกไปให้หมด”
“เจ้าค่ะ…” ลี่จื่อรับคำเสียงยืดยานก่อนจะชูกำปั้นใส่กลุ่มคนที่มาชมความครึกครื้นเหล่านั้น พวกเขาเห็นนางเป็นแม่นางน้อยที่สมองดูเหมือนจะใช้การไม่ค่อยได้ผู้หนึ่งจึงไม่ได้ใส่ใจ กระทั่งหนึ่งหมัดของลี่จื่อชกลงไป คนกลุ่มนั้นก็แตกฮือไปคนละทิศคนละทางด้วยความหวาดกลัว
“เจี้ยนหลี?! กลับมาแล้วหรือ” เถาซื่อเห็นนางเข้าก็ทั้งตกใจและดีใจ รีบเดินเข้ามาหาทันที
กู้เจี้ยนหลีมองฉินหมัวมัวที่ยืนอยู่ในลานเรือนครู่หนึ่ง คนผู้นี้เป็นหมัวมัวผู้ดูแลจากสกุลเฉิน กู้เจี้ยนหลีย่อมรู้จักดี
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องของข้าเลย พี่หญิงเป็นอย่างไรบ้าง”
เถาซื่อโกรธจนตัวสั่น ชี้ไปทางฉินหมัวมัวก่อนตอบ “พวกสกุลเฉินรังแกพี่สาวเจ้า!”
ฉินหมัวมัวมองสำรวจกู้เจี้ยนหลีคราหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “คุณหนูรองสกุลกู้…ไม่สิ ตอนนี้ควรเรียกว่าฮูหยินห้าสกุลจีแล้ว มารดาของท่านอารมณ์ร้ายยิ่งนัก บ่าวนำความเรียนท่านจะดีกว่า ท่านควรเตือนพี่สาวของท่านเสียหน่อยนะเจ้าคะว่าระหว่างสามีภรรยาไม่ควรมีฝ่ายใดวางอำนาจจนเกินไป แต่งงานกันสามปีไม่มีทายาทนี่ไม่เหมาะสมแล้ว สกุลเฉินของเราจะหาคนมาตบแต่งใหม่ก็นับว่าสมเหตุสมผล สภาพการณ์สกุลกู้ของท่านเป็นเช่นนี้ รอจนพ้นปีใหม่ไปเกรงว่าไม่แคล้วต้องรับโทษอีกครา ที่ฮูหยินของเราจัดเรือนให้พี่สาวของท่านอยู่ข้างนอกจวนอย่างสุขสบายก็เพียงแค่อยากให้นางหนีจากเรื่องยุ่งยากไปก่อน…”
ในดวงตาเรียวรีของกู้เจี้ยนหลีเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อระคนกรุ่นโกรธ วาจาเหล่านี้นางไม่อาจไม่ตกใจ