บทที่ 17 ความริษยา
คิดไม่ถึงว่าคุณหนูสามผู้นี้อายุยังไม่มาก กลับฝีปากคมคายเพียงนี้
เมิ่งอี๋เหนียงลอบกัดฟันกรอก ทว่าภายนอกยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยน “ขอบคุณคุณหนูสามมากเจ้าค่ะที่เป็นห่วง ทว่าสองเรื่องนี้ผู้น้อยยังรับมือได้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนผู้อื่น”
เจียงชิงหว่านยิ้มน้อยๆ
นางย่อมจะไม่เสนอให้บันทึกเจียงฉางหนิงไว้ภายใต้นามของเหยาซื่อจริงๆ และก็ยังไม่ให้เมิ่งอี๋เหนียงมอบอำนาจดูแลงานในจวนออกมาตอนนี้ นางแค่ขัดนัยน์ตายามเห็นสีหน้าโอ้อวดและภาคภูมิใจของเมิ่งอี๋เหนียงขณะเอ่ยถึงเจียงฉางหนิงเมื่อครู่นี้ก็เท่านั้น
“ผู้มีความสามารถมากย่อมเหน็ดเหนื่อย อี๋เหนียงเป็นคนมีความสามารถ ทว่าถ้าวันหน้าอี๋เหนียงรู้สึกเหนื่อยแล้วก็บอกต่อท่านย่าและท่านแม่สักคำ หรือบอกข้าก็ได้ ข้าจะนำไปบอกท่านย่าและท่านแม่ให้ คิดว่าท่านย่ากับท่านแม่ทราบว่าอี๋เหนียงลำบากเพียงนี้คงรู้สึกปวดใจ ย่อมจะช่วยอี๋เหนียงแบ่งเบาภาระงานแน่นอน”
ตีงูต้องตีให้ตาย นางรู้ว่าสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เมิ่งอี๋เหนียงใส่ใจเป็นที่สุดจึงได้ใช้พวกมันมาเตือนอีกฝ่าย เช่นนี้วันหน้าก็ขวางไม่ให้เมิ่งอี๋เหนียงพูดต่อหน้าเจียงเทียนโย่วและผู้อื่นทำนองว่าตนเองกำลังทำงานแทนเหยาซื่อ มีความลำบากตั้งเท่าไร จนกลายเป็นทำให้เจียงเทียนโย่วและผู้อื่นคิดว่าเหยาซื่อไร้ความสามารถได้
การแก่งแย่งชิงดีระหว่างสตรีในวัง แม้จะแค่ในโรงซักล้างเล็กๆ ก็ยังทารุณกว่านี้หลายเท่า หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ต่อให้เป็นคนใสซื่อเพียงไรก็ยังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมีกลอุบายขึ้นมา
ทว่าเจียงชิงหว่านรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่จะไม่ดี ชาติก่อนก็เป็นเพราะนางเชื่อใจชุยจี้หลิงกับซุนอิ้งเซวียนมากเกินไปถึงได้มีจุดจบน่าเศร้าสังเวชเช่นนั้น
การถูกคนที่ตนสนิทชิดเชื้อและให้ความสำคัญที่สุดทำร้ายจิตใจ นี่ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุด
เมิ่งอี๋เหนียงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกแน่นหน้าอก แต่จะอย่างไรเจียงชิงหว่านก็เป็นคุณหนูเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจวนหย่งชางป๋อนี้ นางเป็นอนุภรรยา ต่อให้ยามนี้ในใจนางรู้สึกไม่ดีเพียงไร ภายนอกกลับยังต้องพูดขอบคุณในความห่วงใยของคุณหนูสามด้วยเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา
รู้ทั้งรู้ว่าผู้อื่นพูดคำเหล่านี้เพื่อเหน็บตนเอง แต่น้ำกลับท่วมปาก ซ้ำยังต้องกล่าวขอบคุณอีกด้วย น่าอึดอัดคับข้องเกินไปแล้วจริงๆ
เจียงชิงหว่านเห็นว่าพอสมควรแล้วก็หยุด ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นคนทั้งสองก็มุ่งหน้าไปเรือนหลิวเซียงต่อ
ระหว่างทางต้องผ่านแปลงเสาเย่าตอนนี้กำลังเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อน ดอกเสาเย่าแปลงใหญ่จึงกำลังบานสะพรั่ง
สีชมพู สีขาว สีม่วง จะกลีบซ้อนหรือกลีบเดี่ยว ล้วนมีสารพัดแบบ ขณะมีลมพัดมา ก้านเรียวเล็กของดอกเสาเย่าก็โยกไปมาเบาๆ กลิ่นหอมเย็นสดชื่นโชยมาแตะจมูก
ในบรรดาดอกไม้ทั้งหมดเจียงชิงหว่านชอบดอกเสาเย่าที่สุด นางรู้สึกว่ามันดูอ่อนช้อยงดงาม ยามนี้มองเห็นดอกเสาเย่ากำลังผลิบานดีก็หยุดฝีเท้ามองดูครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้ ซ้ำยังเด็ดมาหลายดอกแล้วส่งให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างถือไว้