บทที่ 25 สถานการณ์ยกระดับ
โจวหมัวมัวใช้ไม้เรียวชี้สะดึงอันที่ชำรุดบนโต๊ะ บนหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ก็จริง ทว่าคำที่กล่าวออกมากลับเข้มงวดอยู่บ้าง “คุณหนูรอง งานปักผ้ากลัวความใจร้อนที่สุด” นางเรียกสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างให้หยิบผ้าสะอาดมาหนึ่งผืน จากนั้นก็หันหน้ามามองเจียงชิงอวี้อีกครั้ง “คุณหนูรอง รบกวนท่านนำผ้าผืนนี้ขึงสะดึงเองให้เรียบร้อย”
ก่อนหน้านี้เจียงชิงอวี้อยู่ในจวนหย่งชางป๋อสามารถกล่าวได้ว่าทุกคนล้วนต้องเกรงกลัวนาง มีใครกล้าพูดกับนางอย่างเข้มงวดเช่นนี้เสียเมื่อไร หนำซ้ำยังเป็นแค่หมัวมัวสอนปักผ้าผู้หนึ่ง ในใจนางเห็นว่าไม่ต่างอันใดกับบ่าวไพร่
ครั้นเจียงชิงอวี้หันหน้าไปก็เห็นเจียงชิงอวิ๋นวางสะดึงในมือลงและกำลังมองมาทางนางอยู่ด้วยท่าทางเหมือนกำลังดูละครฉากสนุก นางจึงมองไปที่เจียงชิงเซวียนกับเจียงชิงหว่าน คนทั้งสองกลับไม่ได้มองมา เพียงแต่ต่างก้มหน้าก้มตาปักผ้า
ทว่าเจียงชิงอวี้ยังคงไม่พอใจยิ่ง รู้สึกว่าท่าทีของคนทั้งสองเป็นการดูถูกนาง ล้วนแต่ไม่อยากลดตัวมามองนาง
เจียงชิงอวี้รู้สึกว่าตั้งแต่เจียงชิงหว่านมาถึง นางก็ไม่มีช่วงเวลาที่ได้ดั่งใจเลย จึงอดจะถลึงตาใส่พวกเจียงชิงเซวียนทั้งสามคนอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้
เจียงชิงเซวียนกับเจียงชิงหว่านย่อมไม่ได้เห็นท่าทางถลึงตาของนาง แต่เจียงชิงอวิ๋นใจหายวาบ รีบหยิบสะดึงขึ้นมาก้มหน้าก้มตาทำท่าทางตั้งอกตั้งใจปักผ้าต่อ ทว่ายังคงแอบเหลือบมองมาทางนาง ดูว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เจียงชิงอวิ๋นเห็นเจียงชิงอวี้แหงนหน้ามองโจวหมัวมัวพลางพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร แล้วเจ้าเป็นใคร”
โจวหมัวมัวมองเจียงชิงอวี้ปราดหนึ่ง ก่อนตอบอย่างสงบนิ่ง “ยายเฒ่าผู้นี้ย่อมจะรู้ ท่านเป็นคุณหนูรองของจวนนี้ ส่วนยายเฒ่าผู้นี้เป็นคนที่มาสอนท่านเย็บปัก”
น้ำเสียงไม่ยกตนสูงไม่กดตนต่ำ หลังก็ยืดตรง
“ข้ายังนึกว่าเจ้าไม่รู้เสียอีก” เจียงชิงอวี้หัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อรู้ก็ดีแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเจ้าเป็นแค่หมัวมัวที่จวนข้าใช้เงินจ้างมาสอนพวกข้าเย็บปักเท่านั้น แม้แต่บ่าวไพร่ในจวนข้ายังมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากกว่าเจ้า ในขณะที่ข้านั้นเป็นคุณหนู ถือเป็นเจ้านาย เจ้ากล้าใช้ไม้เรียวชี้ข้าเยี่ยงนี้ ซ้ำยังบอกให้ข้าใส่ผ้าผืนนี้ในสะดึงเองได้อย่างไร นี่เป็นงานของคนรับใช้ชัดๆ” ว่าแล้วนางก็ยื่นมือส่งผ้าไหมขาวกับสะดึงที่ชำรุดแล้วอันนั้นไปให้ คางเชิดขึ้น “เจ้าขึงผ้าใส่สะดึงให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
ท่าทางเจียงชิงอวี้มีแต่ความหยิ่งผยองลำพองตน เห็นโจวหมัวมัวเป็นบ่าวไพร่โดยแท้
เสียงความเคลื่อนไหวนี้ออกจะดังเกินไปสักหน่อย ไม่เพียงเจียงชิงเซวียนและเจียงชิงอวิ๋น แม้แต่เจียงชิงหว่านก็ยังเงยหน้าขึ้นมามอง
โจวหมัวมัวยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งยิ่ง “เชิญคุณหนูรองนำผ้าใส่สะดึงให้เรียบร้อยด้วย”
เวลานี้เจียงชิงอวี้ก็รู้เช่นกันว่าพวกเจียงชิงหว่านต่างกำลังมองนางกับโจวหมัวมัวอยู่ แม้แต่เหล่าสาวใช้ที่รออยู่นอกห้องก็ล้วนกำลังมองพวกนางเช่นกัน แต่โจวหมัวมัวผู้นี้ถึงกับยังกล้าพูดกับนางเยี่ยงนี้
หากนางแสดงกิริยาอ่อนปวกเปียกแม้แต่นิดเดียว วันหน้าในใจบ่าวไพร่จะมองนางเยี่ยงไร แน่นอนว่าต้องรู้สึกว่าพวกเจียงชิงหว่านต่างหากที่เป็นเจ้านายตัวจริง ส่วนนางเป็นเพียงลูกอนุภรรยาผู้หนึ่งเท่านั้น
ไม่ได้…จะปล่อยให้ผู้อื่นมองข้าเป็นเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด เจียงชิงหว่านเป็นแค่เด็กสาวบ้านป่าที่มาจากชนบท ข้าจะต้องชนะเจียงชิงหว่านให้ได้
คิดเช่นนั้นคางของเจียงชิงอวี้ยิ่งเชิดสูงกว่าเดิม ซ้ำยังยื่นมือปัดไม้เรียวตรงหน้าอย่างแรง