ทว่าเมิ่งอี๋เหนียงยังไม่ทันเดินไปถึงเรือนหลิวเซียงก็บังเอิญเจอเจียงชิงหว่านเข้าระหว่างทางเสียก่อน
เห็นอีกฝ่ายสวมเสื้อผ่าหน้าสีรากบัวปักลายดอกซินอี๋ข้างจอนผมปักปิ่นกระดองเต่าลายเมฆไว้หนึ่งอัน พวงมุกยาวห้อยลงมาข้างหู ใบหน้างดงามราวกับบัวตูม
มองเห็นเมิ่งอี๋เหนียง เจียงชิงหว่านก็หยุดฝีเท้าลง เอ่ยเรียกพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “อี๋เหนียง”
เมิ่งอี๋เหนียงเองก็ได้แต่หยุดฝีเท้า อมยิ้มเอ่ยเรียกว่า “คุณหนูสาม”
เจียงชิงหว่านใช้สายตาพินิจมองเมิ่งอี๋เหนียง จากนั้นก็พูดยิ้มๆ “เมื่อคืนอี๋เหนียงนอนหลับไม่สนิทหรือ ไฉนจึงดูสีหน้าไม่สู้ดี”
ขณะเมิ่งอี๋เหนียงออกมาได้ตั้งใจแต่งหน้าจนมั่นใจว่าปกปิดรอยคล้ำที่ใต้ตาดีแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเจียงชิงหว่านผู้นี้จะตาดีถึงขั้นมองออกเสียได้
เดิมทีเป็นเพียงคำทักทายแสนธรรมดา แต่เนื่องจากเมิ่งอี๋เหนียงรู้ว่าเรื่องที่เมื่อคืนเจียงเทียนโย่วค้างที่เรือนหลิวเซียงเป็นเจียงชิงหว่านช่วยส่งเสริมอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังกระแหนะกระแหนนาง
นางแอบกัดฟันกรอด ภายนอกกลับยังคงพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “เมื่อคืนหนิงเกอไม่รู้เป็นอะไร ร้องไห้งอแงไม่หยุด ผู้น้อยมัวแต่ยุ่งกับการกล่อมเขานอน จึงนอนไม่เต็มอิ่ม”
สายตาแฝงแววโอ้อวดอยู่พอสมควร
ใครใช้ให้เหยาซื่อไม่มีบุตรชายสายตรงเล่า ตอนนี้หนิงเกอจึงเป็นบุตรชายคนเดียวของนายท่าน
เจียงชิงหว่านมองเจียงฉางหนิง
ช่างบังเอิญนัก เสื้อคลุมสั้นตัวเล็กบนตัวเขาก็เป็นสีรากบัวเช่นกัน ทว่าลายดอกบัวบนคอเสื้อปักขอบด้วยดิ้นทอง ผ้าที่ใช้ทำเสื้อคลุมสั้นก็เป็นผ้าไหมหางโจวที่ล้ำค่ายิ่ง มองออกได้ว่าเมิ่งอี๋เหนียงเลี้ยงดูคุณชายน้อยผู้นี้ดีอย่างยิ่ง
หากเหยาซื่อยังไม่มีบุตรชายสายตรงไปตลอด ภายหน้าเจียงฉางหนิงที่เป็นบุตรชายสายรองคนโตก็จะได้บรรดาศักดิ์หย่งชางป๋อไป ฐานะจะสูงส่งถึงเพียงไรเล่า แน่นอนว่าตอนนี้จะเลี้ยงดูสั่งสอนอย่างไรก็ไม่ผิด
เจียงชิงหว่านจึงหันหน้าไปมองเมิ่งอี๋เหนียงพลางพูดยิ้มๆ “น้องสี่อายุยังน้อย อี๋เหนียงดูแลเขาต้องลำบากมากเป็นแน่ แล้วนี่ยังต้องดูแลงานในจวนอีก ข้าเองก็รู้สึกลำบากแทนอี๋เหนียงแล้ว มิสู้อีกประเดี๋ยวข้าลองพูดกับท่านย่าดูว่าอาจจะให้ผู้อื่นมาดูแลน้องสี่แทน หรือไม่ก็ไม่ต้องให้อี๋เหนียงดูแลงานในจวน เช่นนี้อี๋เหนียงก็จะสบายขึ้นใช่หรือไม่ อี๋เหนียงเห็นว่าข้อเสนอของข้าเป็นอย่างไร”
เมิ่งอี๋เหนียงพลันใจเต้นตึกตัก หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ความหมายของเจียงชิงหว่านคืออยากอุ้มหนิงเกอไปให้เหยาซื่อเลี้ยงใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็จะให้หนิงเกอมีทะเบียนในนามของเหยาซื่อ? หรือไม่ก็ให้นางคืนอำนาจดูแลงานในจวนให้เหยาซื่อเสีย
จะอย่างไรเหยาซื่อก็เป็นนายหญิง หากในใจอีกฝ่ายมีความคิดสองอย่างนี้จริง ก็เป็นเรื่องสมควรไม่ว่าด้วยเหตุผลหรือน้ำใจ…ผู้ใดก็คัดค้านไม่ได้
ทว่านางไม่ยอมให้เจียงฉางหนิงไปอยู่ในนามของเหยาซื่อและให้อีกฝ่ายมาเลี้ยงดูเขาเด็ดขาด มิเช่นนั้นภายภาคหน้าเจียงฉางหนิงจะต้องไม่สนิทกับนางแน่นอน ซ้ำยังจะกลายเป็นที่พึ่งให้เหยาซื่อด้วย
บุตรชายที่ตนคลอดออกมากลับกลายไปเป็นที่พึ่งของผู้อื่น มิใช่เป็นที่พึ่งของตนเอง คิดแล้วก็รู้สึกคับอกคับใจยิ่ง
ส่วนเรื่องมอบอำนาจดูแลงานในจวนออกไปนั้น ใจนางก็ไม่ยินยอมเช่นกัน
แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นเพียงอนุภรรยา แต่ขอเพียงนางยังดูแลจวนอยู่ บรรดาบ่าวไพร่ในจวนก็ล้วนต้องเคารพนาง ไม่กล้าดูถูกนาง ถ้าหากนางมอบอำนาจให้เหยาซื่อ ต่อไปใครจะมีความยำเกรงต่ออนุภรรยาผู้หนึ่งอีกเล่า