เจียงชิงหว่านขมวดคิ้ว นางเป็นคนกลัวขม ที่ผ่านมาเวลาไม่สบายแล้วต้องกินยา ชุยจี้หลิงจะคิดหาวิธีมาหลอกล่อนางเสมอ ทั้งยังซื้อผลไม้แช่อิ่มของร้านต้าซิงกลับมาให้นางกินด้วย แม่สามีเห็นเข้าก็จะไม่พอใจยิ่ง บอกว่านางอ่อนแอเปราะบางเกินไป
ยามนี้เขาคงไม่มาหลอกล่อข้าเช่นนั้นอีก น่าจะเปลี่ยนไปหลอกล่อซุนอิ้งเซวียนแทนแล้วกระมัง
ในใจเจียงชิงหว่านพลันปวดหนึบ นางยื่นมือไปหยิบชามยามาจากมือจิ่นผิง ก่อนดื่มจนเกลี้ยงในไม่กี่อึกโดยไม่ใช้ช้อน
คนเราก็เป็นเช่นนี้ ผ่านความตายมาหนหนึ่งก็อยากจะมีชีวิตที่ดี เช่นนั้นยานี้จำต้องกิน
จิ่นผิงยืนมองอย่างตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ด้านข้าง
เดิมทีการทำให้คุณหนูกินยาเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง นางเตรียมใจมาแล้วว่ายาชามนี้อาจจะต้องใช้เวลาป้อนถึงครึ่งชั่วยามแต่คิดไม่ถึงว่าคุณหนูจะหยิบชามยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนเกลี้ยง
จนกระทั่งเจียงชิงหว่านยื่นมือส่งชามเปล่ามาให้ จิ่นผิงถึงเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน รีบรับชามมาวางบนถาด ก่อนจะหยิบผลไม้แช่อิ่มกระปุกเล็กมาพลางกล่าวว่า “คุณหนู นี่เป็นผลไม้แช่อิ่มที่นายหญิงเพิ่งสั่งให้คนไปซื้อมา รสชาติหวานๆ เปรี้ยวๆ อร่อยยิ่งนัก ท่านเพิ่งกินยาเสร็จ อมไว้ในปากสักลูกก็จะหายขมแล้วเจ้าค่ะ”
เจียงชิงหว่านมองปราดหนึ่ง เห็นว่าในกระปุกเล็กเป็นบ๊วยเชื่อม ด้านบนยังมีเกล็ดน้ำตาลสีขาวติดอยู่
ทว่า…นางไม่อยากกินผลไม้แช่อิ่มอีกแล้ว จึงโบกมือ “ข้าไม่กิน”
เจียงชิงหว่านพูดพลางนอนลงแล้วห่มผ้า หลับตาเตรียมพักผ่อนสักครู่หนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้ไข้นางจะลดแล้ว แต่ยังคงเวียนหัวอยู่ มือเท้านางก็อ่อนเปลี้ย ทั้งตัวคนไร้ซึ่งกำลังวังชา ยังต้องพักผ่อนให้มากหน่อย
จิ่นผิงเห็นเจียงชิงหว่านนอนแล้วก็ยกถาดที่มีชามเปล่าวางอยู่ถอยออกไปอย่างเบามือเบาเท้า
พอออกประตูมาก็เจอเถาเยี่ยเอ่ยถามนางว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าให้ข้ามาถามว่ายามนี้คุณหนูเป็นอย่างไรแล้ว”
โรงเตี๊ยมดีเพียงไรก็ไม่สบายเท่าที่จวน ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงอยากจะรีบเดินทางต่อแล้ว
จิ่นผิงจึงตอบว่า “คุณหนูไข้ลดแล้ว แต่ยังดูไม่มีกำลังวังชา ข้าเห็นคุณหนูไม่อยากแม้แต่จะพูดด้วยซ้ำ เจ้าก็กลับไปเรียนฮูหยินผู้เฒ่าทีว่าหากเป็นไปได้ก็พักอยู่ที่นี่อีกสักสองวัน รอคุณหนูหายดีค่อยออกเดินทางต่อเถิด”
เสียงเบาๆ ลอดผ่านประตูฉลุลายเข้ามา เจียงชิงหว่านได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องใด
เจียงชิงหว่านนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงพูดกับเหยาซื่อตอนที่นางเพิ่งตื่นขึ้นมาได้ ในใจก็ครุ่นคิดว่า…เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ชอบหลานสาวผู้นี้สักเท่าไร ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้ไม่ชอบ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ในครอบครัว หากวันหน้าอยากจะมีชีวิตที่ดีในสกุลเจียง ก็ไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายระอาใจได้
ทางหนึ่งเจียงชิงหว่านครุ่นคิด อีกทางก็เคลิ้มหลับไป…
ยามเจียงชิงหว่านตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงเหยาซื่อพูดเบาๆ “เสื้อผ้าที่คุณหนูจะใส่วันพรุ่งนี้เจ้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือไม่ นางยังไม่หายป่วยดี หยิบเสื้อคลุมมาให้นางคลุมด้วยเถอะ อีกอย่างยาที่หมอจ่ายให้เหล่านั้นต้องนำไปด้วยทั้งหมด หม้อต้มยาก็ด้วย ระหว่างทางยังต้องต้มให้นางกินอีก”
จิ่นผิงรับคำ มองเห็นเจียงชิงหว่านตื่นแล้วก็กล่าวกับเหยาซื่อด้วยความดีใจ “นายหญิง คุณหนูตื่นแล้วเจ้าค่ะ”
เดิมทีเหยาซื่อกำลังหันหลังให้เจียงชิงหว่าน พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันร่างกลับมา ก้าวไม่กี่ก้าวไปนั่งลงริมเตียง เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นดีใจว่า “หว่านวาน เจ้าตื่นแล้ว?”
เจียงชิงหว่านมองเหยาซื่ออย่างอึ้งงัน