บทที่ 2 หัวอกเดียวกัน
อันที่จริงขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงใช้มืออังหน้าผาก เจียงชิงหว่านก็ฟื้นแล้ว
คนสูงอายุเดิมทีก็มือเท้าเย็นเฉียบ อีกทั้งตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศยังพอหนาวเย็น เจียงชิงหว่านรู้สึกว่าจู่ๆ ก็มีของที่เย็นยะเยือกแนบลงมา นางจึงสะดุ้งแล้วฟื้นตื่นขึ้น
ทว่านางก็มิได้ลืมตา เพียงแต่ฟังคนเหล่านี้คุยกัน ในสมองสับสนยุ่งเหยิงไปหมด
นางไม่รู้ว่านี่มันคือเรื่องใด นางจำได้ชัดเจนว่าเวลานั้นตนเองกระโดดลงทะเลสาบ น้ำเย็นเสียดกระดูกอัดเข้ามาในหู จมูก ปากไม่หยุด นางต้องตายแล้วแน่นอน แต่ตอนนี้นางกลับได้ยินคนกำลังพูดคุยกัน มิหนำซ้ำพอนางลืมตาก็มองเห็นสตรีนางหนึ่งโผมาเรียกนางว่า ‘หว่านวาน’ อย่างตื่นเต้นดีใจ สาวใช้ข้างกายอีกฝ่ายก็เรียกนางว่า ‘คุณหนู’ ตลอดเช่นกัน
สตรีผู้นี้เป็นใคร และฮูหยินผู้เฒ่าคนเมื่อครู่เป็นผู้ใดกัน…
เจียงชิงหว่านต้องใช้เวลาทั้งวันถึงจะพอทำความเข้าใจได้
เวลานั้นนางตายไปแล้วมิผิดแน่ แต่ยามนี้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ชื่อเสียงเรียงนามยังคงเป็นเจียงชิงหว่าน ทว่าฐานะในยามนี้ของนางคือบุตรสาวสายตรงของหย่งชางป๋อเจียงเทียนโย่วที่อายุสี่สิบปี นางกำลังติดตามท่านย่าและมารดาเดินทางจากกานโจวไปเมืองหลวง
ซ้ำเจียงชิงหว่านยังรู้อีกว่ายามนี้ผ่านตอนที่นางกระโดดทะเลสาบมาได้หกปีแล้ว ในอดีตเจียงเทียนโย่วเป็นทหารที่ติดตามหนิงอ๋องก่อกบฏ เพราะความกล้าหาญในการศึก ทั้งยังเคยช่วยชีวิตหนิงอ๋องในสนามรบ เมื่อหนิงอ๋องได้ครองบัลลังก์จึงมอบบรรดาศักดิ์หย่งชางป๋อให้แก่เขา บัดนี้เขาเป็นขุนนางขั้นสี่หลัก มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการกองกำลังรักษาเมืองหลวง นับได้ว่าเป็นบุคคลตำแหน่งสูงในราชสำนัก
เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านมาหกปีแล้ว หนำซ้ำนางยังมีฐานะใหม่อีกด้วย
เจียงชิงหว่านไม่รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางควรรู้สึกเช่นไร หรือนี่จะเป็นเพราะสวรรค์เห็นชาติก่อนนางมีชีวิตน่าสงสาร ถึงได้ให้นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
มองดูรูปโฉมของเด็กสาวในคันฉ่องสำริด ตาเรียวคิ้วโก่ง แม้ผิวพรรณคล้ำไปสักหน่อย แต่องคาพยพล้วนวิจิตรบรรจง คิดว่าพอโตขึ้นรูปโฉมคงไม่แย่แน่นอน
เจียงชิงหว่านยิ้มน้อยๆ
นี่นับว่าได้มาเกิดใหม่แล้ว
จิ่นผิงกำลังใช้ถาดกลมสีแดงใบเล็กยกชามยาเข้ามาในห้อง เห็นเจียงชิงหว่านถือบานคันฉ่องสำริดนั่งส่องอยู่บนเก้าอี้ก็รีบเดินมากล่าวว่า “คุณหนู อาการป่วยยังไม่หายดี เหตุใดถึงลุกขึ้นมาเล่าเจ้าคะ”
นางวางถาดกลมในมือลง ก่อนประคองเจียงชิงหว่านไปที่เตียงโดยไม่ยอมให้คัดค้าน ให้อีกฝ่ายเอนร่างพิงหัวเตียงแล้วค่อยหันไปหยิบชามยาที่วางอยู่บนโต๊ะ
ยาน้ำสีดำปี๋ ยังไม่ทันดื่มก็ได้กลิ่นขมก่อนแล้ว